บทที่ 8 ยามศึกเราจับมือรบ

1656 คำ
เพ่ยถิงถิงกะพริบตาปริบ ๆ มองเสี่ยวหมิงที่ด่าหมดไม่สนว่ามารดาใคร อีกทั้งคนมาใหม่เธอก็สังเกตเห็นว่ามองมาที่เธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ประหนึ่งเป็นศัตรูกันมาพันปี ทั้งยังมาพูดแทรกตอนกินข้าวอีกด้วย ถามว่าไร้มารยาทไหม ก็ตอบได้เลยว่าน่าจะไม่ได้รับการสั่งสอน เสี่ยวหมิงพูดไม่ได้ผิดอะไร แต่เธอก็เลือกจะสังเกตว่าคนผู้นี้เป็นใคร “นี่แก...แกว่าฉันได้ยังไง” “ทำไมหมิงจะ-ว่า-ไม่-ได้” เสี่ยวหมิงเน้นทีละคำอย่างลอยหน้าลอยตา ไม่ชอบใจที่มีคนมาขัดเวลากินข้าว นี่ทำให้หมิงอารมณ์เสียมาก ๆ อีกอย่างคนพวกนี้ไม่ได้สนิทสนมขนาดมาขอข้าวที่บ้านกินได้สักหน่อย หลี่เหวินอวี้ขยิบตาให้เสี่ยวหมิงทันทีที่ได้ยินเสียงร้ายของป้ารอง ที่เหมือนเป็นมลพิษในบ้าน และเสี่ยวหมิงใช้สายตาคุยกับนายพลหลี่ เขายกขึ้นหนึ่งนิ้วหมายถึงหนึ่งร้อยหยวน แต่เสี่ยวหมิงชูขึ้นสามนิ้วบอกว่าเอาสามร้อย หลี่ เหวินอวี้จึงต่อรองเหลือสอง สุดท้ายเสี่ยวหมิงก็ตกลง นี่เป็นภารกิจลับของเสี่ยวหมิงที่ตกลงกับนายพลหลี่เอาไว้แล้ว ว่าหากมีผู้หญิงที่เข้ามาเพื่อต้องการหาประโยชน์ และก็พวกบ้านซูที่คอยมาเกาะแกะ เขามีหน้าที่ไล่ไป และค่าจ้างแล้วแต่ตกลงตามสถานการณ์ เครื่องด่าของเสี่ยวหมิงได้เวลาทำงานแล้วล่ะ เพ่ยถิงถิงเห็นสองคนขยิบตาชูนิ้วก็ไม่เข้าใจจึงได้แต่มองเงียบ ๆ จากนั้นก็คอยดูว่าจะเกิดอะไรต่อ และแปลกใจที่เมื่อครู่สองคนนี้ยังตีกันอยู่เลย ตอนนี้สามัคคีกันเสียอย่างนั้น “ที่นี่บ้านหลี่นะ” “บ้านหลี่ก็เหมือนบ้านหมิงเหมือนกัน” เสี่ยวหมิงเท้าเอวสู้ ภารกิจครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เพื่อสองร้อยหยวนในบัญชีที่เพิ่ม ปะทะคารมกับป้าจอมยุ่งสักหน่อยหมิงไหวอยู่แล้ว ป้ารองซูปะทะฝีปากกับเจ้าเด็กที่เก็บมาเลี้ยงของถงถงแต่ก็ไม่กล้าจัดการอะไรมาก เพราะตระกูลหานหนุนหลังไม่พอ ตระกูลหลี่ยังถือหางอีก เธอต้องการให้เฟินเฟินลูกสาวตัวน้อยของเธอได้เกี่ยวดองกับตระกูลหลี่ ใครจะคิดว่าเรื่องสัญญาหมั้นหมายปากเปล่าจะทำให้ตระกูลหลี่หาฤกษ์กันแล้ว วันนี้เธอมาเพื่อขัดขวาง “เหวินอวี้หลานรัก...ป้าฝากเฟินเฟินไปด้วยได้ไหม สงสารน้องต้องนั่งรถรางคนก็แน่น จักรยานที่บ้านก็เอาไปซ่อมไว้ยังไม่เสร็จเลย” “ขอโทษด้วยครับคงไม่สะดวกนัก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาสีหน้าเมินเฉยต่อการขอร้องนี้ ป้ารองซูคิดว่าเขาโง่หรือ ที่บ้านป้ารองมีรถตั้งหลายคัน ไม่เห็นต้องดั้นด้นมาถึงบ้านหลี่ที่อยู่ห่างกันคนละฝากของเมืองด้วยซ้ำ และเดินทางมาไกลได้ขนาดนี้ด้วยวิธีใด หากไม่ใช่รถของบ้านป้ารอง ซูเอ้อหลิงไม่คิดว่านับวันหลานชายที่เป็นถึงนายพลจะเย็นชาต่อเธอขนาดนี้ ทั้งที่พยายามรักษาความสัมพันธ์แล้วแท้ ๆ ตอนตระกูลเยี่ยนนางเด็กเยี่ยนเซียนมีเรื่องกับตระกูลหาน แต่ใช้วิธีสกปรกในการป้ายสีสหาย ทำให้หลี่ เหวินอวี้เสื่อมเสียเกียรติไปด้วย นางเด็กนั่นถูกตัดขาดจากตระกูลหลี่ทำให้เธอสะใจยิ่งนัก เพราะว่าตำแหน่งหน้าที่ของพ่อเด็กนั่นเป็นถึงผู้พัน ย่อมใกล้ชิดสนิทสนมกันมากกว่า แต่เมื่อทางปลอดโปร่ง เธอก็เข้าหาน้องสาวมาสามปีแล้วก็ไม่มีวี่แววจะสำเร็จเรื่องจับคู่ ทั้งบ่ายเบี่ยงเรื่องคู่ครองให้หลานชายเลือกเอง แต่เมื่อมีคนมาทวงสัญญาไร้ลายลักษณ์อักษรกลับจะให้หลานชายที่เธอหมายปองเป็นลูกเขยแต่งง่าย ๆ เธอจะยอมได้อย่างไรกัน “ไม่สะดวกอะไรกัน ก็แค่น้องนั่งรถไปด้วย” ซูเอ้อหลิงพยายามประจบประแจงใช้คำพูดหวานหู “นายพลหลี่มีทหารติดตามสองนาย เสี่ยวหมิงกับพี่ถิงถิงนั่งไปด้วยรถเต็มพอดีไม่มีที่ว่าง” เสี่ยวหมิงสรุปเสร็จสรรพ บอกให้รู้ว่าไม่เหลือที่ให้กับลูกสาวป้า สายตาวิบวับจ้องจับนายพลหลี่ ทั้งยังตีหน้าเศร้าเรียกความสงสารอีก หมิงน่ะมองคนออกนะจะบอกให้ “ก็นายมารถบ้านตระกูลหานไม่ใช่หรือไง” ซูเอ้อ หลิงหันไปทางเจ้าเด็กก้าวร้าว “หมิงเพิ่งคิดได้ว่ารถต้องกลับไปรับอาเหล่ยไปหาหมอ ตอนนี้ไม่มีรถแล้ว” หลี่เหวินอวี้ยกนิ้วในใจให้กับไหวพริบของเจ้าเสี่ยว หมิง ช่วยเขาได้เยอะทีเดียว สมแล้วที่พี่ใหญ่เหิงส่งเจ้าอ้วนตัวแสบมาช่วยเขาไล่เหล่าคนที่ต้องการจะมาเกาะติด “แล้วนั่นใครอีก กาฝากที่ไหน มาอาศัยบ้านหลี่” ป้ารองซูพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน จ้องสายตาไปยังสตรีที่นั่งกินโจ๊กหน้าตาเฉย ไม่ทุกข์ร้อนอะไรทั้งที่เป็นตัวปัญหาแท้ ๆ ป้ารองซูพูดอย่างนี่สงสัยจะไม่รู้จักฝีปากหมิงซะแล้ว มาว่าพี่ถิงของหมิงได้ยังไง “นี่ป้า...ว่าคนอื่นกาฝากที่บ้านไม่มีกระจกเหรอ หมิง ซื้อให้สักบานดีไหม ปากแบบนี้น่ะสินายพลหลี่ถึงรังเกียจไม่อยากให้มาเหยียบที่บ้าน ไร้มารยาท หากไม่รู้ว่าเป็นน้องสาวแม่หลี่นึกว่าเป็นสาวแก่เลี้ยงวัวอยู่บ้านนอกชนบทห่างไกลที่ต้องนั่งเกวียนวัวข้ามเขาอีกสองลูก มารยาทยังสะกดไม่เป็น...มาทางไหนไปทางนั้นเลยนะ ไป๊!” เสี่ยวหมิงชี้หน้าไล่แล้วยังมีคนของปู่หลี่ออกมายืนด้านหลังเสี่ยวหมิง คอยช่วยผลักไสอีกแรง “แกไล่ฉันไม่ได้นี่บ้านสามีน้องสาวฉันนะ” “ก็ไม่ใช่บ้านสามีป้าเนอะ...มาทางไหนไปทางนั้น อย่าให้หมิงพูดซ้ำ ไม่อย่างงั้นจะฟ้องพี่เขยว่าป้าวุ่นวายกับ หมิง อ้อยังมีน้องชายพี่เขยอีกคน ป้าคงได้ยินมาบ้างเนอะว่านิสัยบุรุษตระกูลหานเป็นอย่างไร หรือจะให้หมิงทวนให้ฟัง” หลี่เหวินอวี้มองเสี่ยวหมิงที่จัดการได้เด็ดขาดแทนเขาได้ก็นึกอยากจะให้เพิ่มอีกสักห้าสิบหยวน เพราะว่าคุณแม่เองก็อึดอัดใจที่ป้ารองมารบกวน แต่เมื่อพูดอะไรหนักปากก็จะถูกเอาไปต่อว่าเสียหายไปถึงคุณปู่และคุณพ่อ คุณแม่ไม่ใช่คนที่สู้คน ดังนั้นหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าเสียทุกครั้ง เพราะยังอยากกลับไปไหว้คุณตาคุณยายในวันปีใหม่ ไม่อยากตัดขาดบ้านเดิม และทุกครั้งที่มีเรื่องป้ารองมักจะเอาไปฟ้องคุณตาคุณยายในเรื่องไม่จริง คุณแม่ก็จะโดนตำหนิ ซูซานซานได้ยินแล้วว่าพี่สาวมาก่อกวนแต่เช้า จึงเลือกจะหลบอยู่ในครัว และเมื่อสามีลงมาเห็นจึงถอนหายใจ “ทำไมคุณยังให้หล่อนมาวุ่นวายอีก ผมบอกว่าจะจัดการให้ก็ไม่ยอม” หลี่ซื่อเหวินทนเห็นภรรยาลำบากใจได้ที่ไหนกัน เขาไม่อยากใช้ไม้แข็ง แต่ว่าครั้งนี้ดูเกินไปหน่อย “คุณ...ปล่อยพี่รองไปเถอะค่ะ” ซูซานซานจับแขนสามีเอาไว้พลางทำสีหน้าลำบากใจ เธอยังเคารพพ่อกับแม่อยู่ ไม่อยากให้มีเรื่องให้ท่านไม่สบายใจ ท่านแก่แล้วสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก “คุณใจดีเกินไป” หลี่ซื่อเหวินแม้ไม่เห็นด้วย แต่เมื่อภรรยาขอร้องเขาก็ขัดไม่ได้เช่นเดียวกัน จึงทำได้แค่รอให้บ้านสงบ ด้านนอกซูเอ้อหลิงถูกไล่ออกมานึกเจ็บใจ มองไปยังลูกสาวที่ยืนอยู่ด้วยใบหน้าโกรธเคือง เธอจึงยิ้มประจบลูกก่อน “หนูบอกแม่แล้วใช่ไหมคะว่าพี่หลี่ไม่ต้อนรับหนูหรอก ก็เพราะแม่วุ่นวายเกินไปป่านนี้เขารังเกียจขยะแขยงหนูไปแล้ว หนูบอกให้แม่รู้จักวางตัวเหมือนน้าสามบ้าง กิริยามารยาทก็หยาบคาย แสดงความบ้านนอกออกมาแม่ก็ไม่เคยฟัง เห็นไหมว่าเด็กนั่นยังสั่งสอนเรา แม่ไม่อายแต่หนูอาย” มี่เฟินต่อว่าแม่ของตนเองก่อนจะเดินออกไปด้านนอกเพื่อขึ้นรถรางไปทำงานอย่างเสียหน้า ทั้งที่ให้รถที่บ้านไปส่งก็สบายดีอยู่แล้ว แม่เธอไม่รู้จักใช้คำพูดดี ๆ ชอบด่าทอคนไปทั่วจนเธอรังเกียจแม่ตัวเองด้วยซ้ำ ไม่รู้แม่ถูกเลี้ยงด้วยคนรับใช้หรือไงจึงมีนิสัยแบบนี้ เธออยากให้น้าสามเป็นแม่เธอมากกว่า แม่พูดออกมาได้ยังไงว่าคนอื่นเป็นกาฝาก ทั้งที่ตัวเองทำตัวหน้าด้านไร้ยางอาย หากจะจับผู้ชายก็ควรจะมีวิธีดี ๆ มากกว่าไประราน ซูเอ้อหลิงแม้จะไม่พอใจที่ถูกไล่ออกมา แต่เธอก็ไม่กล้าขัดใจลูกสาว เพราะมีลูกแค่คนเดียวทำให้ต้องตามใจ อีกอย่างเธอดันหลังลูกสาวได้ทำงานเป็นพยาบาลฝึกหัดได้แล้ว ต่อจากนี้ยังต้องอาศัยหน้าที่การงานลูกสาวเพื่อหาลูกเขยดี ๆ และหลานชายของเธอต้องเป็นคนนั้น เธอยอมไม่ได้เด็ดขาดที่ลูกทหารตกยากจะมาแย่งไป ทั้งหันมองไปในบ้านแล้วทิ้งสายตาอาฆาตเอาไว้ “ฉันไม่ยอมแพ้แกเด็ดขาด!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม