“ทำไมเปียก?”
คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้าบ้านถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำถามจากคนที่อยู่ในบ้าน คนที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตัวเองถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ มองผ่านๆอาจจะคิดว่าคนเดียวกัน แต่ถ้าพินิจสักนิดจะเห็นว่าผู้หญิงที่นั่งอยู่ในบ้านมีใบหน้าเรียวและสวยเฉี่ยวกว่าเธอ ทุกอย่างที่อยู่บนใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นล้วนโดดเด่นกว่าเธอ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วเข้มสวย ดวงตาเรียวคม จมูกโด่งเป็นสันคล้ายรูปหยดน้ำ และริมฝีปากอิ่มเอิบ
ไม่ใช่แค่ความสวยที่อีกฝ่ายมีมากกว่าเธอ แม้แต่ความฉลาดอีกฝ่ายก็มีมากกว่าเธอเช่นกัน ซึ่งเธอรู้ดี ทว่าไม่เคยมีสักครั้งที่จะรู้สึกอิจฉา ออกจะภูมิใจด้วยซ้ำที่มีพี่สาวสวยและเก่ง
พี่สาวที่เกิดก่อนเธอสามสิบนาที คนที่อยู่กับเธอมาทุกช่วงเวลาตลอดยี่สิบหกปีเต็ม
'อิงเอย' หรือ 'อมลธีรา' คือชื่อของพี่สาวฝาแฝดของเธอ ส่วนชื่อของเธอคือ 'อบอุ่น' หรือ 'อมลรดา' แน่นอนว่าชื่อของเธอกับพี่สาวมีความหมายเหมือนกันคือ 'บริสุทธิ์'
อมลธีรา...ปราชญ์ผู้ไร้มลทิน
อมลรดา...การยินดีในสิ่งบริสุทธิ์
“ฝนตกไง?” บอกก่อนจะเดินไปที่ระเบียงข้างบ้านเพื่อกางร่มออกตาก ดวงตาสวยเศร้ามองดูร่มสีดำตรงหน้าด้วยสายตานิ่งเกือบนาที ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสภาพผมเพ้าเปียกลูบ “พ่อกับแม่ไปไหน?”
ก่อนเข้าบ้านมาเธอไม่เห็นรถยนต์ของพ่อ เลยมั่นใจว่าพวกท่านไม่อยู่บ้าน
“ไปงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่เพื่อนที่สุพรรณ”
“อ่อ” พยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะเดินขึ้นชั้นสองของบ้านเพื่อไปที่ห้องนอนตัวเอง
อบอุ่นใช้เวลาอาบน้ำสระผมเกือบชั่วโมง เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นพี่สาวที่เกิดก่อนตัวเองสามสิบนาทีนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
ดวงตาสวยเศร้ามองดูพี่สาวฝาแฝดของตัวเองอย่างสงสัย จำได้ว่าอีกฝ่ายมีแพลนไปตรวจสอบบัญชีของบริษัทลูกค้าที่เชียงใหม่ แล้วทำไมผู้สอบบัญชีสาวสวยอนาคตไกลถึงยังอยู่ที่บ้าน
“ไหนว่าออกจ็อบต่างจังหวัด?”
“เปลี่ยนไฟท์บินเป็นพรุ่งนี้เช้า”
พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบชุดนอนออกมาสวมใส่ เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็เดินเข้าไปหาคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่เตียง “วันนี้ยื่นใบลาออกแล้วนะ”
อิงเอยชะงักมือที่กำลังพิมพ์ข้อความ เงยหน้าขึ้นมองน้องสาวที่หน้าเหมือนตัวเอง “ดีแล้ว ไม่มีความสุขก็ไม่เห็นต้องทนอยู่...ไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย?”
“หัวหน้าเรียกกูไปคุย” คนพูดอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เมื่อต้องพูดถึงเรื่องที่ถูกหัวหน้าเรียกเข้าไปพบถึงสองครั้งในวันเดียว
เมื่อก่อนทำเป็นมองข้าม ไม่รับรู้ปัญหาอะไร เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ แต่พอเธอยื่นใบลาออกกลับรับรู้ทุกปัญหา พูดในวันที่เธอตัดสินใจแล้วสู้ไม่พูดเลยยังจะดีกว่า ความรู้สึกที่เธอมีคงไม่แย่ขนาดนี้ หกเดือนที่ผ่านมามันไม่ใช่เวลาที่น้อยเลย
‘อุ่นมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ถ้าอุ่นไม่สบายใจตรงไหนก็บอกพี่ได้นะ’
‘พี่อยากให้อุ่นคิดดูอีกที อยู่ที่นี่อุ่นยังโตได้อีก’
‘อุ่นคิดดีแล้วค่ะ’
นั่นคือคำตอบของเธอ ซึ่งเหตุการณ์มันก็น่าจะจบถ้าอีกฝ่ายจะไม่พูดประโยคที่ทำให้เธอรู้สึกแย่กว่าเดิม
‘อุ่นก็รู้ใช่ไหมว่างานดีๆเดี๋ยวนี้มันหายาก ยิ่งพวกที่ลาออกจากงานพื่อไปทำธุรกิจตัวเองในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้พี่บอกเลยว่าโอกาสรอดมีน้อยมาก’
ไม่ให้กำลังใจ แต่กลับซ้ำเติม
เธอไม่อยากจะพูด แต่มันคือความจริงที่ว่าหัวหน้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเครียด และไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ต่อให้งานจะยากหรือว่าเพื่อนร่วมงานจะแย่แค่ไหน แต่ถ้าเราได้หัวหน้างานดีเราจะไม่รู้สึกเหนื่อยกับมันสักนิด
แต่สิ่งที่เธอได้รับตลอดหกเดือนที่ผ่านมากับตรงกันข้าม เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองทนอยู่ได้ยังไงตั้งหกเดือน
แต่ก็ช่างมันเถอะ คิดซะว่ามันคือประสบการณ์ที่จะทำให้เธอแกร่งขึ้น
เพราะคำพูดนี้เธอยิ่งมั่นใจว่าเธอตัดสินใจถูก การที่เธอลาออกนอกจากเธอจะไม่เครียด เธอยังมีโอกาสได้ลองทำอะไรใหม่ๆ มีครอบครัว มีเพื่อน มีคนรอบข้างที่รักคอยอยู่เคียงข้าง
ถ้าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอก็คงเครียดและกังวลกับงานที่จะเริ่มใหม่
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่
เธอไม่รู้ว่าหัวหน้างานของเธอไปรู้อะไรมา แต่เธอจะทำให้อีกฝ่ายเห็นว่า การลาออกจากงานประจำเพื่อทำธุรกิจตัวเองมันก็ไม่ได้แย่ และเธอจะเป็นหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จ เอาความภาคภูมิใจมาให้คนรอบข้างที่รักเธอ
“ให้นอนเป็นเพื่อนมั้ย?”
คำถามของพี่สาวทำให้คนเป็นน้องอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ทำอย่างกับกูเป็นเด็ก กูอายุยี่สิบหกเผื่อมึงลืม”
คำว่ากูมึงก็พูดได้แค่ตอนอยู่ด้วยกันสองคนหรืออยู่กับเพื่อน ต่อหน้าพ่อแม่ก็มีแค่อุ่นกับเอย
“ไม่ลืม ไม่ลืมด้วยว่ามึงเป็นน้องสาวกู”
“น้องสามสิบนาที?”
“กี่นาทีก็น้อง” คนเป็นพี่ยักไหล่ เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างนึกขึ้นได้ “แล้วรถเมื่อไหร่จะได้”
“ศูนย์นัดให้ไปรับวันเสาร์” อบอุ่นหมายถึงน้องนุ่มนิ่มรถเก๋งซีดานสัญชาติญี่ปุ่นของเธอ ที่เกเรจนต้องส่งเข้าศูนย์ซ่อม ทำให้เธอต้องหันไปใช้บริการรถไฟฟ้าแทน
“อีกสามวัน? กูไม่อยู่มึงจะเอารถกูไปใช้ก่อนก็ได้นะ”
“อืม” อบอุ่นพยักหน้ารับ ไม่ปฏิเสธความหวังดีที่พี่สาวยื่นให้ “จะว่าไปนั่งรถไฟฟ้าก็สะดวกดีเหมือนกันนะ ถึงว่าสีดามันชอบนั่ง”
‘สีดา’ คือหนึ่งในเพื่อนสนิทที่กำลังจะกลายมาเป็นหุ้นส่วนของเธอ เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่เลือกสายงานเป็นผู้ทำบัญชีบริษัทเหมือนเธอ ต่างจากเพื่อนสนิทและว่าที่หุ้นส่วนอีกสองคนของเธอออย่าง ‘วินทร์’ และ ‘ฟาง’ ที่เลือกทำงานในสายออดิทเตอร์หรือที่รู้กันในนามผู้ตรวจสอบบัญชีเหมือนพี่สาวฝาแฝดของเธอ
ทั้งสามคนทำงานเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีในบริษัทเดียวกัน ที่น่าตกใจก็คือเรื่องที่ทั้งสามคนสอบผ่านเพื่อเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตได้ในปีเดียวกัน
มากกว่าความตกใจก็คือความดีใจที่เห็นเพื่อนประสบความสำเร็จ
“เอย”
เสียงเรียกของน้องสาวทำให้อิงเอยหันไปมอง “หืม? ว่า?”
“ขอบคุณนะ ขอบคุณที่คอยอยู่ข้างๆ”
“อืม” คนเป็นพี่พยักหน้าให้น้องสาวตัวเอง ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเมื่อเห็นตัวเลขบอกเวลาที่โชว์อยู่บนหน้าจอมือถือของตัวเอง ก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมที่จะหันไปพูดอย่างห่วงใย “ก่อนนอนก็อย่าลืมกินพาราล่ะ จะได้ไม่เป็นไข้”
“อืม” อบอุ่นพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้า
ริมฝีปากบางยกขึ้นยิ้มอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นข้อความที่เพื่อนๆส่งเข้ามาในกลุ่มแชท
ถึงจะเห็นแค่ข้อความ ทว่าเธอกับรับรู้ได้ถึงความจริงใจและความห่วงใยที่ส่งมา
I love you my friends (5)
อบอุ่นเอง : เพิ่งถึง
อบอุ่นเอง : เป่าผมเสร็จ เดี๋ยวมาคุยด้วย