ภายในห้องน้ำคอนโดฯ หรู ครบครันไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก เกวลินยืนมองตัวเองหน้ากระจกบานใหม่ ที่กำลังสะท้อนใบหน้าสวยเกลี้ยงเกลาไร้เครื่องสำอางของเธออยู่เบื้องหน้า
ดวงตากลมโตจ้องมองภาพสะท้อนตนเอง พึมพำด้วยสีหน้าแววตาปลงตก ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
“คืนนี้ฉันจะนอนหลับรึเปล่าเนี่ย? เกิดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายขนาดนี้เลย” หญิงสาวที่ไม่เคยหลีกเลี่ยงกับปัญหาใดมาก่อน แต่ครั้งนี้เธออยากกลับไปนอนที่บ้านตนเองเสียมากกว่า นอนข้างผู้ชายที่ขึ้นชื่อ สามี
ร่างบางเดินออกจากห้องน้ำด้วยชุดนอนเสื้อแขนสั้น กางเกงขายาวตัวโคร่ง เธอเดินไปหยุดที่ปลายเตียง พลันเอ่ยถามเตชินท์ด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก
“ลุงจะนอนบนเตียงนี่เหรอ” เกวลินชี้ไปที่เตียงขนาดใหญ่ที่มีเตชินท์นั่งพิงหัวเตียงอ่านหนังสือท่าทางผ่อนคลาย
“อือ” เตชินท์ตอบกลับเพียงประโยคสั้น ชายหนุ่มพับปิดหนังสือธุรกิจลงท่าทางสุขุม และหันมาให้ความสนใจกับเกวลินที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“จะให้หนูนอนตรงไหน”
“ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษที่ต้องเสียสละตัวเองไปนอนที่พื้นหรือโซฟา”
“ลุงจะให้หนูนอนแทนเหรอ” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน เหลือบตามองบนพื้นแข็งกระด้างด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นัก
“อยากนอนตรงไหน? ก็ตามใจ” เตชินท์ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเสมือนต้องการบ่งบอกว่าตนเองคือเจ้าของ แต่ไม่ลืมแบ่งพื้นที่ว่างให้กับเกวลิน
“งั้นหนูก็จะนอนบนเตียง” เกวลินสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก้าวเดินไปยังเตียงฝั่งตรงข้ามทิ้งตัวลงนอนอย่างแรง
“เชิญ อย่าคิดจะลวนลามฉันก็พอ” เตชินท์หันหน้าไปมองเกวลินที่กำลังทำหน้าบูดบึ้ง เพียงแค่ถูกขัดใจ
“อี๋ คุณไม่ใช่สเปกหนูหรอกค่ะ” เกวลินเบ้ปากใส่เตชินท์ด้วยสีหน้าท่าทางไม่สบอารมณ์กับคำพูดที่ได้ยินจากปากชายหนุ่ม
“สเปกเธอเป็นยังไง” เตชินท์เผลอลืมตัวเอ่ยถามเกวลินเสียงดัง นัยน์ตาคมจ้องมองร่างบางเสมือนต้องการคาดคั้นเอาคำตอบ
“จะตะคอกทำไมคะ?” เพียงแค่เห็นท่าทางหงุดหงิดของเตชินท์ เกวลินกลับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความมึนงง
“ฉันตะคอกตอนไหน?” เตชินท์หลบสายตาเกวลินที่กำลังจ้องมองมายังเขาด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัยกับท่าทางแปลกไปของเตชินท์
“ตอนนี้ไง”
“พูดมาก” เตชินท์ไม่ได้ตอบคำถามของเกวลิน แถมยังพลิกตัวนอนหันหลังให้เกวลินโดยไร้เหตุผล
“อะไรของเขาวะ?” หญิงสาวทำได้เพียงพึมพำกับตนเองเบา ๆ พลันยกมือขึ้นเกาท้ายทอยของตนเอง
“ถ้าขืนเธอพูดมากอีก ระวังตัวเองจะไม่ได้นอน” เสียงทุ้มต่ำธรรมดาแต่กลับแฝงไปด้วยความอันตราย เอ่ยปากเตือนเกวลินที่ยังคงตั้งคำถามและสงสัยไม่เลิก
“ขู่เหรอ? แต่หนูนอนไม่หลับ” เกวลินทวนคำขู่ของเตชินท์ด้วยน้ำเสียงท้าทาย ไม่ได้เกรงกลัวคำเหล่านั้นแม้แต่น้อย
“ทำไม” เตชินท์หันหน้ากลับไปมองเกวลิน เอ่ยถามเธอด้วยความสงสัย จนกระทั่ง ชายหนุ่มได้คำตอบที่คิดว่าไร้สาระจนต้องรีบเบี่ยงหน้าหนีอีกครา
“ไม่ชอบผ้าปูที่นอนสีดำนี่เลย”
“นั่นมันเรื่องของเธอ ฉันนอนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
“โอเค วันนี้ขอยกธงขาว เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฝันดีค่ะลุง” วันนี้ดูเหมือนเธอและเตชินท์คงพูดคนละเรื่อง
ซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มกำลังหวงพื้นที่ส่วนตัวจนเผลอตะคอกและหงุดหงิดใส่เธอจนต้องยอมยกธงขาวเสียก่อนที่จะถูกเจ้าของห้องไล่ออกจากคอนโดฯ ในยามวิกาลเช่นนี้
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ช่วยเลิกเรียกฉันว่าลุงด้วย เพราะฉันไม่ใช่ลุงของเธอ” คำว่า ลุง เป็นคำแสลงหูจนต้องเอ่ยปากห้ามปรามเกวลินอีกครั้ง และครั้งนี้ทุกอย่างกลับดูจริงจังไปเสียหมด
“หงุดหงิดอะไรเนี่ย”
“ไม่ได้หงุดหงิด แค่ไม่ชอบ” มาดนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงถูกกลบด้วยความหงุดหงิดและเอาแต่ใจจนเตชินท์แทบไม่เป็นตัวเอง
“จะพยายามแล้วกัน คำเรียกติดปากไปแล้วด้วย” เกวลินสงบศึกเพียงเท่านั้น ก่อนที่หญิงสาวจะรีบพลิกตัวนอนหันหลังให้กับเตชินท์ พลันปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้าและเผลอหลับไปในที่สุด
ปล่อยให้ชายหนุ่มที่ไม่เคยมีหญิงใดนอนข้าง ๆ ตลอดสามสิบปี ต้องนอนกระสับกระส่ายท่ามกลางแสงจากโคมไฟที่ส่องสลัว ๆ เพียงลำพัง
@ บริษัทวัฒนะกุล
ภายในห้องทำงานที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงพลิกกระดาษไปมา ประธานหนุ่มนั่งอ่านเอกสารสำคัญท่าทางสุขุม จนกระทั่ง ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาโดยฝีมือของเลขาคนสนิท
“เจ้านายมีอะไรรึเปล่าครับ” รณพีร์เดินมาหยุดหน้าโต๊ะทำงานเจ้านายหนุ่ม เอ่ยถามเจ้านายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ทำบัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดชื่อนี้ที” เตชินท์ยืนสำเนาเอกสารให้รณพีร์ เอกสารสำเนาที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่กลับเป็นสำเนาของหญิงสาวคนหนึ่ง ทำให้รณพีร์อดที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยไม่ได้
“เจ้านายจะทำให้ใครเหรอครับ”
“เมีย” เตชินท์ตอบกลับเพียงประโยคสั้น ๆ ที่สามารถเรียกรอยยิ้มกว้างจากรณพีร์ได้เป็นอย่างดี แถมยังเอ่ยชมเจ้านายหนุ่มด้วยใบหน้าชื่นชม
“อ๋อ เจ้านายสายเปย์เหมือนกันนะครับ”
“ทำตามหน้าที่” เตชินท์ตอบกลับแบบขอไปที ไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำชมเชยของรณพีร์แต่อย่างใด
“ผมจะรีบจัดการให้ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ” รณพีร์พยักหน้ารับและยื่นมือไปรับเอกสารสำเนามาถือเอาไว้ โค้งศีรษะเบา ๆ หมายจะเดินออกจากห้อง แต่! กลับต้องหยุดฟังคำสั่งของเจ้านายอีกครา
“กาแฟดำให้ผมอีกแก้ว”
“วันนี้เจ้านายทานกาแฟไปสามแก้วแล้วนะครับ ช่วงนี้งานไม่ได้ยุ่งด้วย” รณพีร์เอ่ยถามด้วยความข้องใจ
เนื่องจากปกติเจ้านายหนุ่มจะทานกาแฟวันละสองแก้วเท่านั้น แต่วันนี้กลับดื่มกาแฟแก้วที่สี่ในช่วงเวลาไม่ถึงบ่ายของวันด้วยซ้ำ
“ทำไมขี้สงสัย” เตชินท์ละความสนใจจากเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมามองรณพีร์ที่กำลังตั้งคำถามเสมือนเมียกำลังจับผิดผัวก็ไม่ปาน
“อ๋อ ผมลืมไปเลยว่าเจ้านายแต่งงานใหม่ คงไม่ได้นอน งั้นเดี๋ยวผมรีบไปชงให้อีกแล้วนะครับ รอสักครู่” รณพีร์ยืนครุ่นคิดกับตนเองสักครู่ ก่อนที่ความสงสัยทั้งหมดจะหมดสิ้นลง เพียงเพราะความคิดและความเข้าใจของตัวเองผุดขึ้น
“เฮ้ย! เดี๋ยวไม่ใช่” เตชินท์อุทานเสียงหลงกับความคิดของรณพีร์ พยายามจะแก้ต่าง แต่กลับไม่ทันการณ์ เพียงเพราะรณพีร์รีบเดินออกจากห้องเสียก่อน
และดูเหมือนจะมีบุคคลอื่นเดินเข้ามาในห้องทำงาน จึงทำให้เตชินท์เงียบปากลงด้วยท่าทางสุขุม จนกระทั่งทราบว่าบุคคลคนนั้นเป็นใคร
“ทำไมเลขาเตชินท์เดินยิ้มออกไปแบบนั้นล่ะคะ มีเรื่องอะไรดี ๆ บอกดารินหน่อยสิ?” หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปกระโปรงยาว เดินกรีดกรายเข้ามาในห้องทำงานประธานหนุ่มท่าทางมีจริต
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เตชินท์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็น
“ใช่สิ ลืมเพื่อนคนนี้หมดแล้วสินะ” ดารินเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวของกลุ่ม เม้มปากด้วยอาการงอน
“ไม่คิดว่าจะกลับมา”
“อยู่เมืองนอกไม่สนุกเลย เหงา แถมยังติดต่อเพื่อนยากอีกด้วย” ดารินถือวิสาสะนั่งเก้าอี้ตรงข้ามเตชินท์ พลันเอ่ยปากบอกเหตุผลของตนเอง
“มีอะไรให้ต้องเหงา”
“ดารินเลิกกับแฟนแล้ว และตอนนี้กำลังงอนเตชินท์ ไม่ยอมบอกว่าตัวเองแต่งงาน”
“ตอนนี้แค่จดทะเบียนสมรส”
“ทำไมไม่จัดงานล่ะคะ” ดารินเอ่ยถามด้วยความแคลงใจไม่น้อย และคำตอบที่ได้จากเตชินท์ก็ยังคงทำให้หญิงสาวสงสัยอยู่ดี
“รอผู้หญิงพร้อม”
“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ? ดารินอยากรู้จัก” ดารินใช้มือเท้าคางท่าทางผ่อนคลาย พลันเอ่ยถามเตชินท์ท่าทางสนใจหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของประธานหนุ่ม
“ไว้มีโอกาสผมจะพามาแนะนำ”
“ดารินรอรู้จักเธอนะคะ” ดารินยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร พร้อมรอรู้จัก ภรรยาสาวของเตชินท์ ใจจดใจจ่อ