ท่ามกลางความเงียบในห้องของซูจิ้งหนาน ทำให้บ้านตระกูลซูยามนี้ตึงเครียดยิ่งนัก ซูเหวินเฉียงเรียกลูกสาวเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขานรับไม่พอ ยังนิ่งเงียบเสียจนน่าหวั่นใจ
ด้านล่างไป๋หรูอิงเดินไปเดินมา พลางคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี ตั้งแต่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลซู เธอรู้ดีว่าห้องนั้นคือห้องต้องห้าม ข้าวของทุกชิ้นถือเป็นของตระกูลหลิว
แต่เธอดันคิดน้อยไปและอยากได้ห้องนั้นเป็นห้องลูกสาวในอนาคต เพราะมันงดงามและตกแต่งหรูหรา เธอยอมโดนซูจิ้งหนานข่มขู่และยอมให้ซูเหยียนหลิงต้องนอนห้องรับแขกที่คับแคบ ไม่สมกับเป็นคุณหนูตระกูลซู จึงคิดเอาของพวกนั้นไปขาย
และที่สำคัญชุดแต่งงานที่เธอเห็นว่ามันเป็นหนามตำใจ จึงจับฉีกเสียแต่เมื่อดันคิดได้ว่าของพวกนี้มันห้ามแตะต้องและทำพังเสียหาย คิดจะไปสารภาพว่าไม่ได้ตั้งใจ และจะร้องไห้ให้ซูเหวินเฉียงลงโทษเธอ
แต่ไม่คิดว่าวันนั้นยังมาไม่ถึง ก็ถึงวันที่สามีลงไม้ลงมือกับเธอเป็นครั้งแรก
ปกติเห็นเพียงเขาระบายโทสะกับลูกสาวที่เอาแต่ใจ ครั้งนี้เธอโดนเองบ้างทำให้ใจสั่นเทาไปหมด เธอไม่มีบ้านเดิมให้กลับ ไม่มีตระกูลให้หนุนหลัง มีเพียงความรักของซู เหวินเฉียงเท่านั้น
หากเขาทอดทิ้งเธอวันนี้เท่ากับเธอฆ่าตัวตาย
“คุณคะ...ความผิดฉันเองค่ะ...เรื่องนี้เป็นความสะเพร่าของฉันเอง” ไป๋หรูอิงทำได้เพียงแค่ยอมรับผิดไปเท่านั้น เพราะสิ่งนั้นสามีเห็นกับตาไม่อาจแก้ตัวหรือให้ร้ายว่าลูกเลี้ยงของเธอสร้างเรื่องมาเอง
“ผมผิดหวังในตัวคุณมาก” ซูเหวินเฉียงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาจนคนฟังเหน็บหนาวใจ
ไป๋หรูอิงไม่คิดว่าเธอจะพลาดจนถึงขนาดให้สามีเอ่ยคำนี้ออกมา
ซูเหยียนหลิงเห็นคุณพ่อกับคุณแม่ที่เถียงกันอยู่หน้าห้องของซูจิ้งหนานยิ่งสับสน
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่มันเรื่องอะไรกัน คุณพ่อที่อ่อนโยนมากขนาดนั้น เย็นชาต่อคุณแม่ได้อย่างไร
ต้องเป็นแผนของซูจิ้งหนานแน่ ๆ เธอมั่นใจ และจะไม่ยอมให้ซูจิ้งหนานวางแผนสำเร็จแน่
ที่ตั้งใจเข้าไปในห้องเก่าของอดีตภรรยาคุณพ่อก็เพราะเรื่องนี้เองสินะ
“คุณพ่อคะ...อย่าโกรธคุณแม่เลยนะคะ คุณแม่แค่อยากให้หนานหนานมีชุดดี ๆ ใส่ คุณแม่รักหนานหนานมากกว่าหนูเสียอีก คุณพ่อก็เห็นไม่ว่าเรื่องอะไรคุณแม่จะนึกถึงหนานหนานก่อนเสมอ”
ซูเหยียนหลิงพยายามเกลี่ยกล่อมคุณพ่อให้ใจเย็นลง แล้วขยิบตาให้กับแม่ของเธอแก้ตัวต่อ เพราะที่ผ่านมาล้วนทำไปเพื่อซูจิ้งหนานด้วยกันทั้งนั้น แทบจะไม่ใช่เพื่อตัวเธอเองด้วยซ้ำ
แต่นั่นเป็นสิ่งที่พวกเธอตั้งใจ เพราะซูจิ้งหนานรังเกียจเธอสองคนแม่ลูก ยิ่งอาละวาดหนัก ยิ่งทำให้ทุกคนสงสารเธอกับแม่ รวมทั้งพี่ซ่งเยี่ยนซินก็ด้วย
“ใช่ค่ะคุณ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะ ห้องนั้นฉันเห็นว่ามันใหญ่กำลังจะเก็บของเพื่อให้คนมาตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้ซูจิ้งหนานเข้าไปอยู่ และให้ซูเหยียนหลิงอยู่ห้องของซูจิ้งหนานแทน คุณก็เห็นบ้านเรารับแขกตลอด ซูเหยียนหลิงพักห้องรับแขกเล็ก ๆ มีแต่จะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลซูป่นปี้นะคะ ฉันไม่ระวังเองเผลอทำชุดแต่งงานของหลิวอี้พัง ที่จริงฉันจะสารภาพกับคุณอยู่แล้ว เพียงแต่กำลังหาช่างมาซ่อมให้กลับดังเดิมเท่านั้นค่ะ”
ซูเหวินเฉียงที่เห็นว่าไป๋หรูอิงกับซูเหยียนหลิงพูดมาก็มีเหตุผล เพราะซูจิ้งหนานไม่ยอมให้ซูเหยียนหลิงนอนด้วย และบ้านนี้ก็ขยับขยายลำบาก ชั้นบนจึงมีเพียงสามห้อง เป็นห้องนอนของเขา ห้องของหลิวอี้และห้องของซูจิ้งหนาน
แน่นอนว่าซูจิ้งหนานถูกเลี้ยงดูเหมือนไข่มุกบนฝ่ามือ ห้องนอนใหญ่ สามารถนอนได้สองคน แต่ว่ากลับไม่ยอมให้พี่สาวนอนด้วย สุดท้ายต้องไปนอนห้องรับแขกด้านล่าง ซึ่งใครไปใครมาก็ย่อมเห็นว่าลูกสาวคนโตตระกูลซูถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเลยสักนิด จนซูเหวินเฉียงถอนหายใจคิดว่าตนเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้
แต่ทว่าครั้นจะเอ่ยออกมา กลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“พูดไปทั้งหมดนี่ก็คือหลานฉันเป็นคนผิดอย่างนั้นสิ ที่เกิดมาเป็นคุณหนูตระกูลซูอย่างถูกต้อง และมีชื่อในตระกูล ได้นอนห้องใหญ่กว้างขวาง ส่วนลูกสาวนอกคอกไม่มีห้องให้นอน”
คุณนายหลิวเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางดุจดั่งพญาหงส์ เรื่องราวทั้งหมดในบ้านถูกคนสวนที่เป็นคนของตระกูลหลิวรายงานแล้ว รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับสองแม่ลูกนี้ด้วย
“คุณแม่!”
ซูเหวินเฉียงได้ยินพลันหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงที่ทรงพลังและอำนาจเหนือตระกูลซู ซึ่งเขาก็ไม่อยากเผชิญหน้าสักเท่าไหร่
“ยังเรียกฉันว่าแม่ได้อีกรึ” คุณนายหลิวตวัดหางตาไปยังลูกเขยที่เคยให้สัญญาว่าจะดูแลหลานสาวคนเดียวของตระกูลหลิวให้ดี
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ได้รับรู้ตลอดมามันตรงข้ามกับสิ่งที่เคยสัญญากันเอาไว้
“คุณแม่ผมอธิบายได้ครับเรื่องนั้น....”
ปัง!
“คุณยายคะ...หนานหนาน...ฮึก...หนานหนานเสียใจค่ะ”
ยังไม่ทันที่ซูเหวินเฉียงจะแก้ตัวอะไร ซูจิ้งหนานก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับโผเข้ากอดคุณยายของเธอทันที และแน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้คนพวกนี้ได้แก้ต่างอะไรทั้งสิ้น
“โถ...หลานรักของยาย...มานี่มาคุยกับยายให้รู้เรื่องดีไหม” คุณนายหลิวตวัดสายตามองไปยังอดีตลูกเขย จากนั้นจะพาหลานสาวไปคุยในห้อง แต่ทว่าสายตากลับเหลือบไปเห็นรอยเขียวช้ำที่แขน ทำให้ความอดทนขาดผึง
“นี่ใครทำหลาน”
ซูจิ้งหนานโดนคุณยายจับถกแขนเสื้อขึ้นแล้วก็เห็นร่องรอยทั้งเก่าและใหม่เต็มไปหมด และนั่นคือสิ่งที่คนเรียกตัวเองว่าพ่อกระทำต่อลูกสาวยามที่เกิดโทสะ
ซูจิ้งหนานรู้ว่านักเขียนจงใจเขียนให้นางร้ายเก็บความเจ็บแค้นเอาไว้มาก ๆ แล้วก็กลับไปทำร้ายสองแม่ลูก และมันมีราคาที่ต้องจ่ายคือโดนลงโทษตามกฎตระกูล
แต่ทว่าตระกูลหลิวรักหลานสาวดังไข่มุกกลางฝ่ามือ ไม่เคยทำให้ร่างกายต้องเป็นริ้วรอย แต่สิ่งนี้ชี้ชัดแล้วว่า หลานสาวเธออยู่ในตระกูลนี้ต่อไปอีกไม่ได้
“เรื่องนั้น...เรื่องนั้นผมอธิบายได้ครับ...ซูจิ้งหนานกลั่นแกล้งซูเหยียนหลิง ผมเป็นพ่อก็ต้องลงโทษเล็กน้อย” ซูเหวินเฉียงกล่าวได้ไม่เต็มปาก เพราะหลังจากโมโหแล้วเขาก็รู้ว่าทำรุนแรงไปจริง ๆ แม้สงสาร
แต่จิ้งหนานก็ไม่เคยสำนึก
“ดีนี่...ลูกตัวเองลงโทษอย่างกับสุนัข แต่ลูกนอกคอกคนนั้นกลับเลี้ยงดูอย่างดี...เธอลืมสัญญาแล้วใช่หรือไม่ เหวินเฉียง เช่นนั้นตระกูลหลิวกับตระกูลซูขาดกันนับตั้งแต่นี้ ซูจิ้งหนานจะเป็นลูกหลานตระกูลหลิวแต่เพียงผู้เดียว สัญญาต่าง ๆ ที่เคยตกลงกันไว้ยกเลิกทั้งหมด”
ฮะ...หา...ไม่...ไม่ได้...ยกเลิกสัญญาเท่ากับตระกูลซูจะล่มจมน่ะสิ เขาทุ่มเทไปมากกว่าจะเป็นเจ้าของโรงสีข้าวที่บริหารงานโดยรัฐ เขาไม่ยอมเสียไปแน่
แต่นั่นมันยังไม่เพียงพอให้ซูจิ้งหนานหายแค้นหรอก แต่การแก้แค้นมันเพิ่งเริ่มต้นหลังจากนี้ต่างหาก
“คุณยายคะ...ผู้หญิงคนนั้นฉีกชุดแต่งงานของแม่ ที่ทำจากไหมทองคำประจำราชวงศ์ และทำลายข้าวของแม่ในห้องหลายอย่างค่ะ หนานหนานทนได้ ให้โดนตี ให้คุกเข่า เพื่อให้สองแม่ลูกนั้นพอใจ แต่ว่าของประจำตระกูลหลิวที่สำคัญขนาดนั้น แม้แต่ผู้นำของประเทศยังให้เกียรติ แต่พ่อกลับให้ผู้หญิงคนนี้มาเหยียบย่ำ หนูเจ็บปวดจนทนไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ หนูขอไปอยู่กับคุณยายนะคะ”
เสียงร่ำไห้คร่ำครวญเหมือนแทบขาดใจของหลานสาว ทำให้คุณนายหลิวสั่งเฉียบขาด
“เด็ก ๆ ไปขนของลูกสาวฉันกลับไปให้หมด แล้วไปแจ้งนายท่านผู้เฒ่าอวิ๋น...ฉันต้องการหารือการค้าที่เกี่ยวข้องกับตระกูลซู”
สิ้นสุดคำพูดของแม่ยาย ทำให้ซูเหวินเฉียงล้มทั้งยืน เขาไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายใหญ่โตขนาดนี้
มีเพียงแต่ซูจิ้งหนานที่ยืนมองภาพนั้นด้วยแววตาแข็งกร้าว พร้อมกับรอยยิ้มแสยะเหยียดโดยเฉพาะไป๋หรูอิง
‘เธอหยามแม่ฉัน...นี่มันยังน้อยไปสำหรับเธอ!’