พี่ชายคนใหม่

2144 คำ
หลับสนิทไปหนึ่งตื่นตลอดทั้งคืนด้วยความประหลาดใจ ปกติแก้มใสจะเป็นคนติดที่นอนมากเธอทำใจแล้วว่าการย้ายมาอยู่คอนโดกับพี่ชายครั้งนี้เธอต้องมีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับแน่ แต่ไม่คิดเลยว่าแค่คืนแรกเธอจะสามารถหลับเป็นตายเหมือนได้ยาสลบช้างแบบนี้ บิดขี้เกียจได้ประเดี๋ยวเดียวก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง หญิงสาวรีบก้มดูการแต่งกายของตัวเองเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเนื่องจากถอดเสื้อชั้นในนอนเธอจึงรีบคว้าเสื้อกันหนาวตัวหนาในกองเสื้อผ้าที่รื้อออกมาเมื่อคืนสวมทับอีกชั้นก่อนจะเดินไปเปิดประตู “หนาวเหรอ” ล่าคลื่นเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยพลางเหลือบมองเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ที่คนน้องสวมใส่ “นิดหน่อยค่ะ” เธอไหลไปตามน้ำ “เลิกปาร์ตี้กันแล้วเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามกลับ “อื้มเลิกตั้งแต่ตีสองเมื่อคืนแล้ว” แก้มใสมองผ่านล่าคลื่นไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่ด้านหลังเขา ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้าแล้ว “งั้นพี่รอหนูเก็บของแป๊บหนึ่งนะ” “ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวมากินข้าวเช้าด้วยกันก่อน” “ข้าวเช้า?” ดวงตากลมโตที่แฝงไปด้วยความสงสัยกับใบหน้าหมดจดของคนเพิ่งตื่นนอนทำให้ล่าคลื่นอดยิ้มไม่ได้ เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกเอ็นดูเด็กผู้หญิงมากขนาดนี้ “ไปล้างหน้าแล้วมากินข้าว” “อ้อ” แก้มใสถูกคนพี่กดเสียงเข้มใส่ก็พลันรู้สึกเหมือนได้พี่ชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน หลังจากเธอล้างหน้าแปรงฟันพร้อมกับใส่เสื้อชั้นในเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อนพี่ชาย “กินได้ไหม” เขาถามพลางมองใบหน้าเธอสลับกับถ้วยข้าวต้มหมูตรงหน้า “ได้ค่ะ” “งั้นก็กินให้หมด” ประโยคของพี่ชายคนนี้ทำให้แก้มใสรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่บังคับให้กินข้าวเลย เธองับข้าวต้มเข้าปากไปพลางเหลือบมองล่าคลื่นไปพลาง “มีอะไร” เขาสบตากลับพลันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอคะ” “ทำไมถามงั้นอะ” “ก็ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่พี่เอาแต่ทำหน้าง่วงอยู่ตลอดเวลา” ล่าคลื่นไม่ได้เอ่ยตอบอะไรทำเพียงมองหน้าเด็กสาวแล้วยิ้มๆ ก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต้มต่อ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแก้มใสก็เก็บเสื้อผ้าพร้อมกับตุ๊กตาแพนกวินกลับมาที่ห้อง แต่ทันทีที่เข้ามาถึงก็ทำให้เธออดถอนหายใจไม่ได้ ผู้ชายตัวใหญ่กว่าห้าคนนอนล้มระเนระนาดอยู่เต็มพื้น หัวไปทางหางไปทาง เธอส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะยกกระเป๋าใบหนักเดินหลบซากศพที่นอนก่ายกันอยู่บนพื้นกลับเข้าไปในห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเบาะนุ่มด้วยความอ่อนเพลีย เธอยังรู้สึกง่วงอยู่เลย ขณะที่เปลือกตาทั้งสองข้างกำลังจะปิดลงอย่างเชื่องช้าเสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นดึงความสนใจให้แก้มใสหันไปมอง กัปตัน : ตื่นหรือยัง อาการนอนไม่หลับเป็นยังไงบ้าง แก้มใส : ตื่นแล้วค่ะ ไม่มีอาการอะไรเลยหนูหลับสนิทมาก กัปตัน : งั้นก็ดีแล้ว แต่ถ้านอนไม่หลับอีกต้องบอกเฮียนะ แก้มใส : รับทราบค่ะ เที่ยงตรง ร่างบางในชุดเดรสกระโปรงสีชมพูอ่อนแขนตุ๊กตาเดินออกมาจากห้องนอนพลันมองกองศพที่ยังไม่ขยับเขยื้อนไปไหนด้วยสีหน้าอ่อนใจ เธอเดินตรงเข้าไปหาพี่ชายที่ยังนอนก่ายขาพาดโซฟาอย่างสบายใจ ย่อตัวนั่งลงพลันเขย่าตัวเรียกเขา “เฮียกันต์ตื่น” “อือ...” คนงัวเงียที่ยังเมาไม่สร่างปัดป่ายมือน้องสาวออกก่อนจะเปลี่ยนไปนอนตะแคงข้างหลบหน้าเธอ “เฮียกันต์หนูหิวแล้ว” “อืออ” กันต์ธีร์ขานรับด้วยน้ำเสียงยานคาง แก้มใสเห็นว่าพี่ชายคงจะไม่ตื่นง่ายๆ จึงตัดใจเดินหิ้วโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสะพายใบจิ๋วออกจากห้อง ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเธอก็พลันนึกได้ว่าลืมหยิบคีย์การ์ดออกมาด้วย แก้มใสทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าไปเอาคีย์การ์ดในห้อง ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’ ดังขึ้นจากห้องฝั่งตรงข้าม เมื่อหันไปมองก็พบว่าล่าคลื่นกำลังเปิดประตูออกมาพอดี แก้มใสกับล่าคลื่นสบตากันแวบหนึ่งก่อนที่คนเป็นพี่จะเอ่ยปากถาม “จะไปไหน” “หนูจะออกไปหาอะไรกิน” เธอถามกลับ “แล้วพี่ล่ะ” “เหมือนกัน” เขาว่าพลางดึงประตูห้องปิดลง “แล้วพวกนี้ตื่นหรือยัง” แก้มใสถอนหายใจพลันส่ายหน้าเบาๆ “งั้นไปด้วยกันไหมเดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวเอง” “แล้วพวกพี่เขาล่ะคะ” “ไม่ตื่นง่ายๆ หรอกอย่างน้อยก็บ่ายสามนู้นหละ” ได้ฟังคำตอบแล้วแก้มใสก็ถึงกับพูดไม่ออก ไม่คิดว่าพวกพี่ชายจะสามารถนอนกินบ้านกินเมืองได้เป็นวันๆ แบบนี้ “อยากกินอะไร” ร่างสูงเอ่ยถามในขณะที่ลิฟต์กำลังเลื่อนลงไปยังลานจอดรถใต้ดิน แก้มใสขยับแว่นสายตาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหวาน “เราไปกินบุฟเฟ่ต์กันได้ไหมคะ” “ตอนนี้?” เธอพยักหน้าหงึกๆ ด้วยสายตาที่ชวนให้ล่าคลื่นรู้สึกว่ากำลังถูกลูกแมวน้อยออดอ้อน เขาส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความเอ็นดูพลันยกมือขึ้นมาหยิกแก้มน้องสาวของเพื่อนด้วยความมันเขี้ยว เด็กสาวยิ้มหน้าบานอย่างอารมณ์ดีหลังจากรู้สึกได้ว่ากำลังถูกล่าคลื่นตามใจ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกล่าคลื่นก็เดินนำแก้มใสไปยังรถเบนซ์คันสีดำ ทันทีที่ขึ้นมานั่งแก้มใสก็กวาดสายตามองสำรวจตามประสาคนชอบสังเกต กระทั่งพบว่าภายในรถสะอาดสะอ้านราวกับไม่ค่อยได้ใช้งาน ต่างจากรถของกันต์ธีร์ลึกลับแก้มใสจำได้เลยว่าเมื่อปีที่แล้วตอนขึ้นมางาน open house ของมหาวิทยาลัยเธอบังเอิญเจอของที่เด็กไม่ควรเห็นเข้าในรถของพี่ชาย เจอซองถุงยางฉีกทิ้งว่าพอทน เจอของเหลวเหนียวข้นในถุงยางใช้แล้วพอเลย ดีนะที่เธอเป็นคนเจอถ้าเป็นพ่อแม่หรือเฮียกัปตันเป็นคนเจอได้โดนดุหูชาแน่ “พี่กับเฮียกันต์นิสัยต่างกันลึกลับเลย” คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับหลุดยิ้มน้อยๆ “พวกพี่เจอกันได้ยังไงเหรอ” “ตอนปีหนึ่งบังเอิญอยู่กลุ่มเดียวกันตอนงานรับน้องก็เลยสนิทกัน” “ทุกคนเลยเหรอคะ” ล่าคลื่นส่ายหน้า “มีแค่พี่ไอ้กันต์แล้วก็ไอ้ริวส่วนไอ้สกายกับไนน์เจอทีหลัง” “อ๋อ” “แล้วเราล่ะมีเพื่อนมัธยมมาเรียนด้วยกันไหม” “ไม่เลยค่ะเพื่อนสนิทหนูแยกย้ายกันไปหมด ในกลุ่มมีห้าคนก็แยกไปคนละภาคหมดเลยยกเว้นเพื่อนหนึ่งคนที่มาเรียนในกรุงเทพเหมือนกันแต่อยู่กันคนละมหาวิทยาลัย” ในระหว่างที่นั่งรถแก้มใสก็เผลอพูดมากอย่างลืมตัว ปกติเธอจะเป็นคนที่พูดน้อยมากกับคนไม่สนิทแต่ทว่าท่าทีที่ล่าคลื่นมีต่อเธอทำให้แก้มใสไม่รู้สึกอึดอัด ทั้งยังรู้สึกว่าพี่เขามีนิสัยคล้ายเฮียกัปตันที่เป็นคนอบอุ่นและพึ่งพาได้ อีกด้านก็คล้ายเฮียกันต์ที่ชอบตามใจเธอ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็มีความสุขุมคล้ายพ่ออยู่เหมือนกัน “อันที่จริงหนูมีเรื่องอยากถามพี่หนึ่งเรื่อง” “อะไร” “แต่พี่ต้องสัญญาก่อนนะว่าห้ามบอกเฮียกันต์” เด็กสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะถาม “อืม” “เฮียกันต์เขาเคยมีรักฝังใจไหมคะ” ย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นแก้มใสอยู่มอห้าส่วนเฮียกันต์เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เธอจำได้เลยว่าช่วงปิดเทอมกลางภาคตอนกลับมาที่บ้านเฮียคนกลางของเธอก็เปลี่ยนไป แก้มใสสังเกตเห็นว่ากันต์ธีร์เหมือนคนมีเรื่องในใจอยู่ตลอดเวลาแต่พออยู่ต่อหน้าเธอหรือคนในครอบครัวก็จะแสร้งยิ้มอารมณ์ดีเหมือนไม่อะไรเกิดขึ้น จนมีอยู่คืนหนึ่งเธอแอบเห็นกันต์ธีร์ออกมานั่งคนเดียวที่หลังบ้าน ตอนนั้นเธอทำท่าจะเดินเข้าไปหาเขาแต่ก่อนที่เธอจะก้าวเท้าเข้าไปหาพี่ชาย กลับได้ยินเสียงร้องไห้ดังสะอื้นออกมาแม้จะไม่ใช่เสียงฟูมฟายเหมือนจะเป็นจะตาย แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าเสียงสะอื้นเบาๆ นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เธอยืนมองอยู่ด้านหลังก็เห็นกันต์ธีร์ถือรูปถ่ายใบหนึ่ง และในวันต่อมาเธอก็บังเอิญเห็นรูปถ่ายใบนั้น แต่น่าเสียดายที่ใบหน้าของหญิงสาวได้ถูกทำลายทิ้งไปแล้วเธอจึงไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในภาพถ่ายคือใคร และหลังจากวันนั้นพี่ชายของเธอก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่เคยเจ้าชู้ก็กลายเป็นเพลบอยตัวพ่อจนถูกเฮียกัปตันด่าอยู่บ่อยๆ พ่อแม่ก็พากันอ่อนใจด้วยพูดปากเปียกปากแฉะแล้วว่าให้เพลาๆ เรื่องผู้หญิงลงบ้างแต่เฮียกันต์ก็ไม่ฟัง พ่อแม่เลยขี้เกียจยุ่งด้วยแค่บอกว่าอย่าลืมป้องกัน ดีหน่อยที่อย่างน้อยเฮียของเธอก็ไม่เคยพาผู้หญิงมาที่ห้อง ไม่งั้นเธอคงลำบากใจถ้าต้องเห็นผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าเข้าออกห้องพี่ชายทุกวัน “กันต์ไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ” “ไม่เคยเลยค่ะ” เธอหลุบตามองต่ำพลันเอ่ยเสียงแผ่ว “แม้เราจะเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่เฮียกันต์ไม่เคยเล่าเรื่องทุกข์ใจให้หนูฟังเลย” ต่างจากเธอที่เวลามีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็มักจะระบายให้พี่ชายฟังเสมอ บางครั้งเธอจึงรู้สึกน้อยใจและรู้สึกเหมือนกับว่าพี่ชายไม่ไว้ใจเธอ “ไอ้กันต์เป็นพวกชอบปรับทุกข์ให้คนอื่น แต่ไม่ชอบให้คนอื่นปรับทุกข์ให้ตัวเอง” แก้มใสเงยหน้ามองคนพูด “มันเป็นพวกรักหน้าตาตัวเองมากจนไม่อยากให้ใครต้องมานั่งสมเพชเวทนามันโดยเฉพาะภาพลักษณ์ที่มีกับครอบครัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้องสาวเพียงคนเดียวของมัน” “ทำไมล่ะ หนูไม่เอาไปบอกใครสักหน่อย” ล่าคลื่นหลุดยิ้มก่อนจะเอื้อมมือหนึ่งข้างยีหัวยัยเด็กน้อยเบาๆ จนเธอมุ่ยหน้าใส่เขา “มันไม่ได้กลัวว่าเราจะเอาไปบอกใคร แต่มันกลัวว่าเราจะเห็นมันในมุมอ่อนไหวต่างหาก ไม่มีพี่ชายคนไหนอยากดูอ่อนแอต่อหน้าน้องสาวที่ตัวเองพยายามปกป้องมาตลอดหรอกนะ” พอได้ฟังคำตอบเช่นนี้แก้มใสก็เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของกันต์ธีร์มากขึ้น “ว่าแต่พี่รู้เรื่องพวกนี้ดีจัง พี่มีน้องสาวเหรอ” “ไม่มี” “อ้าว แล้วทำไมดูเข้าใจพี่กันต์จัง” “บางเรื่องแค่รับฟังก็เข้าใจได้นะ ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ตรง” พูดเหมือนเป็นพวกโค้ชที่ไม่เคยลงสนามเลย “แล้วพี่ล่าคลื่นมีแฟนไหมคะ” “ถามทำไม” “ก็แค่อยากรู้” “ไม่มี พี่ไม่ชอบผู้หญิง” “หา!” ล่าคลื่นหันมาเห็นแก้มใสเบิกตาโตพลันจ้องหน้าเขาตาเขม็งก็เดาออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่จึงรีบเอ่ยดักทาง “แล้วพี่ก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย” “อ้าว งั้นพี่ชอบอะไร” “ก็ชอบผู้หญิงนี่แหละ แค่ที่ผ่านมายังไม่เจอผู้หญิงที่ชอบ” พูดจบก็หันมาถามแก้มใสกลับ “แล้วเราล่ะมีแฟนหรือยัง” “อย่าว่าแต่แฟนเลยค่ะ แค่เพื่อนผู้ชายยังไม่มีสักคน” แก้มใสค่อนข้างอึดอัดเวลาอยู่ใกล้เด็กผู้ชาย แม้เธอจะมีพี่ชายถึงสองคนแต่ความรู้สึกเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่นกลับแตกต่างออกไป เธอเองก็ยังแปลกใจที่อาการนี้ไม่เป็นตอนอยู่กับล่าคลื่น หรือบางทีอาจจะเพราะเธอรู้สึกว่าล่าคลื่นมองเธอเป็นน้องสาวเหมือนกับที่พี่ชายทั้งสองคนทำ ไม่ได้มองเธอเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนคนอื่น “อย่าเพิ่งรีบมีดีแล้ว” แม้แต่ประโยคนี้ก็ยังเหมือนกับที่พี่ชายทั้งสองคนเตือนเธอเลย “รับทราบค่ะ ไว้มีคนที่ชอบแล้วจะมาขออนุญาตนะคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม