ผู้ชายตรงหน้าเธอไม่ตอบอะไร กลับเดินนำเธอดุ่มๆ ขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน แต่เธอไม่คิดจะก้าวตาม ยังคงปักหลักยืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองระคนไม่พอใจ
“เอ้า ยืนอยู่ตรงนั้นทำไม เดินมานี่สิ” เขาร้องเรียกเธอด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ใครจะมีเวลามาบริการคุณทั้งวันกัน ผมยังต้องรีบกลับไปทำงานอีกนะ”
“แล้วใครใช้ให้มาล่ะ” หญิงสาวสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว ชนิดที่เธอเองยังแปลกใจว่าตัวเองทำไมจึงขุ่นขวางและไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนี้เสียจริง ทั้งๆ ที่พื้นนิสัยของเธอ ใช่จะชอบมาวุ่นวายต่อล้อต่อเถียงกับใครเสียที่ไหน
อีตานี่คงเป็นคนไม่น่าคบสุดกู่แน่ๆ ที่ทำให้เธอเกลียดตั้งแต่แรกพบได้
“ศวิตา...” เขาเรียกเธอเสียงขุ่นขวางในลำคอ ฟังอีกทีก็คล้ายๆ เหมือนกับจะคำรามอย่างไรชอบกล “อย่าปากดีกับผม”
หญิงสาวไม่ตอบ แต่สะบัดหน้าพรืดใส่เขาอีกครั้ง
คราวนี้ชายหนุ่มเดินดุ่มกลับมาหาเธอ แล้วคว้าข้อมือเธอมาบีบเอาไว้แน่น ก่อนจะลากเธอไปโดยไม่สนใจเลยว่าเธอจะเดินสะดุดหรือไม่ ศวิตาพยายามจะสลัดมือออก แต่ข้อมืออีกฝ่ายคล้ายกับปลอกเหล็ก บีบข้อมือเล็กของเธอแน่น
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวแหวลั่น “นายไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ฉันจะฟ้องคุณพีรวัสให้จัดการกับนายเลยคอยดูสิ”
“ผมจะคอยวันนั้นแล้วกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน “เอ้า ถึงห้องของคุณแล้ว อยู่ในนี้ดีๆ แล้วอย่าก่อเรื่องล่ะ”
พูดจบชายหนุ่มก็เปิดประตูออกกว้างแล้วดันร่างเธอเข้าไปในนั้น แล้วปิดประตูปังใส่หน้าเธอ
ศวิตาได้แต่กระทืบเท้าอย่างขัดใจ เป็นอีกกริยาที่เธอไม่คิดว่าตนเองจะกระทำมาก่อน
คอยดู! ถ้าเจอหน้าพี่ปอกับคุณพีรวัสเมื่อไหร่ เธอจะฟ้องเรื่องนายนี่ให้หมดเลย จะหาว่าเธอขี้ฟ้องก็ช่าง!
๐๐๐๐๐
ศวิตาสำรวจห้องอย่างคร่าวๆ แล้วก็เดินตรงไปยังหน้าต่างที่เปิดกว้าง ม่านสีขาวบางพลิ้วไหวตามแรงลมทำให้เธอรูดมันไปรวบไว้ที่ข้างหนึ่งแล้วชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าอีตาผู้ชายบ้าคนนั้นขับรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่จากไปแล้ว เธอเบือนหน้าหนีแล้วเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ
สงสัยอีตาบ้านี่ต้องเป็นญาติกับคุณพีรวัสแหง ถึงได้ทำวางก้ามได้ขนาดนี้ แต่...เอาเถอะ อย่างน้อยเพื่อตัวคุณพีรวัสเอง เธอจะต้องบอกให้เขารู้ว่า คนของเขา...ที่ถึงจะเป็นญาติ ก็ไม่ควรทำตัวกับแขกแบบนี้
แม้ว่าแขกคนนั้นจะเป็นญาติห่างๆ ที่เกี่ยวพันกันเพราะการแต่งงานเช่นเธอก็ตาม
ศวิตาหันไปที่เตียง เห็นกระเป๋าของตนเองวางอยู่ตรงนั้นเรียบร้อยก็ตรงไปรื้อเพราะหยิบเอาของใช้ส่วนตัวนิดหน่อยออกมา หญิงสาวหยิบเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ผจญกับอาการร้อนสลับเย็น แถมจะฝุ่นแดงอีกเกือบชั่วโมง ศวิตาคิดว่าตัวเองคงจะแดงไปทั้งหัวทั้งตัว สมควรแก่การอาบน้ำเป็นอย่างยิ่ง จึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระคราบฝุ่นแดงออกจากตัว
๐๐๐๐
เสียงเคาะประตูทำให้ศวิตาสะดุ้งตื่น หญิงสาวขยี้ตาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เพื่อพบว่าตอนนี้รอบตัวล้วนมืดสนิท เธอถึงกับรีบลุกขึ้นเพื่อไปเปิดไฟ แต่เพราะความมืดทำให้เธอเผลอเตะขาเตียงไปหนึ่งทีจนได้แต่ครางอู้ด้วยความเจ็บ ส่งผลให้คนที่มาเคาะถี่ๆ นั้นชะงักมือลงก่อนจะเปิดประตูเข้ามาอย่างถือวิสาสะ
แสงสว่างจากข้างนอกสาดเข้ามาทำให้เธอเห็นว่าคนที่มาเคาะเป็นผู้ชาย และโครงร่างนั้นก็คุ้นตาทำให้เธอรู้ว่าเป็นอีตาบ้าปากเสียนั่นเอง
เขาก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับกดสวิตซ์ข้างฝาผนังทำให้ห้องสว่างขับไล่ความมืดมัวออกไป ศวิตากระพริบตาถี่ๆ เพราะไม่ชินกับแสงจ้าในทันที เมื่อรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองลอยแหมะไปอยู่บนเตียงเสียแล้วโดยที่ร้องอะไรออกมาไม่ทัน
“ไปนั่งทำอะไรบนพื้น” เขาถามเสียงห้วนๆ “เมื่อกี้ได้ยินเสียงร้อง เป็นอะไร?” ถามพลางก็กวาดตามองหญิงสาวที่นั่งบนเตียง เอามือกุมข้อเท้าอยู่
ศวิตาไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้ามองข้อเท้าตัวเอง จะให้พูดออกไปได้ยังไงว่าเตะเตียงเมื่อครู่นี้น่ะ
“ซุ่มซ่าม”
จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาราวกับเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ศวิตาจึงได้แต่เงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวเธออยู่ตาดุๆ ก็เห็นว่าเขาเอามือเท้าเอวแล้วส่ายหน้าอย่างระอา
“นี่ก็เย็นแล้ว คนที่เรือนบอกว่าคุณไม่ได้ออกมาทานมื้อเที่ยง?”
เขาเอ่ยราวกับจะถาม ทำให้ศวิต่ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น
“ฉันต้องการเจอพี่ปอ พี่สาวฉันอยู่ไหน” หญิงสาวไม่ใส่ใจจะตอบคำถามของเขา เธอถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ทันที
“ศิรดาไม่อยู่”
เขาตอบห้วนๆ ดูเหมือนว่าจะกลับมาอารมณ์เสียมากกว่าเมื่อครู่ซะอีกเมื่อได้ยินว่าเธอถามถึงพี่สาว ใบหน้าคมๆ ของเขาบึ้งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“พี่สาวฉันไปไหน”
หญิงสาวยังถามย้ำอย่างกัดไม่ปล่อย
“ในเมือง ไปธุระในเมือง”
“อ้าว...แล้วทำไมเขาไม่นัดเจอฉันในเมืองตั้งแต่ทีแรก”
เธอร้องอุทานออกมาอย่างงุนงง ในเมื่อเข้าเมืองในวันที่เธอมา ทำไมถึงไม่นัดเจอกันตั้งแต่ในเมืองล่ะ
“จะไปรู้เหรอ มันเรื่องของคุณกับพี่สาวคุณนี่ ผมก็แค่ทำตามที่เขาไหว้วานมาก็แค่นั้น” ชายหนุ่มตอบห้วนๆ
คราวนี้ศวิตาเองก็พูดไม่ออก ได้แต่กัดปากตนเองแน่น รู้ว่าเกิดเถียงออกไปก็มีแต่จะแพ้เขาเท่านั้น ทว่าในใจอดคลางแคลงไม่ได้ว่าพี่สาวเธอทำอะไรแปลกๆ เหมือนกัน แล้วศิรดาคิดอย่างไรจึงไว้ใจให้เธอมาอยู่บ้านคนแปลกหน้าเช่นนี้เนี่ย
“ตอนนี้เกือบทุ่มแล้ว คุณหิวหรือยัง” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบเย็น เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ตอบอะไรจึงพูดต่อไปว่า “ไปล้างหน้าล้างตาซะ แล้วลงไปทานอาหารเย็นด้วยกัน”
“ฉันต้องการเจอคุณพีรวัส”
หญิงสาวไม่ตอบคำถามใดๆ ของเขาอีกครั้ง แล้วพูดเรื่องอื่นไปเสียอย่างนั้น
ผู้ชายตรงหน้าโคลงศีรษะช้าๆ กับความดื้อดึงของเธอ “ผมคิดว่า 'เขา' คงจะรอเจอคุณที่โต๊ะอาหารนั่นแหละ ถ้าอยากเจอก็ลงไปได้แล้ว”
พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้เธอได้แต่ทำปากขมุบขมิบเจริญพรเขาไล่หลัง จากนั้นก็อดเกร็งไม่ได้เพราะเธอ...ไม่เคยเจอกับเจ้าของไร่ภคนันท์เลยแม้แต่น้อย นอกจากได้ยินชื่อเมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้เองว่าเขาเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของศิรดาผู้เป็นพี่สาวเท่านั้น
นอกจากนั้น...เธอไม่รู้อะไเกี่ยวกับเขาเลย
๐๐๐๐๐