“นายท่านครับ เราจะกลับกันเลยไหมครับ” เอกภพเอ่ยถามแผ่วเบา
“รออีกสักครู่” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“นายท่านเป็นห่วงเธอเหรอ” เอกภพเอ่ยถามอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ให้มารีส่งคอลเลคชั่นเพนท์เฮ้าส์ที่ใกล้บ้านฉัน มาให้ฉันดูที่บ้านด้วย” ลัคนัยเอ่ยบอก
“ครับท่าน” เอกภพเอ่ยบอกเช่นนี้
“และอีกอย่างหนึ่งให้คนของเราสืบด้วยว่าใครที่ส่งคนมาทำร้ายเธอ” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับท่าน”
ลัคนัยมองเข้าไปยังชั้นสองของบ้านชั่วครู่ และไฟในบ้านก็ดับลง เขาจึงก้าวเดินเข้าไปในรถตู้หรูสีดำทันที แล้วรถทั้งสามคันก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากหน้าบ้านของเธอ
เด่นจันทร์แหวกม่านออกเล็กน้อย เพราะเธอได้ยินเสียงรถเคลื่อนออกไปจากหน้าบ้านทำให้เธอถอนหายใจยาวๆ และนั่งลงบนเตียงสีชมพูของเธอด้วยความเคร่งเครียด เธอทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงสองเหตุการณ์ที่ทำให้เธอแทบช็อก แต่เธอกลับดึงสติไว้ได้ทัน ไม่เช่นนั้นเธอคงเป็นบ้าแน่ๆ
แต่ตอนนี้เธอจะทำเช่นไร ที่จะหาเงินหมื่นหนึ่งคืนเจ้าหนี้ได้กันเล่า ค่าน้ำ ค่าไฟ เธอยังไม่ได้จ่ายแม้แต่บาทเดียว อีกทั้งยังมีรองเท้าขาดๆ และเล็กเกินไปของน้องชายที่เธอยังไม่ได้ซื้อให้ ที่จ่ายไปแล้วคือ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์มือถือ และค่ากิน ที่ไม่รู้ว่าจะถึงสิ้นเดือนหรือเปล่า ทำให้เธอปวดหัวกับเงินเดือนที่ชักหน้าไม่ถึงหลังจริงๆ
เด่นจันทร์จอดรถที่สำหรับพนักงาน เธอเห็นว่าที่ลานจอดมีรถจอดอยู่ไม่กี่คัน เพราะเธอมาเร็วกว่าทุกวัน และตอนนี้ก็แค่บ่ายสองเอง เธอจึงดับเครื่องลง ก้าวลงจากรถ เธอกลับเห็นเอกภพก้าวเดินมาหาเธอ เธอจึงยกมือไหวเขาทันที
“นายท่านเรียกเธอให้ไปหา” เอกภพเอ่ยบอกเธอเช่นนี้
“นายท่านมีอะไรหรือคะ” เด่นจันทร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้หรอก เธอไปเดี๋ยวก็รู้เอง”
“ค่ะ” เด่นจันทร์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก้าวเดินตามเอกภพไปยังรถตู้หรูคันสีดำ บอดี้การ์ดชุดดำเปิดประตูรถตู้ให้เธอ เธอเห็นว่าชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำแขนยาว ติดกระดุมจากด้านล่างขึ้นมาสามเม็ด เผยให้เห็นซิกแพคเป็นลอน เขาไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ ลัคนัย ภานุมาศ เจ้านายของเธอเอง เขานั่งอยู่ที่เบาะสีดำกำลังดื่มวิสกี้ที่อยู่ในแก้ว เธอเองก็ยกมือไหว้เขาตามมารยาททันที
“สวัสดีค่ะ” เด่นจันทร์เอ่ยบอกเช่นนี้
“ขึ้นมาสิ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เธอจึงขึ้นมาแต่โดยดี มานั่งอีกฝั่งด้านข้าง
“นายท่านคะ จะพาฉันไปไหนคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่ถามสักเรื่องจะได้ไหม” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เธอจึงหุบปากเงียบสนิท วาโยก้าวเดินขึ้นมานั่งด้านหลังเขา และบอดี้การ์ดชุดสูทอีกหนึ่งคนมานั่งด้านหลังเธอ
“เอาหน่อยไหม” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย และยกแก้ววิสกี้ให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ ฉันไม่ดื่ม” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“มันมาบ่อยไหม” เขาเอ่ยถาม ขณะดื่มวิสกี้จนหมดแก้ว
“ใครคะ”
“ชายสองคนที่มาเมื่อวาน”
“ไม่ค่อยได้เจอค่ะ เพราะฉันกลับมาถึงก็เช้าแล้ว” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เธอกับน้องอยู่กันแค่สองคน ไม่กลัวเหรอ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กลัวค่ะ แต่ทำอย่างไงได้ เงินเดือนก็ไม่ได้มากมาย ยังมีค่าเช่าบ้าน ค่ารถ ค่ากิน ค่าโทรศัพท์ของฉัน และน้องอีก น้องของฉันอยู่แค่มอหนึ่ง” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“แล้วพ่อแม่ของเธอ พวกเขาไปไหน” เขาเอ่ยถาม
“แม่ฉันเสียตั้งแต่ฉันห้าขวบ เพราะเธอเป็นมะเร็ง ส่วนพ่อของฉันก็ประสบอุบัติเหตุตอนที่ฉันอยู่มอหก และเป็นวันสุดท้ายที่ฉันสอบเสร็จพอดี” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหมองเศร้า เขามองใบหน้าเธอชั่วครู่ แล้วหันไปมองตึกสูงหลายสิบชั้นย่านสาทร ขณะที่รถตู้หรูกำลังเลื่อนเข้าไปในหน้าตึก ประตูรถก็เปิดประตูออกโดยอัตโนมัติ เอกภพก้าวลงจากรถทันที
“เธอลงไปก่อน” ลัคนัยเอ่ยบอกเช่นนี้ เธอจึงลุกขึ้นก้าวลงจากรถ เธอเห็นพนักงานสาวสวยในชุดสูทกึ่งทางการเดินเข้ามา และยกมือไหว้ลัคนัยที่ก้าวลงมายืนข้างๆ เธอ
“สวัสดีค่ะ คุณลัคนัย ดิฉัน น้ำหนึ่ง จะพาท่านไปดูโครงการดีไลฟ์ของเราค่ะ” หญิงสาวพนักงานเอ่ยบอก
“ดูแค่ห้องก็พอ” ลัคนัยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ค่ะท่าน เชิญด้านใน” พนักงานเอ่ยบอก
แล้วเธอเดินนำทางเข้าไปด้านใน เด่นจันทร์จึงก้าวเดินเข้าไปในคอนโดหรูหรา เธอมองไปโดยทั่วที่นี่ดูหรูหราอย่างมาก และออกแนวคลาสสิก มีเลาจน์เครื่องดื่ม และขนมทานเล่นอยู่ด้านซ้ายมือ อีกทั้งมีน้ำพุตรงกลางที่พวยพุ่งขึ้นไปถึงตึกห้าชั้นเห็นจะได้ เธอเดินตามพนักงานและลัคนัย มองเห็นสวนขนาดเล็กอยู่ด้านซ้ายมือ ส่วนด้านขวาเป็นบ่อปลาคราฟหลากหลายสีสัน จนเดินมาถึงกระจกบานใหญ่ก่อนถึงลิฟต์ พนักงานอธิบายว่าเป็นกระจกนิรภัย ไม่สามารถทุบทำรายได้ อีกทั้งลิฟต์นี้เป็นลิฟต์ส่วนตัว มีเพียงเจ้าของห้องที่จะเปิดได้
“ที่นี่มีทั้งหมดหกสิบเก้าชั้น สี่ชั้นบนสุดเป็นเพนท์เฮ้าส์ และชั้นบนสุดชั้นที่หกสิบเก้าเป็นห้องที่ท่านจองเอาไว้ ดิฉันขอพูดสิ่งอำนวยความสะดวกในตึกแห่งนี้ ชั้นแรกเป็นเคาน์เตอร์ของพนักงานต้อนรับมีเลาจน์ขนาดใหญ่ให้ใช้บริการ อีกทั้งยังฟรีไวไฟทุกชั้น ชั้นที่สองเป็นห้องออกกำลังกายและห้องซาวน่าที่นี่ห้าปีจ่ายเพียงครั้งเดียวในราคาห้าหมื่น ชั้นห้าเป็นร้านไทย และร้านอาหารญี่ปุ่น ชั้นที่หกถึงชั้นที่สิบเป็นเลาจน์เครื่องดื่ม และร้านอาหาร ชั้นที่สิบเอ็ดจนถึงชั้นที่สี่สิบเป็นห้องพัก ชั้นที่สี่สิบเอ็ดเป็นสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกาย ชั้นที่สี่สิบห้าไนต์คลับค่ะ” พนักงานเอ่ยบอกเช่นนี้
เมื่อเข้าไปด้านในนั้น เอกภพก้าวเดินมาพร้อมกับเธอและลัคนัยด้วย พนักงานชายที่อยู่หน้าลิฟต์ก้มหัวให้ลัคนัยราวกับรู้ว่าเขาคือใคร พนักงานสาวกดรหัสลิฟต์ มันคือรหัสห้องสี่ตัว ไม่ช้าลิฟต์ก็เปิดออก ลัคนัยก้าวเดินเข้าไป เธอจึงก้าวเดินตามพร้อมกับเอกภพ
ไม่ช้าลิฟต์ก็เปิดออกมาเธอมองไปในห้องด้วยความตกตะลึงในความหรูหราเกินคำบรรยาย ฟังก์ชันจัดเต็ม มีเนื้อที่ถึงสี่ร้อยตารางเมตร แบ่งออกเป็นสองชั้น ราวกับว่าเป็นบ้านเดี่ยว ทั้งกว้างใหญ่โล่งโปร่ง พนักงานคนเดิมอธิบายต่ออีกว่า ห้องนี้มีทั้งหมดสองชั้น ด้านขวามือมีครัวไทย และครัวนอกครบครัน มีห้องน้ำสองที่ในชั้นล่างที่ตรงห้องรับแขก และข้างห้องอาหาร ทางด้านซ้ายมีห้องแม่บ้านและห้องซักรีด พนักงานเดินไปเปิดม่านสีเทาเห็นว่าด้านนอกมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่พอสมควร และมีเจ้าหน้าที่มาดูแลทุกอาทิตย์ให้อีกด้วย
“ขอบคุณมาก ออกไปก่อน” ลัคนัยเอ่ยบอกเช่นนี้ พนักงานสาว เอกภพและเด่นจันทร์ก้าวเดินไปที่ลิฟต์ แต่ทว่า
“เด่นจันทร์ เธออยู่ก่อน” ลัคนัยเอ่ยบอกเธอเช่นนี้ เธอจึงเดินมาหาเขา
อย่าลืม 1 หัวใจ และ 1 คอมเม้นท์
เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยเด้อ