บทที่ 6 ไม่ได้ลำบากใจ

1914 คำ
“นี่เหรอเจ้าสาวของนายที่บอกว่าเสี่ยวหมิงจะแย่งตัวเธอไป ให้ฉันมาลากตัวน้องชายกลับน่ะ” ฮะ! ...คำว่า ‘เจ้าสาวของเขา’ ทำให้เพ่ยถิงถิงอยากร้องฮะสักร้อยหน เขาใช้คำพูดนี้กับสหายสนิทได้อย่างไรกัน “นี่พี่เขย...ใช่ที่ไหน นี่พี่ถิงคู่หมั้นหมิงเอง หมิงเสียสละตัวเองเพื่อพี่ถิงเลยนะ เพราะพี่ถิงบอกว่าเป็นคนของตระกูลหานแล้วจะได้ไม่มีใครกล้ายุ่ง พวกลักพาตัวจะได้เกรงกลัว” หานอวี้เหิงมองเจ้าตัวป่วนประจำบ้าน แล้วหันไปยักคิ้วให้กับสหายของน้องชายที่ดูเหมือนจะมีคู่แข่งที่เก่งกาจมาก ๆ เสียแล้ว “เสี่ยวหมิงบอกแล้วไงว่าอย่าพูดเหลวไหล” หลี่เหวินอวี้ต้องการจะจัดการเจ้าตัวแสบ แต่ทว่าเสี่ยวหมิงวิ่งไปหลบด้านหลังถิงถิงเสียก่อน และนั่นทำให้เขาเข้ามาประชิดเธออีกแล้ว ท่ามกลางเหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลาย และเขาเป็นถึงนายพลเหตุใดไม่รักษาภาพลักษณ์เสียบ้าง กับเด็กก็จะเอาชนะอย่างนั้นเหรอ ไม่รู้จักโตจริง ๆ แต่ทว่าทุกสายตามองไปที่สองคนนั้นกลับเต็มไปด้วยแววตาชื่นชม เพราะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก อีกคนก็สวยอีกคนก็หล่อเหลา แบบนี้งานมงคลก็คงจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้สินะ “คุณคะ...” ถิงถิงยกมือผลักเขาเบา ๆ เพราะเขาใช้มืออ้อมตัวเธอเพื่อจะจัดการเสี่ยวหมิง แต่ทว่ากลับดูเหมือนกำลังโอบกอดเธอ เพราะตัวเขาใหญ่ ยิ่งมองไปทางคุณชายใหญ่หานกับภรรยาที่มองมาด้วยแววตาล้อเลียน เดาว่าพวกเขาคงคิดไปไกลว่าเธอกับเขาคงจะชอบกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย “เหวินอวี้ไปนั่งได้แล้ว มัวแต่เล่นเป็นเด็ก” แม่หลี่เอ็ดลูกชายไปหนึ่งคำ แต่มองสายตาลูกชายที่อุ้มชูมาตั้งแต่เล็กจะไม่รู้ได้อย่างไรว่านี่เป็นแผนที่เขาวางไว้ในใจ เจ้าลูกมาดเยอะนี่จริง ๆ เลย ชอบน้องก็ไม่ทำตัวดี ๆ แล้วแบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะรู้กันเล่า “สหายหลี่ไปนั่งตรงโน้น...หมิงจะนั่งกับพี่ถิง” เสี่ยวหมิงจูงพี่ถิงไปนั่งใกล้กันโดยไล่นายพลหลี่ไปนั่งเก้าอี้ที่เหลือตัวเดียวและเป็นตัวที่อยู่ข้างพี่เขย ส่วนพี่ถิงได้นั่งติดกับพี่ถงและหมิงนั่งด้านข้าง “นายคิดว่าของหมั้นสักเท่าไหร่ถึงจะพอสำหรับเจ้าสาวของนาย” หานอวี้เหิงอยากจะกวนประสาทสหายน้องชายจึงถามเสี่ยวหมิง “พี่เขยว่าน้องชายที่น่ารัก ๆ อย่างหมิงต้องเท่าไหร่ล่ะ หมิงมีเงินในบัญชีเท่าไหร่พี่เขยคูณห้าไปก็แล้วกัน แล้วก็รถยนต์อีกสามคัน ทองคำอีกสัก...ร้อยบาทแล้วก็...” “นี่นายแต่งภรรยาหรือจะปล้นพี่เขยนายกันแน่” หลี่เหวินอวี้จะยอมได้ยังไง ยิ่งพูดเจ้าอ้วนนี่เหมือนจะอวดรวยมากขึ้นไปอีก แต่ทำไมทุกคนเอ็นดูนัก ทั้งที่เจ้าเด็กนี่ร้ายสุด ๆ จะแย่งเจ้าสาวของเขาต่อหน้าต่อตาเชียวนะ แต่พี่ใหญ่เหิงกลับเล่นกับเจ้าอ้วนนี่ด้วย “นายก็รู้ว่าทรัพย์สินตระกูลหานมากมายเพียงใด แค่จะรับน้องสะใภ้สักคนฉันว่าน้อยกว่านี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้น...” ปั่ก! หลี่เหวินอวี้เตะเข้ากับหน้าแข้งพี่ใหญ่เหิงเสียเลย ให้มาช่วยกันเจ้าอ้วนหมิง ทำไมกลับมาสนับสนุนกันออกหน้าออกตาแบบนี้เล่า แล้วการแต่งงานของเขาไม่ต้องอับอายขายหน้าหรือไงกัน ที่โดนเด็กอายุเพียงแปดขวบแย่งไปต่อหน้าต่อตา เขายิ่งกำลังหาวิธีหลีกหนีจากพวกปลิงฝั่งญาติของคุณแม่อยู่แล้วด้วย ตอนที่รู้ว่าเขามีสัญญาแต่งงานนั้นก็หนักใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่ พอพบเธอเขาก็รู้สึกว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร ฝืนใจแต่งก็ไม่เลว แต่อุปสรรคกลับเป็นคนตระกูลหานนี่นะ “นายเตะฉันทำไม” หานอวี้เหิงขึงตาใส่เจ้านายพลมาดเยอะ เมื่อเห็นแบบนี้ก็รู้ทันทีว่าเจ้านี่คงจะเสียดายเจ้าสาวแล้วสินะ นี่ถือว่าเอาคืนตอนนั้นที่ล้อเขาเล่นด้วยการอยากจะมาแย่งภรรยาของเขาก็แล้วกัน “น้อยไปด้วยซ้ำ” เขาพูดอย่างหัวเสีย จากนั้นเหล่าคุณปู่ก็เริ่มจับตะเกียบทานอาหาร ทำให้เขาต้องเริ่มทานไปด้วย แต่ทว่าเสี่ยวหมิงก็ดูแลเธอดีเหลือเกินจนเขาหมั่นไส้ “พี่ถิงอันนี้อร่อยหมิงตั้งใจทำให้พี่ถิงได้ชิมเลยนะ หากอยู่บ้านหมิงจะได้กินของอร่อยทุกวัน” ให้ตายสิเจ้าอ้วนหมิงจะเป็นคู่แข่งของเขาให้ได้เลยใช่ไหม ทำไมเจ้าเด็กนี้ต้องเป็นมารผจญในชีวิตเขาด้วยนะ การทานอาหารผ่านไปได้ครู่ใหญ่จนทุกคนเริ่มอิ่มกันแล้ว ปู่หลี่จึงเอ่ยขึ้น “หนูถิงถิง ปู่ได้คุยกับคุณปู่เพ่ยของหนูแล้ว ระหว่างนี้หนูพักที่บ้านหลี่ของเราก่อนเถอะ เรื่องนั้นเอาไว้จัดการให้เรียบร้อยก่อนค่อยกลับไปที่บ้าน อีกอย่างหนึ่งปู่ก็หาฤกษ์แต่งงานอยู่หากได้แล้วก็จะได้จัดการให้เรียบร้อย” เพ่ยถิงถิงไม่คิดว่าที่เหล่าบุรุษทั้งหลายหารือกันเป็นเรื่องที่เธอต้องแต่งงานกับเขางั้นเหรอ แล้วเธอต้องมาอยู่ที่นี่หมายความว่ายังไง “เอ่อ...หนูไม่กล้ารบกวนหรอกค่ะ อีกอย่างหนูเป็นพนักงานร้านขนมปังต้องไปทำงานทุกวัน คงไม่สะดวกนัก” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ แต่เมื่อหันไปมองสบตาเขาก็พบกับใบหน้ามืดครึ้ม ยิ่งมั่นใจว่าเขาไม่พอใจเธอแน่ ๆ “อวดเก่ง...เธอคิดว่านี่คือเรื่องเล่นขายของหรือไง หากถูกจับไปจะทำยังไง ไม่ห่วงตัวเองก็ควรเห็นใจคนอื่นที่เป็นห่วงบ้างสิ” อีกแล้วนะ...เขาด่าเธออวดเก่ง นี่วันนี้เขาด่าเธอกี่รอบกัน ให้ตายสิผู้ชายคนนี้จะพูดดี ๆ กับผู้หญิงไม่ได้หรือไง ใครอวดเก่งกัน เห็นอยู่ว่าเขาอึดอัดที่จะต้องแต่งงานกับเธอ เธอเสนอทางออกที่ดีกับเขาแล้วทำไมยังไม่รู้จักบุญคุณเธอ ยังมาด่าเสียอีก “เรื่องนี้ทำเป็นเล่นไม่ได้นะหนู...หากพลาดพลั้งจะเป็นอันตราย” ปู่หลี่เองก็หนักใจ ได้แต่รอตระกูลหานเข้ามาช่วยเหลือ เพราะลำพังคนของรัฐพวกตำรวจบางคนที่ริรวยทางลัดอาจจะเป็นสายให้คนเหล่านี้ เว้นเสียแต่ใช้อำนาจใต้ดินของตระกูลหานจัดการปราบให้สิ้นซาก และนั่นหมายถึงไม่ละเว้นใครสักคนเดียว “พี่ถิงไปอยู่กับหมิงก็ได้นะ ตอนเช้าก็ไปทำงานพร้อมหมิงกับอาเหล่ย ตอนเย็นก็กลับพร้อมกันได้ หมิงจะรอพี่ถิงเลิกงานตอนเย็น” หลี่เหวินอวี้คิ้วกระตุก นี่เจ้าอ้วนต้องการจะเป็นปรปักษ์กับเขาให้ได้เลยใช่ไหม แต่เมื่อหันมองไปทางพี่ใหญ่เหิงกลับพบว่ากำลังยิ้มเยาะเขาด้วยสายตา พร้อมกับยักคิ้วให้รู้ว่าเขากระจอกมากที่สู้เจ้าอ้วนหมิงไม่ได้เลยในเรื่องการจีบสาว “เอ่อ...เรื่องแต่งงานหนูคิดว่านายพลหลี่คงลำบากใจ เช่นนั้นจะเป็นอะไรไหมคะพี่ถงหากฉันจะขอไปอยู่กับพี่สักพัก” เธอหันไปคุยกับพี่สาวของเสี่ยวหมิงที่ท่าทางใจดี และยังเป็นเจ้าของโรงงานผลิตยาที่ส่งโรงพยาบาลอีกด้วย ใช่เพ่ยถิงถิงเลือกจะไปพึ่งพาตระกูลหานดีกว่าจะทนเห็นสายตาขวาง ๆ แบบเขาทุกวัน “ฉันไม่ได้ลำบากใจ!” เสียงกระแทกกระทั้นที่เปล่งออกมาทันทีที่เธอพูดจบ นั่นทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารบิดยิ้มแปลก ๆ แล้วที่เขาพูดหมายความว่ายังไง หลี่เหวินอวี้กอดอกอย่างไม่พอใจ ที่เธอเป็นถึงว่าที่คู่หมั้นแต่ไม่คิดเรียกร้องความช่วยเหลือจากคู่หมั้น กลับไปพึ่งพาคนอื่นที่มีครอบครัวแล้ว หรือว่าเธอตกหลุมรักพี่เหิง...ไม่ได้เขาต้องขัดขวาง ไม่อย่างนั้นจะทำให้ครอบครัวของพี่เหิงแตกแยก “แต่ว่า...” เธอกำลังคิดหาเหตุผลที่จะไม่ต้องอยู่ที่นี่ แต่คิดไม่ออก จนกระทั่งเสี่ยวหมิงพูด “ไม่เป็นไรอยู่ที่นี่กับแม่หลี่ก็ได้...เดี๋ยวหมิงให้คนขับรถมารับไปโรงเรียนพร้อมหมิง ตอนเย็นก็มาส่ง” เสี่ยวหมิงเคี้ยวกุ้งทอดแล้วพูดออกมาเพื่อหาทางออกให้พี่สาวคนสวย และหมิงก็สุดแสนจะมีน้ำใจ แต่พี่เขยหัวเราะอะไร “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆๆๆ” “พี่ใหญ่เหิงจะหัวเราะอะไรนัก” หลี่เหวินอวี้ที่นั่งข้างหานอวี้เหิงนึกอยากชกหน้าสักที สนุกมากไหม “เสี่ยวหมิงของฉันเก่งกาจกว่านายขนาดนี้ ฉันก็ภูมิใจน่ะสิ แค่เรื่องง่าย ๆ เด็กยังคิดออก ปากนายนี่นะ” หลี่เหวินอวี้กลอกตาก่อนจะมองไปยังเจ้าตัวอ้วนที่ขัดไปเสียทุกที จนต้องเข่นเขี้ยว “บ้านฉันก็มีรถ...นายตาบอดหรือไงเสี่ยวหมิง” เสี่ยวหมิงถอนหายใจก่อนจะกลืนข้าวที่เคี้ยวอยู่ในปากแล้วเท้าเอวพูด “สหายหลี่ถามว่าหมิงตาบอดหรือไง หมิงจะพูดอย่างรักษาน้ำใจก็แล้วกันนะ...หมิงจะตาบอดหรือหูหนวก แต่หมิงน่ะสมองไม่ได้เสื่อมนะที่เมื่อครู่จำไม่ได้ว่านั่งรถมากับสหายหลี่ นี่เวลาผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง สหายหลี่ลืมแล้วเหรอ” โอ๊ย...ให้ตายสิ...เจ้าอ้วนรักษาน้ำใจเขาตรงไหน นี่ด่าเขาสมองเสื่อมไม่เท่ากับด่าเขาโง่หรือไง “เสี่ยวหมิง...เจ้าคนไม่รู้จักบุญคุณ!” “สหายหลี่เริ่มก่อนนะ...” เสี่ยวหมิงแยกเขี้ยวใส่หลี่เหวินอวี้ “เจ้าเด็กนี่...จะยอมฉันสักเรื่องไม่ได้หรือไง” เสี่ยวหมิงถอนหายใจเหมือนเหนื่อยหน่ายเต็มที ก่อนจะเอ่ยขึ้น “จะยอมทำไมในเมื่อเราทะเลาะกันได้” พร้อมกับยักคิ้วเพราะที่นี่มีแต่คนที่ยืนเคียงข้างหมิง เพ่ยถิงถิงชักชื่นชอบเสียแล้วสิ เสี่ยวหมิงปากกล้าดีจริง ๆ แต่ทว่าอีกคนก็ยังยืนกรานหนักแน่แถมยังกล่าวอ้างเรื่องความปลอดภัยของเธอเสียอีก “ปู่เพ่ยพักที่นี่สักพักเถอะนะครับ ผมจะดูแลคุณปู่และเพ่ยถิงถิงเองครับ” หลี่เหวินอวี้ตัดบททันทีพร้อมกันนั้นเดินมาหยุดด้านหลังเสี่ยวหมิงก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะเอ่ยปากต่ออีกเพื่อยุติเรื่องราวทั้งหมดให้สรุปแค่คำพูดของเขาเท่านั้น แต่ด้านหลังห้องโถงมีสายตาสอดรู้สอดเห็นของแม่บ้านคนหนึ่งหันกลับไปมองทุกคน ก่อนจะรีบออกประตูรั้วด้านหลังแล้วหายไปในความมืด มุ่งหน้าส่งข่าวให้ใครบางคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม