เชียงใหม่
มิลล่าและกลุ่มเพื่อนเดินทางมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าด้วยเครื่องบินโดยสาร จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว ทุกคนทำกิจกรรมอาสาเก็บขยะในพื้นที่อนุรักษ์เสร็จสิ้นในวันแรก
นักศึกษาต่างทยอยเข้าที่พักซึ่งเป็นรีสอร์ตกลางธรรมชาติสวยงามและเงียบสงบ การมาทำกิจกรรมอาสาครั้งนี้ถือเป็นการมาเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ด้วย มิลล่ารู้สึกชื่นชอบที่นี่เป็นอย่างมาก คงเพราะเธอเกิดและเติบโตในกรุงเทพฯ จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้สัมผัสความบริสุทธิ์ของธรรมชาติเช่นนี้
"มิล จริงๆ แล้วตอนกลางคืนเราให้คินทร์มานอนกับเราก็ได้นะ" ริลภัสพูดขึ้นระหว่างกำลังเก็บเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทาง
"คินทร์ก็นอนกับเพื่อนผู้ชายอีกคนแล้วไง ที่นี่เขาให้นอนห้องละสองคน จะให้คินทร์มานอนกับเราทำไม อีกอย่างคินทร์เขาเป็นผู้ชาย"
"ก็ใครจะไปรู้ล่ะ เผื่อมิลอยากให้คินทร์มานอนด้วย เห็นเขาตั้งใจจีบมิลขนาดนั้นไม่คิดจะให้โอกาสหน่อยเหรอ" หล่อนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"จะบ้าเหรอภัส คุยคนเดียวไปเลยนะ มิลเห็นบ้านหลังใหญ่ตรงนู้นน่ะ สวยมากเลยว่าจะไปถ่ายรูปใกล้ๆ ซะหน่อย ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวกลับมา" มิลล่าพูดพลางหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋าของตนเอง
"รีบกลับมาด้วยล่ะ เราต้องอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปรวมตัวกับเพื่อนๆ ไปทานมื้อเย็นแสนอร่อย แล้วก็ต้องไปดูพระอาทิตย์ตกด้วย"
"จ้า ภัสอาบน้ำแต่งตัวก่อนเลย มิลกลับมาจะได้ไม่ต้องแย่งห้องน้ำกัน" เธอบอกเพื่อน แล้วจึงเอาสายกล้องถ่ายรูปขึ้นมาคล้องคอ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องพักรีสอร์ตไป
มิลล่าเดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงรั้วบ้านไม้สักหลังใหญ่ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ริมน้ำ เธออ่านป้ายขนาดใหญ่ซึ่งติดอยู่รั้วหน้าบ้าน เขียนไว้ว่า'เรือนไม้น้ำ' ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อรีสอร์ตแห่งนี้ จึงพอจะเดาออกว่าที่นี่คงเป็นบ้านของเจ้าของรีสอร์ตนั่นเอง
ความงดงามของบ้านหลังนี้โดดเด่นแต่ไกล มิลล่ามีโอกาสได้เดินเข้ามาสัมผัสใกล้ๆ เช่นนี้ยิ่งรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น มองเข้าไปในบริเวณบ้านจึงเห็นหญิงวัยกลางคนสองคน พวกเขากำลังเก็บผักจากแปลง และมีคุณลุงคนหนึ่งถือจอบกำลังพรวนดินต้นมะเขือเปราะ
มิลล่าทำท่าเก้ๆ กังๆ กำลังจะเอ่ยเรียกคุณลุงคนนั้นเพื่อขออนุญาตถ่ายรูปบริเวณบ้านติดลำธาร แต่เขากลับมาเห็นหันมาเห็นเธอเสียก่อน
"คุณลุง" มิลล่าฉีกยิ้มกว้างให้ชายผมขาว ท่าทางของเขาดูภูมิฐานราวกับไม่ใช่ชาวไร่ชาวสวน ใบหน้าผิวพรรณบ่งบอกอายุอานามน่าจะราวๆ ห้าสิบกว่าปี แกสวมเสื้อม่อฮ่อมกางเกงขายาว จากนั้นจึงวางจอบลงและเดินมาหาตนที่ริมรั้ว
"สวัสดีค่ะคุณลุง" มิลล่ายกมือขึ้นไหว้คุณลุงคนสวน ทำให้เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ ด้วยความรู้สึกแปลกใจ
"ลุงเป็นแค่คนสวน มายกมือไหว้ทำไม?" แกถามเสียงทุ้มฟังดูอบอุ่น
"ก็คุณลุงอายุมากกว่าหนูก็ต้องยกมือไหว้สิคะ" คำตอบนั้นสร้างความประทับใจให้ชายผมขาวเป็นอย่างมาก เขารู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
"แล้วมาหาใคร ท่าทางไม่ใช่คนแถวนี้ หรือว่าจะเป็นแขกของรีสอร์ต"
"ใช่ค่ะ หนูมาจากกรุงเทพฯ มาทำกิจกรรมอาสาก็เลยเข้ามาพักที่รีสอร์ตเรือนไม้น้ำ พอดีเห็นบ้านหลังนี้สวยมากแล้วก็ยังติดริมน้ำด้วย หนูก็เลยว่าจะมาขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ" มิลล่าพูดไปยิ้มไป คงเพราะรู้สึกชื่นชอบความสวยงามของที่นี่เป็นอย่างมาก
"ลูกชายลุงก็ทำงานที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน" เขาเอ่ยขึ้น
"จริงเหรอคะ น่าแปลกจังเลยนะคะที่เขาไม่อยู่ที่นี่กับคุณลุง ธรรมชาติออกจะสวยงาม รีสอร์ตออกจะใหญ่โต เขาน่าจะหางานทำที่เชียงใหม่ได้สบาย"
"ไม่ใช่แบบนั้นหรอก เมื่อก่อนลุงก็อยู่กับลูกชายที่กรุงเทพฯ แต่เบื่อชีวิตเมืองกรุงก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่" แกเล่าให้ฟังอีก
"เหรอคะ จริงๆ หนูก็คิดแบบนั้นค่ะ อยู่กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิดก็รู้สึกเบื่อเมืองกรุงเหมือนกัน หนูอยากย้ายออกมาอยู่กับธรรมชาติแบบนี้จังเลยค่ะ"
"อยากย้ายก็ย้ายมาสิ ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำแล้วก็มีความสุข" คำแนะนำนั้นทำให้ให้มิลล่าฉีกยิ้มกว้างและพยักหน้าตอบรับ
"ไว้หนูจะพิจารณาหลังเรียนจบนะคะ"
"แบบนั้นก็ได้ ว่าแต่อยากถ่ายรูปตรงไหนก็ถ่ายเลยนะ แล้วหนูจะเข้ามาในบ้านไหม เดี๋ยวลุงหาอะไรเย็นๆ ให้ดื่ม" แกเอ่ยเชิญชวน หญิงสาวได้แต่คิดในใจ ว่าคงเพราะตนเป็นแขกของรีสอร์ต จึงเอ่ยเชื้อเชิญตามมารยาทเท่านั้น
"หนูเกรงใจเจ้าของบ้านค่ะ แค่มาขอถ่ายรูปก็เกรงใจจะแย่แล้ว"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก เจ้าของบ้านเขาใจดี"
"เอ่อ...ขอบคุณคุณลุงมากนะคะที่มีน้ำใจชวนหนู เอาเป็นว่าหนูมาขอถ่ายรูปแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ หนูเกรงใจมากจริงๆ อีกอย่างก็ต้องรีบกลับไปเจอเพื่อนๆ ที่รีสอร์ตเพราะมีกิจกรรมในตอนเย็นด้วยค่ะ" ยิ่งเห็นท่าทางเกรงอกเกรงใจของเด็กสาว ยิ่งทำให้เขารู้สึกชื่นชอบความอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอ
"งั้นก็ตามใจ ลุงอยู่บริเวณหน้าบ้านนี่แหละ มีอะไรก็ถามได้เลยนะ"
"ขอบคุณมากค่ะคุณลุง" ชายผมขาวพยักหน้ารับและคลี่ยิ้มให้ จากนั้นจึงเดินไปหยิบจอบขึ้นมาพรวนดินต่อ มิลล่าจึงกวาดสายตามองไปทั่วธรรมชาติที่งดงาม และยกกล้องถ่ายรูปขึ้นมาเก็บรูปภาพด้วยตื่นเต้น
ห้างแกรนด์พีรา
พีย์ชำเลืองมองนาฬิกา เห็นว่าเป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมงแล้วจึงตัดสินใจโทรหามิลล่า เขาได้แต่ตัดพ้อหญิงสาวในใจ ที่เธอไม่คิดจะโทรมาหาตนเลย
(ค่ะ คุณพีย์) เสียงจากปลายสายบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัว
"อารมณ์ดีเชียวนะครับ ไม่คิดจะโทรหาผมเลยหรือยังไงกัน ว่าจะโทรมาชวนทานมื้อเย็นซะหน่อย" ปลายสายอ้ำอึ้ง มิลล่าลืมไปเสียสนิทว่าไม่ได้บอกพีย์เรื่องที่ตนมาเชียงใหม่ อีกอย่างก็คิดว่าไม่มีเหตุผลจำเป็นอะไรที่จะต้องบอก เพราะเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน
(เย็นนี้คงจะไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้มิลอยู่ที่เชียงใหม่ค่ะ มาทำกิจกรรมอาสากับเพื่อนๆ)
"อะไรนะครับ ไปเชียงใหม่แต่ไม่คิดจะบอกผมสักคำเนี่ยนะ?" น้ำเสียงของชายหนุ่มบ่งบอกถึงความโกรธ มิลล่าตกใจกับน้ำเสียงดุดันที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
(มิลขอโทษค่ะ คิดว่ามาแค่สามวันก็เลยไม่ได้บอก อีกอย่างก็ไม่รู้จะบอกทำไม)
"บอกทำไมงั้นเหรอ มิลเองก็รู้ว่าผมต้องการอะไรจากมิล เพราะฉะนั้นเลิกทำตัวเย็นชาไร้ความรู้สึกแบบนี้ซะทีได้ไหม?" พีย์ว่าให้ หญิงสาวจึงไตร่ตรองคำพูดของเขา แต่กลับรู้สึกแปลกใจ ว่าตนไปทำตัวเย็นชาไร้ความรู้สึกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
(เอาเป็นว่ามิลขอโทษก็แล้วกันค่ะ เอาไว้คราวหน้าไปไหนมาไหนมิลจะบอกนะคะ) เธออยากตัดบทสนทนา จึงยอมเป็นฝ่ายเอ่ยขอโทษ
"ไม่ต้องมาขอโทษ บอกมาว่าพักอยู่ที่ไหน?"
(บอกทำไมคะ?)
"ผมจะไปหา"
(ไม่ต้องมาหรอกค่ะ มิลอยู่ที่นี่สามวันเอง)
"บอกมา!" น้ำเสียงของพีย์ดุดันยิ่งขึ้น ทำให้มิลล่าจำใจต้องยอมบอก
(เรือนไม้น้ำรีสอร์ตค่ะ)
"หึ ไปถูกที่ซะด้วยสินะ"
(หมายความว่ายังไงคะ?)
"เอาไว้ถึงที่นั่นแล้วค่อยคุยกัน แค่นี้นะครับ" พีย์บอกเท่านั้นแล้วจึงกดวางสาย จากนั้นเขาจึงโทรหาวรากรให้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้โดยด่วน เพราะความรู้สึกกระวนกระวายใจเรื่องมิลล่า ทำให้เขาไม่แม้แต่จะคิดถึงเรื่องงาน
คนมันคลั่งรักอ่ะ นี่ขนาดยังไม่ได้น้องนะ 555 อ่านจบแล้วส่งคอมเมนต์มาให้กำลังใจปันหยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ❤