ตอนที่ 4 ภริยาตัวแสบ แหวนแต่งงาน

1836 คำ
ห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางกรุง รายล้อมไปด้วยร้านแบรนด์ดังเรียงรายตลอดทางเดิน แต่ครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับเกวลินแต่อย่างใด หญิงสาวเอาแต่มุ่งตรงไปยังโซนอาหารด้วยท่าทางมุ่งมั่น “เอากระเป๋าไหม” เตชินท์เดินตามหลังเกวลิน กวาดสายตามองร้านกระเป๋าแบรนด์ดัง เพียงเพราะไม่อยากถูกครอบครัวของหญิงสาวกล่าวหา ว่าตนเองดูแลลูกสาวเขาไม่ดีพอ จู่ ๆ คำถามที่ไม่คาดฝันก็หลุดออกจากปากของเตชินท์ “ไม่ค่ะ” เกวลินปฏิเสธเสียงแข็ง ณ เวลานี้ กระเป๋าพวกนี้ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจของเธอได้แม้แต่นิดเดียว “เสื้อผ้า” เตชินท์ยังไม่วายหยุดตั้งคำถาม เผื่อเกวลินสนใจในสิ่งที่ตนเองเสนอ แต่คำตอบของเกวลินยังคงเป็นคำตอบเดิม “ไม่” “อยากได้อะไร” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความมึนงง ปกติเขามักจะได้ยินดนุนัย เพื่อนสนิทของตนเอง มักพาผู้หญิงมาช็อปของอะไรพวกนี้ “ตอนนี้อยากกินข้าว หิวมาก หิวจนจะกินควายได้ทั้งตัวแล้วค่ะ” “งั้นรีบเดินสิ” เตชินท์ถอนหายใจพรืดยาว พลันนึกคิดในใจ ผู้หญิงอย่างเกวลินไม่เหมือนใครเสียจริง “ลุงอย่าเอานิสัยตัวเองตอนเปย์สาวมาใช้กับหนูเลย ถ้าอยากเปย์จริงส่งบัตรเครดิตมาก็พอ” เกวลินหยุดเดินและหันหลังกลับไปประจันหน้าเตชินท์ พลันส่งสายตาไม่พอใจปนหงุดหงิดใส่ “พูดอะไรไร้สาระ” ชีวิตนี้ไม่เคยต้องเอาใจใคร แม้แต่คู่ค้าทางธุรกิจ ชายหนุ่มแทบไม่ยอมอ่อนข้อให้ด้วยซ้ำ ทำไม? เขาต้องเอาเวลาที่มีค่าของตัวเองเปย์สาวอื่นเฉกเช่นที่เกวลินกล่าวหาด้วย “ยิ่งคุยกับลุง ยิ่งหิวกว่าเดิมอีก” เกวลินทำได้เพียงส่ายศีรษะเอือมระอา คำตอบเสมือนไร้เยื่อใยจนยากจะคาดเดาความคิด “งั้นกลับคอนโดฯ ไหม” เตชินท์ยกยิ้มมุมปากดั่งคนเจ้าเล่ห์ เอ่ยปากชวนเกวลินกลับคอนโดฯ หน้าตาเฉย เสมือนกำลังต้องการหยอกล้อเธอก็ไม่ปาน แต่อีกฝั่งหนึ่งกลับไม่เข้าใจ ชวนตั้งคำถามด้วยใบหน้าสงสัย แววตาใสซื่อเสมือนลูกแมวน้อย “กลับไปทำไม?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยปนแคลงใจ ยิ่งคุยกับเตชินท์ยิ่งทำให้เธอรู้สึกมึนงงยิ่งกว่าเดิม “หิวไม่ใช่เหรอ?” “นี่ลุงทำงานหนักไปรึเปล่า? พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจเลย” เกวลินกลับเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เธอนั้นจะหมุนตัวเดินไปเบื้องหน้า โดยไม่รอคำตอบจากเตชินท์แต่อย่างใด “ใสซื่อดี” เสียงทุ้มหัวเราะในลำคอหนา สอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋ากางเกงและรีบเดินตามหลังเกวลินที่เดินนำไปก่อนแล้ว ดั่งคนอารมณ์ดี โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ทราบสาเหตุ ในที่สุดเกวลินก็เดินมาถึงโซนอาหารลานตา เรียงรายนับหลายสิบร้าน จนแทบเลือกทานไม่ถูก “ลุงอยากกินอะไร” เกวลินไม่ลืมขอความคิดเห็นจากเตชินท์ หญิงสาวเอ่ยถามขึ้น โดยที่ดวงตากลมโตยังกวาดสายตามองไปยังร้านอาหารที่อยู่เบื้องหน้า “กินได้หมด” เตชินท์ตอบกลับด้วยท่าทางสุขุม อาหารเย็นที่เขาแทบไม่แตะมานับหลายเดือน แต่กลับต้องพาภรรยาป้ายแดงมากิน เพียงเพราะเธอบ่นหิวจนตาลาย “ง่าย ๆ อาหารไทยดีกว่า สั่งได้หลายเมนูดี” “ทานข้าวตอนเย็น ไม่กลัวอ้วนรึไง” เตชินท์หยั่งเชิงเอ่ยถามเกวลินถึงสิ่งที่ผู้หญิงหลายคนกลัว และคำตอบที่ได้จากเกวลินไม่ได้ทำให้เตชินท์แปลกใจสักเท่าไรนัก “ไม่กลัว” “งั้นรีบเข้าไปสิ” มือหนาดันแผ่นหลังบางเดินเข้าไปในร้านอาหารไทยทันที เพียงเพราะขืนยืนอยู่บริเวณนั้นอีกสักครู่ เกวลินคงเปลี่ยนใจไปร้านอื่นเป็นแน่ เพียงแค่เตชินท์และเกวลินเดินเข้าไปในร้านจิวเวลรี่ชื่อดังที่ดีที่สุดในประเทศไทย พนักงานต่างพากันเดินออกมาต้อนรับอย่างดี ดวงตากลมโตกวาดตามองเพชรที่อยู่ในตู้โชว์ วาววับระยิบระยับเล่นไฟในร้านชวนให้ลุ่มหลง แต่ ไม่ใช่สำหรับเกวลินที่กำลังทำหน้าเบื่อโลกแม้แต่น้อย “คุณลูกค้าสนใจแหวนเพชรแบบไหนดีคะ” พนักงานหญิงคนหนึ่งเอ่ยปากถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ พลันชื่นชมคู่รักที่ดูเหมาะสมด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “แหวนแต่งงาน” เตชินท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุขุม กวาดสายตามองแหวนเพชรที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย “งั้นเชิญทางด้านนี้ค่ะ เลือกได้ตามสบายนะคะ สงสัยตรงไหน? ถามดิฉันได้ค่ะ” พนักงานสาวผายมือเชิญเกวลินและเตชินท์เดินไปดูแหวนคู่แต่งงานอีกโซนหนึ่ง ด้วยท่าทางนอบน้อม “เลือกสิ” เตชินท์และเกวลินเดินมาหยุดหน้าตู้โชว์แหวนคู่รัก ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเกวลินที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ พลันเอ่ยปากบอกให้เธอเลือกแหวนที่ตัวเองชอบและถูกใจ “ก็บอกว่าไม่ชอบแหวนเพชรพวกนี้” เกวลินโน้มหน้าไปกระซิบเตชินท์ พลันส่ายศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธที่จะเลือกตามความประสงค์ของชายหนุ่ม “คำสั่งคุณแม่” “เฮ้อ! งั้นลุงก็เลือกสิ” เกวลินทำได้เพียงถอนหายใจพรืดยาว หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับให้เตชินท์เป็นคนเลือกแทน “วงนั้น” ในเมื่อเกวลินไม่มีท่าทีจะเลือก เตชินท์จึงเป็นฝ่ายจัดการเลือกด้วยตัวเอง “ใหญ่ไป ขืนใส่มีหวังนิ้วหักพอดี” เกวลินกระตุกชายเสื้อเชิ้ตสีขาวเชิงห้ามปราม เพียงแค่แหวนเพชรที่เตชินท์เลือกเม็ดเท่าดวงตาดำของเธอ “วงนั้น” เพียงแค่ได้ยินความคิดของเกวลิน เตชินท์จึงรีบเปลี่ยนแบบแหวนตามความต้องการของหญิงสาวทันที “ไม่ต่างอะไรจากวงเมื่อกี้เลย” เกวลินทำได้เพียงส่ายศีรษะเบา ๆ เอือมระอาและรู้สึกเหนื่อยใจกับเตชินท์ไม่น้อย “งั้นเลือกเอง” ในเมื่อเขาเลือกวงไหน ก็มักจะถูกเกวลินห้ามเสียหมด จึงดันแผ่นหลังเธอให้มาหยุดหน้าตู้โชว์แหวน สั่งให้เกวลินเป็นฝ่ายเลือกเอง ในแบบที่เธอต้องการ “ต้องเลือกใช่ไหม” สายตากดดันจากเตชินท์ ทำให้เกวลินต้องจำใจเลือกแหวนที่อยู่ตรงหน้า โดยที่เธอนั้นกวาดสายตามองหาแหวนเพชรเม็ดเล็กที่สุด “อือ” “วงนี้” ดวงตากลมโตสะดุดเข้ากับแหวนคู่ทองคำขาวคู่มีรูปร่างเป็นเกลียวที่มีลักษณะเฉพาะ ไม่มีแม้แต่เพชรประดับ แต่เกวลินกลับสะดุดตาเข้า “เล็กไป” เพียงแค่เห็นแหวน เตชินท์จึงรีบคัดค้านทันที เพราะหากมารดาทราบว่าตนเองซื้อแหวนเพชรธรรมดาเช่นนี้ให้กับภรรยาป้ายแดง มีหวังถูกมารดาบ่นจนหูชาเป็นแน่ “อ้าว ลุงบอกให้เลือก ฉันก็เลือกแล้วนี่ไง” เกวลินรีบคัดค้านขึ้นทันที หันขวับไปมองเตชินท์ด้วยสายตาหาเรื่อง “งั้นเอาแบบที่เธอเลือกคู่หนึ่ง คู่นั้นอีกหนึ่ง” เตชินท์สรุปเสร็จสรรพ แต่ไม่วาย ชี้ไปยังแหวนเพชรเม็ดตรงที่วางอยู่เบื้องหน้า โดยไม่เอ่ยปากถามความเห็นจากเกวลินแม้แต่น้อย “ลองสวมดูนะคะ หากไม่พอดีทางร้านจะแก้ไซซ์ให้ค่ะ” พนักงานสาวหยิบแหวนคู่ที่เกวลินเลือกวางเบื้องหน้าทั้งคู่ ผายมือเชิญให้ลองแหวนด้วยท่าทางสุภาพ “พูดไม่ฟัง จะถามเพื่อ” เกวลินเบะปากด้วยความหมั่นไส้เสมือนเด็กเอาแต่ใจ เพียงแค่เตชินท์ไม่สนใจคำพูดของตนเอง “ซื้อไปเก็บ เวลาออกงานค่อยใส่” “ออกงานอะไร ไม่คิดจะออกสักหน่อย” เธอไม่คิดจะออกงานอะไรทั้งนั้น ยิ่งเป็นงานสังคมยิ่งไม่ชอบใจใหญ่ “หยุดทำตัวขวางโลกสักครู่” เตชินท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงดุเสมือนกำลังติเตือนเด็กน้อยก็ไม่ปาน “หนูไม่ได้ขวางโลกสักหน่อย” ท่าทางงอแงของเกวลินอยู่ในสายตาของเตชินท์ทุกอิริยาบถ จนแทบอยากใช้ไม้เรียวฟาดก้นเธอให้หายดื้อ “เอามือมา” เตชินท์หยิบแหวนที่เกวลินเลือกขึ้นมาถือ พลิกไปมามองความพิเศษที่อยู่บนตัวเรือน พลันดึงมือข้างซ้ายของเกวลินไปจับเอาไว้และสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้กับเธอทันที “สวมได้พอดีเลยค่ะ ยิ่งสวมบนนิ้วคุณผู้หญิงยิ่งสวยค่ะ” แหวนที่ดูธรรมดา กลับพิเศษขึ้นเพียงแค่อยู่บนนิ้วเรียวยาวของเกวลิน จนพนักงานสาวอดชื่นชมไม่ได้ “เอาสองคู่นี้” เตชินท์พยักหน้ารับ พลันชี้ไปยังแหวนเพชรทั้งสองคู่ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไร้รอยยิ้ม “ทั้งหมดเก้าล้านแปดนะคะ” “เก้าล้านแปด!” เพียงแค่รับรู้ราคา เกวลินเบิกตาโตเท่าไข่ห่านด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าแหวนเพชรทั้งสองคู่จะมีราคาแพงหูฉี่เช่นนี้ เตชินท์ยื่นบัตรแบล็กการ์ดสีดำของตนเองส่งให้พนักงาน เหลือบตามองใบหน้าเกวลินที่ยังคงตกใจไม่หายด้วยความรู้สึกขบขันอยู่ในใจ “เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะรีบจัดการให้ค่ะ” “แพงมาก” เกวลินยังคงบ่นราคาแหวนเพชรอยู่เช่นนั้น ต่างจาก เตชินท์ที่รู้สึกเฉย ๆ กับราคาเมื่อสักครู่ “รู้จักคุณค่าของเงินด้วย” เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อยสำหรับเตชินท์ เพราะเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเกวลินจะสนใจเรื่องราคาสินค้ามากเช่นนี้ “เหมือนถูกหลอกด่ายังไงชอบกล” คำพูดกำกวมของเตชินท์ ทำให้คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอีกครั้ง พลันทบทวนประโยคที่ดูเหมือนกำลังด่าทอตัวเองเป็นนัย ๆ “ช่วยไปนั่งรอตรงนั้นเงียบ ๆ” เตชินท์ยกยิ้มมุมปาก พลันลากร่างบางให้เดินไปนั่งโซฟามุมหนึ่งของร้าน โดยที่พวกเขาทั้งสองไม่ทันได้สังเกตว่ากำลังมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ “ข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องจริงเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” เสียงพึมพำของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น พยายามเพ่งสายตามองผู้หญิงตรงหน้า แต่ กลับถูกร่างสูงของเตชินท์บังเอาไว้ ดวงตากลมโตจ้องมองเข้าไปในร้านจิวเวลรี่ด้วยความโมโหและคับแค้นใจ เธอกำหมัดแน่นจนสั่นเทา ยิ่งได้เห็นภาพที่เตชินท์ยืนสวมแหวนให้ผู้หญิงคนนั้น ยิ่งอยากเดินเข้าไปกระชากทั้งคู่ออกห่างจากกัน เพียงเพราะเธอหมายปองเตชินท์มานานและไม่คิดว่าเตชินท์จะแต่งงานสายฟ้าแลบเช่นนี้ “ไม่ว่ายังไง ผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม