ตอนที่ 10 ภริยาตัวแสบ แต่เธอเป็นเมียฉันไง

1943 คำ
เช้าอันแสนสดใสในวันทำงานและไปเรียนของใครหลายคน รวมไปถึงเกวลินที่กำลังพยายามสตาร์ตเครื่องรถยนต์ตนเอง แต่รถยนต์กลับเกเรในช่วงเวลาที่เธอกำลังเร่งรีบไปเรียน “ทำไม? สตาร์ตไม่ติดนะ” เกวลินพึมพำเบา ๆ ด้วยใบหน้าสิ้นหวังเต็มประดา เตชินท์เดินไปหยุดหน้ารถยนต์เกวลิน เอ่ยถามหญิงสาวด้วยความสงสัย เนื่องจากก่อนออกจากคอนโดฯ เธอดูมีท่าทางเร่งรีบเสมือนตนเองกำลังสาย “ทำไมยังไม่รีบไปเรียนอีก” “รีบอยู่นี่ไง ไม่เห็นเหรอคะ” อารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านใจ ทำให้เกวลินเผลอตอบกลับ เตชินท์ด้วยประโยคประชดประชัน “หยุดยอกย้อน” เตชินท์เอ่ยปากสั่งห้ามเสียงเข้ม คำพูดยอกย้อนของเกวลินฟังไม่รื่นหูเลยสักนิด “คุณก็ดูสิ รถสตาร์ตไม่ติดเนี่ย” เกวลินตอบกลับด้วยสีหน้าปลงตก ท่าทางเหมือนกำลังฟ้องเตชินท์ให้ดูรถยนต์ตนเองที่กำลังดื้อ “งั้นไปขึ้นรถ จะไปส่ง” เตชินท์ตัดปัญหาเอ่ยปากสั่งเกวลินให้ไปขึ้นรถยนต์ตนเองที่จอดอยู่ข้าง ๆ “เอางั้นก็ได้ รีบเลยคุณ” เกวลินไม่รอช้ารีบหยิบกระเป๋าสะพายข้างในรถยนต์ เดินปรี่ไปเปิดประตูรถยนต์ฝั่งข้างคนขับเสมือนเป็นรถยนต์ตนเองก็ไม่ปาน ภายในรถยนต์คันหรูขับเคลื่อนออกจากคอนโดฯ ได้ไม่นาน เสียงหวานของเกวลินก็ดังขึ้นพร้อมกับคำถามชวนสงสัย “วันนี้คนขับรถลาเหรอคะ” ปกติส่วนใหญ่เตชินท์จะมีคนขับส่วนตัว น้อยครั้งจะเห็นชายหนุ่มขับรถด้วยตนเอง “อือ ส่วนรถเดี๋ยวจัดการให้” เตชินท์พยักหน้ารับ นัยน์ตาคมยังคงจับจ้องไปเบื้องหน้า มุ่งตรงไปยังมหา’ลัยของหญิงสาว “ขอบคุณค่ะ” เกวลินตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพ และนี่คงเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวใช้น้ำเสียงจริงใจเช่นนี้กับชายหนุ่ม เรียกสายตาคมให้เหล่ตามองใบหน้าสวยด้วยสีหน้าแปลกใจ “เลิกเรียนกี่โมง” “วันนี้เลิกเย็นเลย แต่ไม่ต้องมารับก็ได้ หนูจะกลับเอง” “กลับกับใคร” น้ำเสียงเรียบเฉยแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือก ใบหน้าเรียบตึงไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ “ให้เพื่อนไปส่งก็ได้” ท่าทางและน้ำเสียงของเตชินท์ ทำให้เกวลินต้องรีบเอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ไม่ต้อง เดี๋ยวมารับ” “งั้นก็ตามใจลุง” ท่าทางหงุดหงิดโดยไม่ทราบสาเหตุของเตชินท์ ทำให้เกวลินต้องยอมยกธงขาวเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น เธออาจจะถูกตัดบัตรเครดิตและเงินเดือนที่เตชินท์ให้ทุกเดือนก็เป็นได้ “เกวลิน” เตชินท์กัดฟันกรอดเอ่ยปากเรียกชื่อเกวลิน พลันหันหน้าไปมองเธอแวบหนึ่ง และหันหน้าไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ “คนอะไรไม่ยอมแก่ แค่เรียกลุงนิดหน่อย ทำเป็นโมโหไปได้” เกวลินเบะปากด้วยความหมั่นไส้ เตชินท์อายุเข้าเลขสามไปแล้ว หากเธอจะเรียกลุง ผิดตรงไหน? “ถ้าฉันเป็นลุง เธอก็คงเป็นป้า” “ได้ไง ฉันยังยี่สิบต้น ๆ อยู่เลยนะคุณ” เธอเพิ่งอยู่ปีสี่ ยังใส่ชุดนักศึกษาและเรียนไม่จบด้วยซ้ำไป “แต่เธอเป็นเมียฉันไง” “อีกไม่นานก็แค่ เมียเก่า” เกวลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย โดยที่เธอไม่ทันสังเกตนัยน์ตาคมที่แวบหนึ่งแสดงอาการหงุดหงิดออกมา และถูกกลืนกลบไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย “แต่ฉันไม่อยากให้ชีวิตของตัวเองมีมลทิน” ชีวิตเกิดมาไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียให้แปดเปื้อนชีวิตสักครั้ง และเขาคงไม่ยอมให้ตนเองเป็นผู้ชายมีตำหนิแน่นอน “นี่ลุงอย่าบอกนะ ว่าติดใจหนู” “หึ! ไม่มีทาง ผู้หญิงอะไรทำงานบ้านไม่เป็นสักอย่าง” “ก็ดี เวลาไปเขตจะได้ไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์” ในเมื่อชายหนุ่มตัดความสัมพันธ์เช่นนี้ หญิงสาวควรรู้สึกโล่งใจเสมือนดั่งคำพูดที่ออกมา แต่ภายในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดยังไงชอบกล “ไปทำไมที่เขต” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย คำพูดเพ้อเจ้อของเกวลินแทบจับใจความไม่ได้ “ไปหย่าไง” “จดทะเบียนไม่ถึงสองเดือน เธอถามหย่าฉันกี่รอบแล้ว” แทบจะนับครั้งไม่ได้ที่หญิงสาวพูดคำว่า หย่า ในขณะที่จดทะเบียนสมรสไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ “ไม่ได้นับ” “แต่ฉันไม่หย่า เพราะฉันไม่อยากให้ชีวิตของตัวเองมีมลทิน” “เอ๊ะ! นี่คุณ” อารมณ์หงุดหงิดปนดีใจตีรวนจนแทบแยกแยะไม่ออก เวลานี้ทุกอย่างดูสับสนไปหมดจนยากจะอธิบาย “ยังไม่ถึงเวลา เธอจะพูดเรื่องหย่าทำไม?” “แต่ลุงเริ่มก่อน” หากชายหนุ่มไม่เริ่มก่อน เธอก็คงไม่พูดเรื่องหย่าออกมาแน่นอน แต่หากเธอพูดออกมาก่อน ไม่ว่ายังไง ตัวเธอก็ต้องถูกเสมอ “ป้าอย่างเธอ พูดออกมาก่อน” “นี่ลุง” เกวลินชี้หน้าหาเรื่องเตชินท์ด้วยความหงุดหงิด เพียงแค่ถูกชายหนุ่มตอบโต้แทบจะทุกประโยค “อะไรป้า” “ต่อจากนี้ถ้าเธอเรียกฉันว่าลุง ฉันก็จะเรียกเธอว่าป้า” ในเมื่อเธอชอบเรียกเขาว่าลุง เขาก็จะเรียกเธอว่าป้า ทุกอย่างจะได้เสมอภาค “วุ้ย รำคาญ” เมื่อไม่สามารถตอบโต้หรือเถียงกลับชนะได้ เวลานี้เกวลินทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความงุ่นง่านใจ “รำคาญเหมือนกันแหละ” “ไม่ตรงปกนี่หว่า” เกวลินหันขวับไปมองหน้าเตชินท์ที่กำลังขับรถ คำพูดตอบกลับแต่ละคำต่างจากบุคลิกที่เธอได้รับทราบมาแทบจะเป็นคนละคนด้วยซ้ำ “ไม่ตรงยังไง” “ไหนใคร ๆ ก็บอกว่าลุงเย็นชา สุขุม ไง ดูตอนนี้สิ นั่งเถียงคำไม่ตกฟากกับเด็กอยู่เลย” “ทำไมฉันต้องไร้สาระไปกับเธอด้วย” ทำได้เพียงตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย คำถามของเกวลินเป็นคำถามที่เตชินท์ไม่สามารถตอบตนเองได้เช่นกัน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถยนต์คันหรูขับเคลื่อนเข้าไปในรั้วมหา’ลัยและกำลังจะถึงตึกคณะบริหาร เกวลินจึงรีบเอ่ยปากสั่งเตชินท์ให้จอดข้างทางก่อนถึงป้ายคณะตนเอง “เฮ้อ ขี้เกียจจะเถียงด้วย จอดตรงนี้แหละค่ะ” “ไม่ไปจอดหน้าคณะ” “ไม่อยากเป็นเป้าสายตาใคร” เพียงเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาของคนอื่นให้ซุบซิบนินทาให้รำคาญใจ จึงตัดบทให้เตชินท์จอดบริเวณที่ไร้ผู้คนจะดีกว่า “กลัวใครเห็น” “เอ๊ะ! นี่ลุงอย่ามาจับผิดฉันนะ” ความรู้สึกเหมือนถูกจับผิดจึงแว้ดเสียงใส่ด้วยความรำคาญใจ “ถ้าไม่มีจะกลัวอะไร” เมื่อไม่ได้คำตอบจึงเอ่ยถามอีกครั้ง จนกว่าจะได้คำตอบที่น่าพอใจ แต่ดูเหมือนยิ่งเอ่ยปากถามยิ่งได้คำตอบที่ชวนให้หงุดหงิดหัวใจ “ทำตัวเป็นผัวไปได้” ก็แค่กระดาษแผ่นเดียว ไม่สามารถรั้งเธอได้หากเธอคิดจะไปหรือคิดจะทำอะไร “เออ!! เป็นผัว” เตชินท์กระแทกเสียงตอบกลับ ใบหน้าเต็มไปด้วยอาการหงุดหงิดยากจะห้ามอารมณ์ตนเอง @ บริษัทวัฒนะกุล ประธานหนุ่มเดินออกจากลิฟต์ด้วยความเร่งรีบตามอารมณ์หงุดหงิดในใจของตนเอง และไม่ลืมเอ่ยปากสั่งงานเลขาคนสนิทเสียงเข้ม พลันสาวเท้าเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดสนั่นดังลั่น “รณพีร์เอางานมา ให้ฉันด่วน” “คะ ครับ” “พี่พีร์ทำไม? วันนี้คุณเตชินท์ดูหงุดหงิดอะไรเหรอ” เฟืองรัตน์เอ่ยถามรณพีร์ด้วยความอยากรู้ “ไม่รู้เหมือนกัน” รณพีร์ส่ายศีรษะอย่างแรง ได้แต่ภาวนาในใจตนเองให้รอดพ้นจากฤทธิ์เดชประธานหนุ่ม “แต่เฟืองคิดว่าคงหงุดหงิดให้กับภรรยาที่บ้านมั้งคะ” เฟืองรัตน์กอดอก ยกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ และคงหนีไม่พ้นเรื่องภรรยาที่ทำให้เจ้านายหนุ่มหงุดหงิดใจเป็นแน่ เนื่องจากปกติประธานหนุ่มมักกักเก็บอารมณ์ตนเองได้เป็นอย่างดีเสมอมา “เรื่องส่วนตัวของเจ้านาย ไม่เกี่ยวกับเรา” “สมน้ำหน้า อีกเดี๋ยวก็คงหย่ากัน” รณพีร์รีบถือแฟ้มเดินเข้าไปในห้องทำงานประธานหนุ่มอย่างรวดเร็ว ขืนช้าไปกว่านี้มีหวังหัวได้หลุดออกจากบ่าเป็นแน่ “เรียกประชุมหัวหน้าทุกแผนกให้ผมที” เตชินท์สั่งงานรณพีร์เสียงเข้ม ยื่นมือไปรับแฟ้มเอกสารด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงติดหงุดหงิดไม่หาย “มีเรื่องอะไรสำคัญรึเปล่าครับ” รณพีร์เอ่ยถามด้วยความอยากทราบ และคำตอบที่ได้จากประธานหนุ่ม ทำให้เขาต้องรีบปิดปากเงียบ “ฉันให้นายตั้งคำถามกลับตั้งแต่เมื่อไหร่” “ครับ ๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” รณพีร์รีบเดินออกจากห้องทำงานประธานหนุ่มทันที เพียงแค่หลุดออกจากห้องเสียงถอนหายใจพรืดยาวกลับดังขึ้นด้วยความโล่งอก “คุณรณพีร์เกิดอะไรขึ้นล่ะคะ ปกติท่านประธานไม่เรียกประชุมด่วนแบบนี้สักครั้งเดียว” หัวหน้าแต่ละแผนกเอ่ยปากถามรณพีร์ด้วยน้ำเสียงร้อนรนใจ “เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน” “วันนี้ท่านอารมณ์เป็นยังไงบ้างคะ” หัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยถามรณพีร์ด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก หวังให้ประธานอารมณ์ดี แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้พนักงานหน้าสลดลง “วันนี้ท่านหงุดหงิดมาก ทุกคนเตรียมรับแรงกระแทกได้เลย” เครื่องปรับอากาศภายในห้องประชุมเพิ่งเริ่มทำงาน แต่ กลับทำให้พนักงานทุกคนที่อยู่ภายในห้องเย็นยะเยือกจนนั่งหลังตรงด้วยใบหน้าตื่นตระหนก “ที่ผมเรียกพวกคุณมาวันนี้ มีเรื่องจะสอบถามและให้ลงความเห็น” เตชินท์เปิดประเด็นขึ้นเสียงเข้ม “เรื่องอะไรครับท่าน” “ผมคิดว่าพวกคุณงานยุ่ง ก็เลยจะรับนักศึกษาฝึกงานให้มาช่วย” “จะยุ่งมากกว่าเดิมรึเปล่าครับ ต้องสอนน้องทำงานอีก” พนักงานฝ่ายการตลาดรีบยกมือเสนอความคิดเห็นของตนเองออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ มั่นใจว่าคำตอบที่ได้จะถูกใจประธานบริษัท แต่ทุกอย่างกลับตรงข้ามโดยสิ้นเชิง “คุณเจียดเวลาไม่ได้เลยเหรอ” ใบหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงดุดันตอบกลับ พร้อมกับสายตาเย็นยะเยือกจ้องมองหน้าพนักงาน “เอ่อคือ ได้สิครับ” น้ำเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าเลิ่กลั่กรีบตอบกลับเอาใจประธานหนุ่มทันที “งั้นเอาเป็นว่าแต่ละแผนก ผมจะให้นักศึกษาสองคน ตกลงไหม? หรือมีความเห็นแย้ง” “ไม่มีค่ะ/ไม่มีครับ” ไม่มีแม้แต่เสียงคัดค้านหรือข้อเสนอแนะแต่อย่างใด โดยพนักงานทุกคนต่างตอบคำถามเอาใจประธานหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง “ผมมีเรื่องแค่นี้ แยกย้าย” เมื่อทุกอย่างเป็นเอกฉันท์ ร่างสูงโปร่งจึงเดินออกจากห้องประชุมทันที เพียงแค่ประธานหนุ่มเดินออกจากห้องประชุม เสียงฮือฮากลับดังขึ้นด้วยความสงสัยและข้องใจ “เกิดอะไรขึ้น” พนักงานฝ่ายบัญชีเอ่ยปากถามขึ้นด้วยความสงสัยปนอยากทราบ เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทห้ามรับนักศึกษาฝึกงาน ตามคำสั่งประธานหนุ่ม แต่เวลานี้ประธานหนุ่มกลับยกเลิกกฎเสียเอง “แต่ท่านประธานเป็นคนออกกฎเอง หรือกำลังจะมีเด็กเส้น” หัวหน้าฝ่ายบริหารพูดความคิดของตนเองออกมาด้วยใบหน้าพิจารณา “สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ” หากเป็นจริง บุคคลคนนั้นต้องสำคัญกับเจ้านายหนุ่มเป็นแน่ เพราะไม่อย่างนั้น ประธานหนุ่มที่เคร่งขรึมคงไม่ทลายกฎด้วยตนเองเช่นนี้ “ไม่รู้สิ พวกเราคงต้องรอดูตอนต่อไปแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม