“คะ...คุณปู่!”
เพ่ยถิงถิงไม่คิดว่าตัวเองจะได้พบกับคุณปู่ที่นี่ แต่เสียงถัดมาของเจ้าเสี่ยวหมิงนั้นทำให้เธอต้องหันมองหน้าคนที่ช่วยเธอเอาไว้อีกครั้ง
“สวัสดีครับปู่หลี่...หมิงที่หล่อที่สุดมาแล้วครับ” เสี่ยวหมิงไม่ได้สนใจแล้วว่าจะได้กลับบ้านไปดูแลอาเหล่ยไหม ตอนนี้ได้มาเยี่ยมบ้านนายพลหลี่ก็ดีเหมือนกัน แม่หลี่กับปู่หลี่ก็ไม่ได้พบกันนาน ส่วนพี่หลี่ชายไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยเพราะมีงานราชการรัดตัว ดังนั้นหมิงต้องอยู่วันนี้
“ปู่หลี่...แล้วนี่ก็คงจะเป็น...” เพ่ยถิงถิงหันมองหน้าคุณปู่ของตนเอง สลับกับมองผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ พร้อมกับอ้าปากค้าง เธอคิดว่าโลกจะกลมไปไหม
เขาแซ่หลี่แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่มีสัญญาหมั้นหมายกับเธอ
แต่ว่า...เหมือนความซวยจะมาเยือนแล้วสิ
“ถิงถิงทำไมมากับนายพลหลี่ล่ะ” คุณปู่เพ่ยถามเธอจนทำให้เธอได้สติอีกครั้ง และตอนนี้รู้แล้วว่าผู้มีพระคุณของเธอก็คือคนที่คุณปู่มีสัญญาแต่งงานกับเธอนั่นเอง
เขางั้นเหรอ?
เธอคิดว่าเขาไม่มีวันตอบตกลงแต่งงานกับเธอแน่ ๆ ยิ่งกว่ามั่นใจเลยด้วยซ้ำ จากการพบหน้าเพียงระยะเวลา สั้น ๆ เขาไม่ได้มีความประทับใจในตัวเธอเลยสักนิด และยังทำสีหน้าเหมือนรำคาญเธออีกด้วย
“สวัสดีครับคุณปู่เพ่ย มานานหรือยังครับ” หลี่ เหวินอวี้ทักทายปู่เพ่ยที่ไม่ค่อยได้พบกันนานแล้ว
“มาสักพักแล้วล่ะ ปู่ให้คนไปรับปู่เพ่ยของแกมากินข้าวตอนเที่ยง แล้วนี่หนูถิงถิงงั้นเหรอ” ประโยคหลังหลี่หลงหันไปถามสหายร่วมรบอย่างเพ่ยหยวน
“ใช่นี่เพ่ยถิงถิง หลานสาวของฉันเอง” เพ่ยหยวนกำลังจะกลับโดยคนขับรถของหลี่หลงไปส่ง แต่เมื่อนายพล หลี่กลับมาถึง พบว่าหลานสาวของเขาเดินลงจากรถมาด้วยกัน ยิ่งทำให้คนเป็นปู่รู้สึกว่าต้องมีเรื่องบางอย่างแน่ ๆ
“เช่นนั้นก็ดี...อยู่ทานมื้อเย็นอีกมื้อก็แล้วกัน ฉันอยากทำความรู้จักกับหลานสะใภ้”
เหอะ ๆ...ถิงถิงยิ้มไม่ออกแล้วกับคำว่าหลานสะใภ้ ทั้งมองหน้าไร้อารมณ์ของเขาที่ยกหางคิ้วขวาคล้ายกับไม่รู้เรื่องราวมาก่อน เดาว่าคนที่อยากล้มงานแต่งนี้คงจะเป็นชายหนุ่มตรงหน้าแน่ ๆ
เอาเถอะ...มีวิธีตั้งมากมายที่จะแก้ปัญหา ไม่ต้องแต่งงานเป็นเมียใครหรอก ความหวังของเธอก็ยังมีเจ้าตัวอ้วนหมิงอีกคน หากเธอได้ทำความรู้จักตระกูลหาน ขอให้พี่สาวของเสี่ยวหมิงช่วยเหลือเธอ ก็น่าจะพอมีวิธีที่เธอใช้ชีวิตในโลกนี้อย่างสงบสุข
อันที่จริงมีหลายครั้งที่เธอโดนคนตาม แต่ว่าก็จะมีคนช่วยไว้ได้ทุกที นั่นคือสหายของปู่เพ่ย แต่ว่าจากนี้เธอโตพอที่จะหาทางปกป้องตัวเองได้แล้ว และไม่อยากฝืนใจบังคับใครให้มาเป็นสามีโดยไม่เต็มใจ
“พี่ชื่อถิงถิงนั่นเอง ชื่อเข้ากับพี่ถงถงพอดีเลย เดี๋ยว หมิงจะให้ทำความรู้จักกับพี่ถง อย่างไรแล้วเราก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกัน”
เสี่ยวหมิงที่ยังพูดเหลวไหล ไม่ได้รู้เลยว่านั่นทำให้คนที่เป็นคู่หมั้นอย่างหลี่เหวินอวี้อยากเตะก้นเจ้าเสี่ยวหมิงสักที
‘ตัวเท่าลูกหมา...คิดจะหาเจ้าสาวแล้ว’
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน เข้าบ้านก่อน ๆ” ปู่หลี่คิดว่ายืนคุยหน้าบ้านไม่ค่อยดีนัก จึงเชิญทุกคนเข้าบ้านไปนั่งคุยกันที่ห้องรับแขก แต่แล้วเสี่ยวหมิงก็โทรกลับบ้านโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใช้โทรศัพท์ เพราะไม่ว่าตระกูลหาน หรือตระกูลหลี่ เสี่ยวหมิงก็วิ่งเล่นมาหมดแล้ว เสมือนเป็นสมาชิกอีกคนในครอบครัวไปด้วย
“ฮัลโหลพี่เขยใช่ไหม พอดีมีเรื่องนิดหน่อย พี่เขยมารับหมิงที่บ้านปู่หลี่ก็แล้วกัน หมิงจะกินข้าวเย็นบ้านปู่หลี่ก่อน แล้วก็พาพี่ถงมาด้วยนะ หมิงจะแนะนำเจ้าสาวของ หมิงให้ทุกคนได้รู้จัก”
เสี่ยวหมิงพูดด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น จากนั้นกลับถูกนายพลหลี่เขกกะโหลก
โป๊ก!
“โอ๊ย...นี่สหายหลี่...สองครั้งละนะ...อย่าให้มีครั้ง ที่สาม” เสี่ยวหมิงมองค้อนหลี่เหวินอวี้ แต่กลับถูกแย่งโทรศัพท์ไปพูดเสียเอง
“นายมารับเจ้าหมิงอ้วนตัวแสบก็แล้วกัน พอดีมีเรื่องนิดหน่อย”
(มีอะไร)
“พวกค้ามนุษย์ออกอาละวาดมากเกินไป ฉันต้องการให้นายจัดการให้สิ้นซาก!”
คำว่าสิ้นซากฟังดูแล้วน่ากลัวมากสำหรับเพ่ยถิงถิง เพราะน้ำเสียงของนายพลหลี่ดูโกรธแค้นเป็นอย่างมาก หรืออาจจะเป็นเพราะคนพวกนี้ ทำให้เขาต้องแต่งงานกับเธอ
นั่นสิ...หากเขาไม่โกรธสิแปลก
พอคิดว่าเขาไม่ยินดีที่จะแต่งงานกับเธอในใจรู้สึกหวิวแปลก ๆ นะ เธอคาดหวังอะไรอยู่งั้นเหรอ คนที่หล่อขนาดนี้จะมองเธอได้ยังไง เขาคงมีตัวเลือกที่ดีกว่าเธอ
เฮ้อ! วาสนาไม่ถึงก็คงได้แต่มอง
ขณะที่ถิงถิงกำลังคิดเพ้อเจ้ออยู่ลำพัง ไม่ได้สนว่าผู้ใหญ่จะพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ เสี่ยวหมิงก็มาดึงมือเธอยิก ๆ ทำให้เธอหันไปมองว่าเจ้าตัวเล็กจะทำอะไร
“ไปกันพี่ถิงถิง เข้าครัวช่วยแม่หลี่ทำอาหาร”
เพ่ยถิงถิงเลิกคิ้ว นั่นทำให้เธอคิดว่าดีกว่าอยู่ตรงนี้ที่ทนเห็นสายตาเหมือนไม่ค่อยพอใจเธอส่งมาเรื่อย ๆ
อึดอัดเป็นบ้า!
เธอยิ้มให้เสี่ยวหมิง จากนั้นเข้าครัวไป คิดว่าเขาน่าจะเล่าให้คุณปู่เธอฟัง พร้อมกับรับปากจัดการคนพวกนั้นกระมัง
ก็ดีหากโดนผู้ชายปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาก็เสียหน้าอยู่ไม่น้อย
“เสี่ยวหมิงทำอาหารเป็นเหรอ” เธอเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“หมิงไม่อยากจะคุยเยอะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวดูหมิงก็แล้วกัน” เสี่ยวหมิงเป็นที่รักของทุกคนเพราะทำอาหารเก่งนั่นเอง ยิ่งไข่ทรงเครื่องนั้นทำให้ทุกคนติดอกติดใจ
“ว้าวเก่งมาก ๆ พี่ก็แค่ทำได้นิดหน่อยไม่ถึงกับอร่อย แต่ชอบทำขนมนะ เสียดายก็แต่ที่บ้านไม่มีเตาอบ”
เสี่ยวหมิงหรี่ตาเป็นประกายทันที เพราะที่บ้านของ
หมิงนั้นมีครบทุกอย่าง พี่เขยทำให้หมิงโดยเฉพาะ แต่หมิงไม่ถนัดทำขนมเท่าไหร่หรอก
“ไปนอนบ้านหมิงสิ บ้านหมิงมีเตาอบขนมด้วย” “จะดีเหรอ...เกรงใจพี่สาวของหมิงนะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ พี่สาวหมิงรักหมิงมาก ต้องรักเจ้าสาวของหมิงด้วยสิ”
เพ่ยถิงถิงหัวเราะให้กับความจริงจังของเจ้าเด็กนี่ จะให้เธอเป็นเจ้าสาวของเขาให้ได้ แต่เอาเถอะก็แค่เรื่องเพ้อเจ้อของเด็กเท่านั้น
แต่เมื่อเห็นสกิลการทำอาหาร ถิงถิงต้องบอกว่า ที่เสี่ยวหมิงพูดมาไม่ได้เกินจริงสักนิด ข้าวผัดของเสี่ยวหมิง หอมมาก ๆ ท่าทางที่ยืนบนม้าตัวเล็กที่ต่อความสูงให้พอดีกับการใช้เตากับมือที่จับกระทะอย่างทะมัดทะแมง กับเสียงเคาะกระทะเป็นจังหวะ พร้อมกับลีลาการปรุงบอกได้เลยว่าเซฟมือฉมังเชียวล่ะ
“หอมมากเลยเสี่ยวหมิง” ถิงถิงยื่นหน้าเข้าไปสูดกลิ่นหอม ๆ จากกระทะพร้อมกับเสียงท้องร้อง
เธอวุ่นวายกับการสมัครงานทั้งวันจนลืมไปแล้วว่ายังไม่ได้กินอาหารกลางวันด้วยซ้ำ
“เสี่ยวหมิงก็เก่งแบบนี้แหละหนูถิงถิง แม่น่ะชอบที่สุดเวลามาบ้าน จะได้ไม่ต้องทำอาหารเอง”
แม่หลี่พูดขึ้นทำให้ถิงถิงยิ้มให้ ตอนแรกเธอคิดว่าจะได้รับสายตาไม่เป็นมิตรเสียอีก แต่ทว่าแม่ของเขาดีมาก ๆ ไม่ได้รังเกียจคนที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ที่ไม่ได้เลือกด้วยตนเองอย่างเธอ
ครอบครัวของเขานี่ดีจริง ๆ เลย
“พี่ถิงถิงทำขนมเก่งนะครับแม่หลี่ หมิงชิมสูตรขนมที่พี่ถิงคิดให้ร้านขนมปังฝรั่งเศสแล้ว อร่อยมาก”
“เช่นนั้นทำให้แม่ชิมด้วยสิ” ซูซานซานตื่นเต้นทันที เธอได้ชิมพวกขนมพวกนี้แล้วพบว่ารสชาติถูกใจเธอมาก ๆ
“เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะทำให้ทานนะคะ” เพ่ยถิงถิงเองก็อยากทำเช่นกัน ไม่แน่อนาคตเธออาจจะเปิดร้านเป็นของตัวเองก็ได้
“ย่อมต้องมีอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าอีกเดี๋ยวเราก็จะอยู่บ้านเดียวกันแล้วเหรอ”
หา...อยู่บ้านเดียวกัน...คืออะไรกัน
“พี่ถิงจะมาอยู่บ้านหลี่เหรอ...ที่จริงหมิงว่าจะชวนไปบ้านหานนะ” เสี่ยวหมิงหน้ามุ่ยเล็ก ๆ เพราะว่าพี่ถิงต้องเป็นเจ้าสาวของเขาสิ
คำว่าจะชวนไปอยู่บ้านหานทำให้คนที่ยืนพิงประตูแอบดูสามคนทำอาหารอยู่ตั้งนานแสดงตัวทันทีพร้อมกับหน้าบึ้งตึงเหมือนไม่ได้เข้าห้องน้ำมาสามวัน
“เสี่ยวหมิงเสร็จหรือยัง พี่เขยนายมารอกินข้าวแล้วนะ”
เสี่ยวหมิงหันหน้าไปมองหลี่เหวินอวี้แล้วถอนหายใจ
“สหายหลี่ไม่ช่วยก็อย่ามาเป็นภาระ หมิงก็เร่งอยู่ของอร่อยก็ต้องรอหน่อย บอกพี่เขยว่าหมิงทำอีกครู่เดียวก็จะไปแล้ว”
“เสี่ยวหมิง!”
“เอาล่ะ ๆ ลูกไปบอกทุกคนเตรียมตัวเถอะ แม่จะให้เด็กยกอาหารไปแล้ว” ซูซานซานต้องมาไกล่เกลี่ยระหว่างสองคนนี้ทุกที คุยกันดีไม่เท่าไหร่ก็ทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ทั้งที่ตอนแรกชอบเสี่ยวหมิงมากแท้ ๆ แต่พอทุกคนรุมรักกลับอิจฉาน้อง
เพ่ยถิงถิงรู้สึกว่าที่นี่ก็สนุกดีเหมือนกันนะ มีแต่คนน่ารักยกเว้นแต่เขาเท่านั้น ชอบทำให้บรรยากาศดี ๆ เสียทุกที
แต่เมื่อทุกคนออกจากห้องครัวมา พบว่าคนอื่นนั่งรอที่โต๊ะทานอาหารโต๊ะใหญ่ของบ้านโดยมีแขกที่มาใหม่ที่เธอไม่เคยพบนั่งอยู่ หากเดาคงจะเป็นพี่สาวกับพี่เขยเสี่ยวหมิง เธอยิ้มให้กับพวกเขาสองคนหวังสร้างความสัมพันธ์ที่ดี แต่ทว่าเสียงที่ทักของเขาทำให้เธอหันขวับไปทางอีกคนที่เดินมาพร้อมกัน