บทที่ 7 ฉันไปส่งเอง

1793 คำ
เพ่ยถิงถิงต้องนอนที่บ้านของนายพลหลี่โดยไร้ข้อโต้แย้ง แม้มีเงินแต่ไปนอนโรงแรมก็อันตราย ยิ่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้เหล่าคุณปู่ไม่ยอมแน่ ๆ ส่วนคนที่ทำหน้าขวางโลกกลับอารมณ์ดีเดินผิวปากเสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่เธอคือตัวภาระของเขาแท้ ๆ เชียว เพ่ยถิงถิงนอนห้องรับแขกกับคุณปู่โดยแม่หลี่นำชุดสมัยของคุณแม่ยังสาว ๆ มาให้เธอสวมไปก่อนถึงอย่างนั้นชุดชั้นในสตรีที่ยังไม่ได้ใส่ก็มีด้วย จนเธอเพิ่งได้รับรู้ว่าเจ้าของร้านห้องเสื้อชื่อดังของตระกูลหลิวคือลูกสาวบุญธรรมของบ้านนี้ มิน่าล่ะเรื่องเสื้อผ้าไม่ขาดแคลนสักนิด “หนูใส่ชุดนี้ไปก่อนนะ พรุ่งนี้แม่จะให้หนานหนานเอาชุดจากห้องเสื้อมาให้ใหม่” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ เดี๋ยวหนูกลับไปเอาที่บ้านก็ได้ค่ะ เกรงใจ” “มีอะไรให้เกรงใจกันอีกล่ะ อีกหน่อยหนูก็จะมาเป็นสะใภ้บ้านเราแล้ว” คำนี้ของแม่หลี่เธอทำได้แค่ยิ้มเฟื่อน ๆ บอกได้เลยว่าหนทางการเป็นสะใภ้ของคุณแม่ไม่น่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบหรอก เพราะที่ใดมีปัญหาที่นั่นมีถิงถิงเสมอ “ขอบคุณค่ะ แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะง่ายนักนะคะ ดูเหมือนนายพลหลี่จะไม่ชอบการถูกจับแต่งงาน” เธอเกริ่นขึ้นคล้ายให้แม่หลี่รู้ว่าลูกชายของแม่หลี่ไม่น่าจะชอบใจนักที่ไม่ได้เลือกเจ้าสาวเอง แต่แม่หลี่สู้กลับเธอด้วยคำพูดที่เธอรู้ว่าตั้งใจจะปลอบเธอเท่านั้น “อย่าน้อยอกน้อยใจพี่เขาสิ วัน ๆ นอกจากทำงานที่ค่ายทหารแล้วกลับบ้านก็ไม่ค่อยจะมีคบค้าสมาคมกับใคร งานเลี้ยงก็ไม่ค่อยไป ไม่แปลกใจที่จะไม่รู้วิธีพูดดี ๆ กับผู้หญิง อย่าถือสาคนไม่เคยมีคนรักเลยนะจ๊ะ” เธออยากจะดีใจนะที่เขาไม่เคยมีคนรัก แต่ก็ยิ้มไม่ออกจริง ๆ ที่เขาไม่ได้พูดดี ๆ กับเธอสักคำไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนรักหรอก แต่เพราะเขาไม่มีใจให้เธอต่างหากล่ะ แม่หลี่จะรู้ไหมนะ “ไปพักผ่อนดีกว่านะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน วันนี้หนูคงเหนื่อยแล้ว” เพ่ยถิงถิงรับคำก่อนจะขอตัวพักผ่อนสักที ปู่เพ่ยกับปู่หลี่คงจะมีเรื่องคุยกันจนดึกตามประสาคนแก่นอนดึกตื่นเร็ว ส่วนเธอก็ขอนอนก่อน ค่อยคิดหาทางออกอีกครั้งในพรุ่งนี้ นอกจากบ้านหลี่ บ้านหาน อาจจะมีทางออกอื่นเหลือให้เธอบ้าง เวลาหกโมงเช้าเธอออกจากห้องตั้งใจจะออกไปข้างนอกให้เช้าหน่อย แต่ทว่าในห้องครัวได้ยินเสียงคล้ายกับคนทำอาหารเธอจึงต้องเข้าไปทักทายสักหน่อย เพราะมานอนบ้านคนอื่น แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กอ้วนเมื่อวานคุยกับแม่หลี่พร้อมกับทำอาหารไปด้วยพลันแปลกใจ “เสี่ยวหมิง...มาแต่เช้าเลยหรือ” นอกจากจะเห็นว่าเสี่ยวหมิงมาแต่เช้า เขายังแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนด้วย นี่จะไปโรงเรียนแต่ก็แวะมาที่บ้านนี้ด้วยเหรอ “พี่ถิง...หมิงตื่นเช้าจนชินแล้ว นี่ตั้งใจจะมารับพี่ถิงไปกินโจ๊กด้วยกันนะ แต่แม่หลี่บอกว่าทำโจ๊กเอาไว้แล้วหมิงก็เลยมาช่วย” เพ่ยถิงถิงต้องหูฝาดแน่ ๆ เสี่ยวหมิงตื่นเช้าขนาดนี้ ทั้งต้องไปโรงเรียน เสี่ยวหมิงเป็นใครปลอมตัวมาหรือเปล่า นี่จะโตเกินเด็กไปแล้วนะ “หนูถิงถิงหิวหรือลูก โจ๊กเสร็จพอดี มากินพร้อมกับเสี่ยวหมิงก่อนสิ” แม่หลี่ทักทายว่าที่ลูกสะใภ้จากนั้นก็ดันให้เธอไปนั่งที่โต๊ะอาหารพร้อมกับเสี่ยวหมิง ส่วนคนรับใช้ในบ้านยกถ้วยโจ๊กใส่ไข่พร้อมกับปาท่องโก๋ตามหลังมา ทำให้เพ่ยถิงถิงต้องมานั่งกินอาหารเช้ากับเสี่ยวหมิงและแม่หลี่แต่เช้าทั้งที่เธอยังไม่ได้หิว เธอเห็นเสี่ยวหมิงตักหมูสับที่ปั้นเป็นก้อนขึ้นเป่าก่อนจะเอาเข้าปากอย่างเต็มคำจนทำให้เธอนึกอยากกินเสียแล้ว เมื่อเห็นคนกินอย่างเอร็ดอร่อยแบบนี้ ครั้งแรกคิดว่าไม่ค่อยหิวก็เริ่มหิวเสียแล้วสิ เธอตักโจ๊กไปคำแรกพบว่ามันอร่อยมากจนต้องหันไปชมพร้อมยกนิ้วให้กับแม่หลี่ “อร่อยมากเลยค่ะ” “สูตรของเสี่ยวหมิงน่ะ กินเยอะ ๆ หน่อยหนูตัวเล็กไปนะแม่ว่า เดี๋ยวคลอดลูกจะไม่มีแรงเบ่ง” ถิงถิงต้องตกใจเรื่องไหนก่อนระหว่างเสี่ยวหมิงตัวแค่นี้แต่มีสูตรอาหารของตัวเอง กับแม่หลี่ห่วงเธอคลอดลูกไม่ไหว นั่นมันข้ามขั้นไปแล้ว เธออยากจะบอกแม่หลี่ว่าบังคับลูกชายแต่งงานให้ได้ก่อนเถอะ แต่อีกสิ่งที่เธอคิดได้คือ เสี่ยวหมิงเก่งกาจขนาดนี้เลยเหรอ หากเสี่ยวหมิงอายุเท่าเธอรับรองว่าไม่ลังเลที่จะตอบตกลงแต่งงานด้วยเพราะเขาน่าจะเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมาก ๆ ต้องดูแลภรรยาได้ดีแน่ ๆ เมื่อปากกับใจเธอตรงกัน ก็บอกออกไปเลย “เสียดายจริง ๆ เสี่ยวหมิงน่าจะเกิดให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นพี่คงจะแต่งงานกับเสี่ยวหมิงไปแล้ว ทั้งหล่อ ทำอาหารก็เก่ง” “ด่าก็เก่งด้วยเธอชอบเหรอ ผู้ชายปากคอเราะรายนะ” เสียงนั้นดังขึ้นหลังจากเธอพูดจบ และก็เป็นอย่างนี้ทุกทีสินะ ชอบทำให้อารมณ์เบิกบานของเธอต้องเป็นอันหมดลง ที่สำคัญชอบมาด้านหลังตอนเธอไม่รู้ตัวเหมือนผีไม่มีผิด “สหายหลี่...! ว่าหมิงอีกแล้วนะ...อย่าให้มีครั้งที่สอง” เสี่ยวหมิงกำลังกินอยู่จึงได้แต่ตอบโต้ด้วยถ้อยคำสั้น ๆ “แล้วถ้ามีครั้งที่สองล่ะ” “ก็ไม่ควรมีครั้งที่สาม” เสี่ยวหมิงตอบกลับพลางกินโจ๊กต่อด้วยความอร่อย หลี่เหวินอวี้นั่งด้านข้างเจ้าเด็กแสบและเพราะโต๊ะที่กินข้าวเป็นโต๊ะเล็กทำให้อีกฝั่งก็ติดกับเธอเช่นเดียวกัน จึงหันมองไปอีกฝั่งที่ก้มหน้าก้มตากินโดยไม่ทักทายเขาสักคำ ไม่มีมารยาท! “แล้วจะไปไหนแต่เช้า” เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่าคุยกับใคร เพ่ยถิงถิงจึงไม่ได้ตอบเพราะไม่ได้มองหน้าเขา แต่คนที่ตอบก็คือเสี่ยวหมิง “ไปโรงเรียนน่ะสิ หมิงยังไม่โตต้องไปโรงเรียนสิสหายหลี่ เห็นไหมเนี่ยแต่งชุดนักเรียนหล่อ ๆ เลย” “ฉันไม่ได้ถามนายสักหน่อย” “นี่สหายหลี่...เลิกหาเรื่องหมิงสักวันได้ไหม ก็ไม่ได้เอ่ยชื่อว่าคุยกับใคร หมิงจะรู้ได้ยังไงล่ะ” หลี่เหวินอวี้มองท่าทางเท้าเอวเถียงของเจ้าเด็กนี่ก็นึกขำ แต่เมื่อหันไปหาเธอกลับเห็นว่าเธอยิ้มให้กับเจ้าเสี่ยวหมิง นั่นทำให้เขารู้สึกฉุนเฉียวนัก ‘ยิ้มอะไรให้เจ้าเด็กนั่นนักหนากัน’ เพ่ยถิงถิงเมื่อเห็นว่าเขามองมาทางเธออย่างไม่พอใจ เธอจึงหุบยิ้มแล้วขยับเข้าไปใกล้แม่หลี่อีกนิด จนแม่หลี่พูดขึ้นเขาจึงเลิกสนใจเธอ “เอาไข่กี่ฟองล่ะเช้านี้” “สองฟองครับ” หลี่เหวินอวี้ตอบคุณแม่ แล้วก็เบนสายตามองไปอีกคนที่ไม่คุยกับเขาอยู่ดี “เธอจะไปไหนแต่เช้า” เขาถามอีกครั้ง “ไปทำงานค่ะ” เพ่ยถิงถิงตอบสั้น ๆ ก่อนจะก้มหน้ากินต่อ “ไปยังไง” “ก็ต้องไปกับหมิงสิ” เสี่ยวหมิงตอบ เจ้าเด็กนี่ เขาจะคุยกับหล่อนชอบแทรกอยู่เรื่อย ให้ตายเถอะพี่ใหญ่เหิงรวยรถยนต์หรือไง ถึงขนาดยกรถกับคนขับรถประจำตัวให้กับเสี่ยวหมิงโดยเฉพาะ “เดี๋ยวฉันจะไปส่งเองอันตรายเกินไป” “โธ่...ไปรถตระกูลหานใครจะกล้า” เสี่ยวหมิงยังไม่ยอม เพราะเขาตั้งใจจะมารับพี่ถิงถิงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ร้านขนมปังฝรั่งเศสกับมิสเตอร์อ็องรี เผื่อจะได้เป็นลูกค้าคนพิเศษ หลี่เหวินอวี้ข่มอารมณ์ให้สงบ ก่อนจะพูดเสียงห้วน “เป็นคนของตระกูลหลี่ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยเหมือนกัน” ทุกคำที่เปล่งมาจงใจเน้นย้ำให้เธอรู้ว่า เธอเป็นคนของตระกูลหลี่ไม่ใช่ตระกูลหาน “แต่ฉันไม่อยากรบกวนคุณนะคะ ฉันเกรงใจ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แน่นอนว่าไม่อยากรบกวนเขาหากไม่จำเป็น “ทำไมต้องเกรงใจ?” “....” ให้ตายสิ เขาดื้อขนาดนี้เลยหรือไง แล้วเธอต้องหาคำไหนมาอธิบายคำว่าทำไมต้องเกรงใจในเมื่อมันเป็นมารยาทขั้นพื้นฐาน “แต่ฉันไปทำงานคนละทางกับคุณนะคะ” “แต่ฉันไปส่งได้” เขาไม่ยอมลดละ “ใช่ หมิงว่าไปกับหมิงดีกว่า...ทางเดียวกันไปด้วยกัน” คำว่าทางเดียวกันไปด้วยกันดูสมเหตุสมผลทำให้เธอพยักหน้าหลายทีคล้ายไก่จิก แต่กลับทำให้หลี่เหวินอวี้ไม่พอใจ แต่เมื่อเขาจะเอ่ยเหตุผลต่อไปก็ได้ยินเสียงป้ารองซูดังขึ้นเสียก่อน “อุ้ย...พูดถึงทางเดียวกันไปด้วยกันใช่ไหม...พอดีเลย ป้าฝากเฟินเฟินไปด้วยได้ไหม ตอนนี้เฟินเฟินฝึกงานที่เป็นพยาบาลโรงพยาบาลประจำเมือง ทางเดียวกับไปค่ายทหารเลยไม่ใช่หรือ” เสียงป้ารองซูทำให้หลี่เหวินอวี้ใบหน้ามืดครึ้ม เขาไม่ชอบที่มีคนมายัดเยียดสตรีให้เขา ยิ่งเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ด้วยแล้วยิ่งรังเกียจ แม้ตอนเด็กจะเอ็นดูมี่เฟินเหมือนน้อง แต่ไม่ใช่คนที่เขาจะแต่งงานด้วย แต่ทว่าป้ารองซูเป็นญาติของคุณแม่เขาจึงพูดจาอะไรมากไม่ได้ แต่ทว่าไม่ใช่เสี่ยวหมิง “นี่ป้า...มาทำอะไรที่บ้านคนอื่นแต่เช้า มาตอนกินมื้อเช้าไร้มารยาท แล้วนั่นเอาใครที่ไหนมาฝากให้เขาไปส่ง รถรางก็มี ไม่นั่งไปเองล่ะ รถรางผ่านหน้าโรงพยาบาลประจำเมืองด้วยซ้ำ ราคาตั๋วไม่กี่เหมาเอง ต้องมารบกวนนายพลหลี่หรือไง!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม