พอถึงหน้าประตูเธอกลับมีใบหน้าที่ซีดเผือด เพราะประตูถูกล็อกจากด้านใน เธอหมายจะหันกลับไปหาเขา แต่ทว่าเขากลับใช้มือลูบไล้เรียวแขน อีกทั้งสัมผัสกลิ่นแอลกอฮอล์และลมหายใจอุ่นๆ ที่อยู่ข้างซอกคอระหง
“เด่นจันทร์ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเดินหนีฉัน เหมือนที่เธอทำกับฉันในตอนนี้” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำน้ำเสียงโทนต่ำขึ้นจมูก
“นายท่าน อย่าทำอะไรฉันเถอะนะ ได้โปรด” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวแต่เขากลับไม่ฟังเธอใช้มือหนาขยี้บนความเป็นหญิงที่ไร้กางเกงชั้นใน และขยำอกอวบอิ่มของเธออย่างจาบจ้วงล่วงเกิน
“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธ และฉันเองก็ชอบเอาชนะ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างริมหู เธอกลับไม่ตอบสิ่งใด แต่ได้ยินเสียงสะอื้นร่ำไห้เบาๆ ออกมาจากเธอ เขาจึงการกระทำทั้งหมด และหันตัวเธอกลับมาทันที จึงเห็นใบหน้าที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำตา
“ฉันขอกลับบ้าน แล้วฉันจะขอลาออก” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ฉันจะให้คนไปส่งที่บ้าน แต่ถ้าลาออกคงเป็นไปไม่ได้” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ทำไมถึงลาออกไม่ได้” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ก่อนเข้างานฝ่ายบุคคลไม่ได้แจ้งเธอก่อนหรือว่า พนักงานทุกคนต้องทำงานเกินห้าปีถึงจะลาออกได้ ถ้าลาออกก่อนห้าปี เธอก็ต้องคืนเงินเดือนทั้งหมดให้บริษัท” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ทำให้ด้วยตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะเรื่องนี้เธอพลาดจริงๆ เธอได้เซ็นเอกสารสัญญาเข้าทำงาน แต่ไม่ได้อ่านรายละเอียดในเอกสารสัญญา
“ไปชะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ดุดัน เธอจึงรีบจัดเสื้อผ้าของตนเอง แล้วก้าวเดินออกจากห้องด้วยความหวาดกลัว
เด่นจันทร์วิ่งลงมาจากตัวบ้านมายังหน้าบ้านทั้งน้ำตา บอดี้การ์ดหมายจะฉุดรั้งเธอ แต่ว่าลัคนัยที่ก้าวเดินลงมาจากบันไดกลับยกมือห้ามเอาไว้ เธอจึงเดินออกมานอกรั่วบ้านที่เปิดออก และวิ่งไปตามทางโดยไม่ได้สนใจว่าตนเองแต่ชุดเดรสสั้นจนแทบจะเห็นไปถึงไหนต่อไหน เพราะเธอหวาดกลัวการกระทำของลัคนัยอย่างสุดขีด ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยมีผู้ชายคนไหนกระทำกับเธอเช่นนี้มาก่อน
ทันใดนั้นเธอเห็นแท็กซี่วิ่งมาเธอจึงโบกรถแท็กซี่ และแท็กซี่คันนั้นจอดทันที เธอจึงเปิดประตูรถและก้าวขึ้นไป เธอได้บอกที่อยู่ของบ้านให้โชเฟอร์แท็กซี่รับรู้ เขาจึงขับออกไปจากตรงนี้ แต่เธอหารู้ไหมว่ามีรถคันหนึ่งกำลังขับตามรถแท็กซี่ที่เธอนั่งอยู่
เมื่อแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านหลังเล็กของเธอ เธอจึงจ่ายค่าแท็กซี่ และลงมาจากรถ เธอมองเห็นชายสองคนรูปร่างสูงใหญ่ก้าวเดินมาหาเธอ เธอรู้โดยทันทีว่าชายสองคนนี้คือใคร เธอจึงรีบเข้าบ้าน แต่ชายคนหนึ่งจับมือเธอไว้ และเอ่ยบอก
“เงินหมื่นหนึ่งเมื่อไหร่จะจ่าย” ชายหนุ่มในสองเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“รอเงินเดือนออกแล้วฉันจะจ่ายให้” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้
“เดือนที่แล้วเธอพูดแบบนี้นะ หรือว่าอยากจะมาเป็นเมียฉัน ดูจากชุดคงไปขายตัวมาสินะ” ชายหนุ่มหนึ่งในสองคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจาบจ้วงเธอ
“ปล่อยฉันนะ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
“มาเป็นเมียฉัน แล้วฉันจะยกหนี้ทั้งหมดให้เลย” ชายหนุ่มอีกคนเอ่ยบอก และฉุดเธอเข้ามาในอ้อมอก
“ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!” เธอร้องด้วยน้ำเสียงดังลั่น และดิ้นรนให้หลุดจากชายคนนี้
“ตะโกนทำไม ไม่มีใครกล้าออกมาช่วยเธอหรอก” ชายที่โอบกอดเธอเอ่ยบอกเช่นนี้
“คิดเหรอว่าไม่มีใครจะมาช่วยเธอ”
เสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้น แต่ทว่าน้ำเสียงของเขาดุดันเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งชวนให้ขนลุกอย่างยิ่ง
“ใครวะ” ชายหนุ่มร่างสูงที่โอบกอดเธอหันกลับมามองเขาพร้อมกับเด่นจันทร์ เด่นจันทร์มองใบหน้าเขาจึงรู้โดยทันทีว่าเขาเป็นใคร อีกทั้งเธอยังเห็นบอดี้การ์ดของเขาที่ยืนอยู่ด้านข้างอีกสี่คน รวมถึงเอกภพ และวาโย
“มึงเป็นใคร ถึงกล้ายุ่งกับผู้หญิงของกู” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดันและทรงอำนาจ
“จัดการมัน” ชายหนุ่มที่จับตัวเธออยู่เอ่ยบอกชายอีกคนที่มาด้วยกัน ชายคนนั้นก้าวเดินไปหาลัคนัย และชักปีนออก หมายจะยิงเขา เขาก้าวเดินมาใกล้กระบอกปืน ชายที่ถือปืนกลับเดินถอยหลังด้วยความหวาดกลัว และส่งใช้นิ้วชี้ส่งสัญญาณไปทางบอดี้การ์ดให้ชาร์จตัวชายที่จับตัวเธอไว้ แต่ทว่าเขามองปลายกระบอกปืนอย่างไม่หวั่นเกรง แต่ชายที่ถือปืนกับมือสั่นใบหน้าซีดเผือด ลัคนัยจึงจับกระบอกปืนออกมาจากมือของชายผู้นี้ และบอดี้การ์ดเข้ามาชาร์ตตัวชายที่ถือปืนทันที
“ปล่อยกู” ชายผู้นี้ร้องเสียงดังลั่น บอดี้การ์ดของเขายิงขาชายที่ล็อกตัวเด่นจันทร์
“โอ๊ย...”
ชายผู้ที่ล็อกตัวเธอร้องด้วยความเจ็บปวด และล้มลงทันที บอดี้การ์ดจึงลากชายสองคนออกไปทันที เด่นจันทร์มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ อีกทั้งลัคนัยจับตัวเธอเขามาสวมกอดทันที
“เธอปลอดภัยแล้วนะ” ลัคนัยเอ่ยบอก เธอปล่อยโฮทันทีด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้นประตูบ้านก็เปิดออกมาลัคนัยมองเห็นเด็กชายคนหนึ่งก้าวเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ยังไม่ตื่นดี อีกทั้งยังเอามือขยี้ดวงตา มองใบหน้าของลัคนัย และพี่สาวของตนที่กำลังกอดกับผู้ชาย เด็กชายผู้นี้จึงเปิดตากว้างด้วยความตกใจ
“พี่เด่น” วิศรุจเรียกเธอด้วยน้ำเสียงตกใจ เด่นจันทร์จึงออกจากอ้อมกอดของลัคนัยทันที ด้วยสีหน้าตกใจและหวาดกลัว
“พวกเขาเป็นใคร” วิศรุจเอ่ยถามอีกครั้ง
“ฉันเป็นเจ้านาย” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“สวัสดีครับ แต่ว่าเสียงปืนดังมาจากไหน พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” วิศรุจเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ไม่เป็นอะไร เธอเข้าไปนอนเถอะ พี่ขอคุยกับเจ้านายของพี่ก่อน” เด่นจันทร์เอ่ยบอกกับวิศรุจ
“ครับ” วิศรุจเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และก้าวเดินเข้าไปในบ้านทันที เด่นจันทร์หันมาหาลัคนัยทั้งตัว มองเขาด้วยความสงสัย
“ทำไมท่านถึงตามฉันมา” เธอเอ่ยถาม
“ฉันแค่ผ่านมา” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ผ่านมาตอนตีสามเนี่ยนะ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับตั้งคำถาม
“ฉันจะไปไหนก็ได้ มันก็เรื่องของฉัน” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เช่นนั้น ราตรีสวัสดีค่ะ” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้ และหันหลังกลับเขาบ้าน แต่ทว่าเขากลับมือเรียวของเธอเอาไว้ เธอจึงหันกลับมาทันที
“ปิดบ้านให้ดี ฉันเป็นห่วง” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง และปล่อยมือเรียวของเธอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยบอกเช่นนี้ และก้าวเดินเข้าไปในบ้าน และปิดประตูลงทันที เขามองบ้านหลังนี้เนิ่นนาน เขากลับคิดว่าที่นี่มันไม่ปลอดภัยสำหรับเธออย่างยิ่ง อีกทั้งมีคนจ้องจะทำร้ายเธออยู่ ดีที่เขามาทัน ไม่เช่นนั้นเธออาจโดนชายโฉดสองคนนั้นจับเธอปู้ยี่ปู้ยำไปแล้วก็ได้
อย่าลืม 1 หัวใจ และ 1 คอมเม้นท์
เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยเด้อ