@ ร้านอาหารกึ่งบาร์
ร้านอาหารกึ่งบาร์บนตึกสูงตระหง่านสามารถเห็นวิวทิวทัศน์ใจกลางเมืองรอบด้าน ซึ่งเป็นร้านประจำของเตชินท์และเพื่อนสนิทที่มักรวมตัวกันอยู่ที่นี่
“นี่เรามาเลี้ยงต้อนรับดารินหรือมาฉลองสละโสดให้ไอ้เตชินท์กันแน่วะ” ธนินเอ่ยแซวขึ้นด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี เพียงเพราะเพื่อนสนิทอย่างเตชินท์ บุคคลที่ไม่คิดจะมีครอบครัวกลับแต่งงานก่อนใครเพื่อน
“คงทั้งสองแหละ” ดนุนัยนักธุรกิจที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้เอ่ยสมทบ พลันยกไวน์ขึ้นจิบท่าทางผ่อนคลาย
“ดาเซอร์ไพรส์มากเลย ไม่คิดว่าเตชินท์จะแต่งงาน” ดารินหันหน้าไปคุยกับเตชินท์ที่นั่งจิบไวน์ท่าทางสุขุม ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มบาง
“ต้องพูดว่าไอ้เตชินท์ถูกครอบครัวจับแต่งงานมากกว่า” ดนุนัยหลุดปากพูดเหตุผลการแต่งงานระหว่างเตชินท์และภรรยาออกมา
“คลุมถุงชนเหรอเนี่ย แบบนี้ก็แย่เลยน่ะสิ” ดารินพึมพำด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มที่รู้สึกถึงความดีใจบางอย่างประกายออกมา
“คงไม่ขนาดนั้นหรอก ไอ้เตชินท์ใครบังคับมันได้ที่ไหน” ธนินที่เห็นรอยยิ้มของดาริน จึงรีบพูดแทรกขึ้นทันที
“มึงไม่พาเมียมาแนะนำให้พวกกูรู้จักวะ” ดนุนัยเอ่ยถามเตชินท์ด้วยท่าทางอยากรู้ อยากทำความรู้จัก ภรรยาของเพื่อนเอาไว้
“ยัง” เตชินท์ตอบกลับเพียงประโยคสั้น ๆ ณ เวลานี้ชายหนุ่มทำได้เพียงปรับตัวให้เข้ากับชีวิตคู่ที่กำลังเริ่มขึ้นให้เข้าที่ก่อนเสียดีกว่า
“อ้าวไอ้นี่” ดนุนัยสบถออกมาท่าทางหัวเสีย กับประโยคตอบกลับเพียงสั้น ๆ โดยไร้เหตุผลอธิบายต่อ
“ไว้มีโอกาส จะพามาแนะนำ”
“พวกกูจะรอ ว่าแต่สวยไหมวะ” ธนินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ใจจริงก็อยากเห็นหน้า ภรรยาของเพื่อนรัก แต่คงทำได้เพียงอดใจรอเอาไว้เท่านั้น
“สวย” เตชินท์ครุ่นคิดใบหน้าของภรรยาสาวชั่วครู่ ก่อนที่ชายหนุ่มจะตอบคำถามธนินที่ทุกคนในโต๊ะอยากทราบ
“ชักจะอยากเห็นคนสวยของไอ้เตชินท์แล้วสิ” ดนุนัยยกยิ้มมุมปาก รู้สึกแปลกใจไม่น้อยกับท่าทางและคำตอบที่ได้รับจากเตชินท์ บุคคลที่หวงพื้นที่ส่วนตัวและเรื่องส่วนตัวอย่างกับอะไรดี
“หยุดคิดพิเรนทร์” เตชินท์เอ่ยเตือนดนุนัยเสียงเข้ม หากเพื่อนสนิทคิดพิเรนทร์ ชายหนุ่มเกรงเกวลินจะเตลิดไปไกล
“นี่มึงหวงเหรอวะ?” ธนินเอ่ยถามเตชินท์ขึ้นอีกครั้ง เหล่ตามองไปยังดารินที่นั่งข้างเตชินท์ ทิ้งคำถามที่เปรียบเสมือนมีดปลายแหลมทิ่มแทงหัวใจของดารินก็ไม่ปาน
“เตชินท์คงไม่หวงหรอก พวกนายก็จับผิดเกินไป ก็แค่ผู้หญิงที่ถูกจับคู่ให้” ดารินยิ้มเจื่อน เพียงแค่ถูกสายตาคมของธนินจับจ้อง ก่อนที่เตชินท์จะรีบเอ่ยปากห้ามให้ทุกคนเอ่ยถามเรื่องส่วนตัวของตนเอง
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ”
“ดาริน ว่าแต่เธอจะอยู่ที่ไทยนานไหม” เพียงแค่เปลี่ยนเรื่องของเตชินท์ เป้าหมายต่อไปคงหนีไม่พ้นดาริน
“อาจจะอยู่ตลอดไป” ดารินตอบกลับเสียงหวาน เหลือบตามองใบหน้าเตชินท์เล็กน้อย ก่อนที่เธอจะหันมาให้ความสนใจดนุนัยที่กำลังตั้งคำถามไม่หยุด
“ไหนบอกชอบใช้ชีวิตที่เมืองนอกมากกว่า”
“เบื่อไง” เบื่อคำนี้ไม่เกินจริง แต่ เธอมีเรื่องสำคัญกว่านั้นจึงต้องรีบกลับมาจัดการในแบบฉบับของเธอ
เตชินท์ที่นั่งจิบไวน์เงียบ ๆ เหลือบตามองนาฬิกาบนหน้าจอมือถือราคาแพงของตนเอง ที่ยังคงว่างเปล่าไร้ข้อความจากภรรยา ทำให้ชายหนุ่มเริ่มตงิดใจจึงรีบเร่งขอตัวกลับคอนโดฯ ทันที
“กูขอตัวกลับก่อน” เตชินท์ยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอ่ยปากบอกเพื่อนสนิทตนเองและกำลังจะเดินออกไป แต่กลับต้องหยุดเดิน เพียงเพราะเสียงของดนุนัยที่เอ่ยปากเรียกเอาไว้เสียก่อน
“เฮ้ย! ยังไม่สามทุ่มเลย จะรีบไปไหนวะ”
“มีเรื่องให้จัดการ” เตชินท์ตอบกลับเพียงเท่านั้น ชายหนุ่มไม่ได้อธิบายอะไรให้มากความ แต่กลับถูกดารินรั้งมือเอาไว้อีกครั้ง
“เตชินท์จะกลับแล้วเหรอ? พอดีเลย ดาก็รู้สึกมึน ๆ แล้วเหมือนกัน ช่วยไปส่งดาที่คอนโดฯ หน่อยได้ไหม”
“เดี๋ยวเราไปส่งเองก็ได้” เพียงเพราะเห็นว่าเตชินท์รีบ ธนินจึงรีบเอ่ยปากออกตัวแทน
“ไม่ต้องหรอกธนินอยู่ดื่มเป็นเพื่อนนัยต่อเถอะ ไม่ลำบากเตชินท์ใช่ไหม” ดารินปฏิเสธความช่วยเหลือจากธนิน พลันหันมาขอความช่วยเหลือจากเตชินท์ด้วยสายตาเว้าวอน
“ได้สิ” เตชินท์พยักหน้ารับ แม้ว่าเขาจะรีบ แต่ในเมื่อเพื่อนขอร้อง เขาคงไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกัน
“กลับก่อนนะมึง” เตชินท์เอ่ยปากลาดนุนัยและธนินอีกครั้ง และเป็นจังหวะเดียวที่ดารินยืนขึ้นเต็มความสูงด้วยท่าทางโซเซ จนเตชินท์ต้องรีบรั้งแขนแกร่งเอาไว้ให้สามารถพยุงตัวได้
“ขอบคุณค่ะ” ดารินตอบกลับเสียงหวาน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและสายตาใสซื่อ ก่อนที่เธอจะเดินตามเตชินท์ออกจากร้านอาหารไปยังลานจอดรถยนต์
เตชินท์เปิดประตูรถยนต์อัลพาร์ดที่มีคนขับรถ ขับมาจอดรออยู่ที่หน้าร้านอาหารตามคำสั่งของเขา และชายหนุ่มไม่ลืมที่จะถามที่อยู่ของดาริน
“ให้ไปส่งที่ไหน”
“คอนโดฯ เดิมไง ถึงได้ขอติดรถกลับมาด้วยไง” ดารินยิ้มเจื่อนเพียงแค่เห็นว่าเตชินท์จำคอนโดฯ ที่เธออยู่ไม่ได้แล้ว
“อือ” เตชินท์ตอบรับเพียงสั้น ๆ และไม่ลืมเอ่ยปากบอกคนขับรถให้ไปส่งดารินที่คอนโดฯ
“ว่าแต่เตชินท์รีบไปไหนเหรอ?” เพียงแค่รถยนต์ขับเคลื่อนออกจากหน้าร้านอาหาร ดารินจึงเริ่มชวนเตชินท์คุยทันที
“กลับคอนโดฯ ไง”
“ปกติเตชินท์ไม่รีบกลับคอนโดฯ นะ มีอะไรพิเศษรึเปล่า” ดารินเอ่ยถามอีกครั้ง หวังให้เตชินท์บอกกล่าวถึงสาเหตุที่รีบกลับคอนโดฯ
เนื่องจากปกติชายหนุ่มมักจะอยู่จนดึกและกลับพร้อมเพื่อนเสมอมา แต่ครั้งนี้กลับแปลกไปจนดารินข้องใจ
“เปล่าหรอก”
“โห่! มีความลับกับเพื่อน ถ้าบอกว่ารีบกลับไปอยู่กับภรรยา ดาคงเชื่อ” ดารินเสแสร้งแกล้งงอนเตชินท์ พร้อมกับประโยคประชดประชันที่หญิงสาวไม่คิดว่าเตชินท์จะตอบคำถามนั้น
“อือ”
กึก! ร่างบางชะงักจนรู้สึกชาวาบไปกับคำตอบที่ได้รับจากเตชินท์ คำตอบที่ไม่คิดจะได้ยินจากปากของชายหนุ่ม จนต้องรีบหาเหตุผลขึ้นมาแย้ง
“ไหนบอกแต่งงานไม่เต็มใจไง”
“แต่งแล้ว ผมก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”
“อิจฉาผู้หญิงคนนั้นจัง ทำให้ผู้ชายไม่สนโลกอย่างเตชินท์สนใจได้” มือเล็กกำหมัดเอาไว้แน่น คำว่าอิจฉาที่หลุดออกจากปากดาริน ไม่ใช่ประโยคล้อเล่นแต่กลับเป็นประโยคจริงจังที่เธอพ่นออกมาจากความคิด
“สักวันดาจะเจอผู้ชายคนนั้นเอง” ดารินไม่ใช่ผู้หญิงขี้เหร่ แต่เธอคือผู้หญิงสวยคนหนึ่งที่เตชินท์เชื่อว่า เธอต้องเจอผู้ชายดี ๆ ที่มักเอ่ยถามอยู่เสมอแน่นอน
“เฮ้อ! อย่าว่าดาแช่งเลยนะ แต่งได้ก็หย่าได้เหมือนกัน ขนาดคนที่เขาแต่งกันมาสิบยี่สิบปียังหย่ากันเลย
ที่พูดคือดาแค่ไม่อยากให้เตชินท์ทุ่มเทมากเกินไป ไม่อยากให้เตชินท์เสียใจภายหลัง ยิ่งแต่งงานเพราะผู้ใหญ่เห็นชอบแล้วด้วย
เตชินท์จะไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นคิดอะไรกันแน่หรือไม่แน่เขาอาจจะมีคนรักอยู่แล้วก็ได้” ดารินร่ายยาวหาเหตุผลลบล้างความคิดของเตชินท์ หวังให้ชายหนุ่มทบทวนและครุ่นคิดอีกครั้ง
แต่ คำตอบที่ได้จากเตชินท์ กลับทำให้หัวใจของดารินร้อนรุ่มเสมือนถูกราดด้วยน้ำมันให้ลุกโชนอีกครั้ง
“ขอบคุณที่เตือน แต่ผมไม่ได้โง่เรื่องความรักขนาดนั้น”