“เธอเป็นน้องสาวของศิรดาใช่ไหม?”
คำถามนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากคนตรงหน้า ดวงตาคมดุของเขาจ้่องมองเธอราวกับจะสำรวจ...และแน่นอน เธอเห็นความไม่พอใจในดวงตาของเขา
ศวิตาเชิดกหน้าขึ้น ก่อนจะปรายตามองผู้ชายคนหน้าด้วยความไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้อย่างมากก็เป็นแค่คนของไร่ภคนันท์ซึ่งเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของพี่ปอ อย่างน้อยเขาควรทำสีหน้าและท่าทางเคารพคนที่จะมาเป็นญาติเจ้านายของเขาอย่างเธอให้มากกว่านี้
ศวิตาเองใช่จะเป็นคนดูถูกคน แต่เธอรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้ามีท่าทีดูถูกและไม่พอใจเธออยู่ลึกๆ ทำให้เธออดเชิดใส่อีกฝ่ายไม่ได้
“ใช่”
หญิงสาวตอบไปสั้นๆ มองคนตรงหน้าด้วยสายตาแสดงความไม่พอใจเช่นเดียวกัน
“งั้นขึ้นรถมาได้แล้ว ผมเป็นคนจากไร่ภคนันท์ มารับคุณแทนศิรดา”
น้ำเสียงห้วนๆ ของเขาบอกเธอ พร้อมกับที่เขาก้มลงคว้าเอากระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมของเธอขึ้นมาแล้วเหวี่ยงไปไว้ท้ายกระบะที่คลุกไปด้วยฝุ่นนั้น
“แล้วพี่ปอไปไหน?”
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห้วนสั้นไม่แพ้กัน
“พี่สาวคุณติดธุระ ผมเลยต้องมาแทน”
“ฉันจะเชื่อคุณได้แค่ไหน” หญิงสาวถามอย่างหวาดระแวง อดเอาโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อตรงนี้ดันไม่มีสัญญาณเสียอย่างนั้น บ้าจริง! ไหนโฆษณาปาวๆ ว่าคลื่นครอบคลุมทั่วไทย หลอกลวงชัดๆ นี่เธอยังอยู่ในเมืองไทยนะ ถึงจะใกล้ชายแดนแค่ไหนก็เมืองไทย ทำไมดันไม่มีคลื่น!
“คิดว่านี่คงเป็นหลักฐานได้นะ อ้อ หวังว่าคงจะจำลายมือพี่สาวตัวเองได้นะคุณศวิตา”
เธอปรายตามองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง แม้จะเริ่มคลายใจว่าอาจจะเป็นคนที่ศิรดาส่งมาจริงๆ เพราะอีกฝ่ายรู้จักชื่อเธอ
หญิงสาวดึงจดหมายจากมือที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ลายมือคุ้นตาของศิรดาปรากฏขึ้นเมื่อเธอคลี่ออกอ่าน
ยัยป่าน
ถ้าเธอเห็นจดหมายฉบับนี้มากับคนที่ถือมันมา ให้เธอวางใจได้ว่าอยู่กับเขาแล้วจะปลอดภัย พี่ส่งเขามารับเธอเอง อย่าได้คลางแคลงสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น พอดีพี่ติดธุระด่วน เลยมารับเธอด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องขอโทษด้วย
พี่สาวของเธอ
ศิรดา
เธอพับจดหมายแล้วถอนหายใจยาว ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ อีกฝ่ายจึงผายมือไปยังรถกระบะคลุกฝุ่นกลางเก่ากลางใหม่คันนั้น แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกือบกึ่งจะเป็นประชดประชัน
“งั้นเชิญเลยครับ อ้อ หวังว่าคุณคงจะไม่ถือสาที่ผมเอารถเก่าๆ คันนี้มารับ เพราะคันอื่นมันไม่ว่างเลย ยังไงหวังว่าสาวเมืองกรุงจะทนนั่งมันลงนะ”
คราวนี้ศวิตาตวัดตามองคนที่ประชดประชันเธอด้วยสายตาขุ่นขวาง
“ทำไมฉันจะนั่งไม่ได้ แล้วไม่ต้องมาตัดสินแทนฉันว่าฉันจะนั่งได้หรือไม่ได้” หญิงสาวเอ่ยเสียงขุ่น แล้วเดินฉับๆ ไปเปิดประตูรถออกราวกับเป็นกระชากแล้วสอดตัวเข้าไปนั่งบนเบาะหน้าข้างคนขับ จิกตาดุใส่คนที่ก้าวตรงมายังรถช้าๆ ก่อนจะหันไปปิดประตูรถเสียงดังปัง! โดยไม่กลัวเลยว่าประตูจะหลุดออกมาหรือไม่ เพื่อเป็นการพิสูจน์ให้อีตาคนงานกิติมศักดิ์นี่เข้าใจว่าอย่าได้ดูถูกว่าเธอจะนั่งรถเก่าๆ คันนี้ไม่ได้!
๐๐๐๐๐
ว่าทางที่มาครั้งแรกเลวร้ายแล้วเพราะเป็นฝุ่นแดง ทว่าทางเข้าไร่ภคนันท์นั้นกลับดูเหมือนจะเลวร้ายกว่า
รถอะไรแอร์ก็เสีย ร้อนก็ร้อน แต่พอเปิดกระจกลงฝุ่นก็ฟุ้งกระจาย จนเธอต้องรีบเอาผ้าอุดปากอุดจมูกตัวเองแทบไม่ทัน แถมท้องไส้เธอก็สั่นสะเทือนเพราะไอ้ทางนี่มันก็แสนจะกันดารเป็นหลุมเป็นบ่อ อีตานี่ก็ขับรถเร็วมหาวายร้าย เจอหลุมเจอบ่อก็กระโจนเข้าใส่เหมือนที่บ้านไม่เคยมีจนไส้เธอแทบจะทะลุออกมาทางปากแล้ว!
ศวิตาได้แต่ขบฟัน แล้วพยายามทำใจให้สงบ แม้ว่าท้องไส้จะปั่นป่วนจะขยักขย้อนออกมาก็ตามที นี่เป็นอีกหนึ่งที่เธอจะจดจำไว้ในใจแล้วรอบอกแก่ศิรดาว่าคนงานในไร่ภคนันท์คนนี้ใช้ไม่ได้เลย
หญิงสาวหลับตาลง ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ก็รู้สึกได้ว่ารถที่โคลงเคลงนั้นดูเหมือนจะวิ่งราบเรียบขึ้น เมื่อลืมตาจึงเห็นว่าสองข้างทางนั้นเป็นเทือกเขา พื้นที่ในส่วนนี้ดูเป็นระบบระเบียบ ที่ทำให้เธอพอจะเดาออกว่าตนเองคงเข้ามาสู่เขตไร่ภคนันท์เรียบร้อยแล้ว อากาศที่ร้อนจัดนั้นดูเหมือนจะเริ่มเย็นเพราะสายลมที่พัดผ่าน และรถที่ยังคงแล่นด้วยความเร็วเท่าเดิม แต่ฝุ่นแดงนั้นหายไปเพราะถนนในส่วนของไร่นี้ดูดีกว่าถนนก่อนเข้าไร่มากนัก
ศวิตากวาดตามองไปรอบๆ เห็นคนงานหลายคนกำลังก้มๆ เงยๆ ดูแลแปลงดอกไม้กันอยู่ด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย อดอิจฉาผู้เป็นพี่สาวลึกๆ ไม่ได้ที่ศิรดาได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามและชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้
ไม่ต้องคอยถูกบีบบังคับ ไม่ต้องอยู่ในกฏ อยู่ในระเบียบ ชีวิตไม่ต้องสับสนวุ่นวายเพราะอยู่ในเมืองใหญ่
หญิงสาวมองสองข้างทางเพลิน ลมเย็นๆ พัดเอาผมที่เคยมัดรวบเป็นหางม้าพลิ้วปลิวระใบหน้า จนกระทั่งรถมาจอดอยู่หน้าบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่สร้างสไตล์บ้านแนวคันทรีที่เคยเห็นในละคร ดูน่าอยู่และน่ารักในเวลาเดียวกัน คนขับเปิดประตูลงจากรถอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอก้าวตาม แล้วก็ต้องผงะถอยแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ก็กระโจนเข้าหาเธอทั้งตัวจนศวิตาเผลอร้องวี๊ดลั่น เมื่อมันงับมือเธอเบาๆ ราวกับจะหยอกเอิน
“มินมินมานี่” เสียงห้าวๆ เรียกมัน ทำให้เจ้าโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวนั้นกระโดดไปหาร่างสูงใหญ่ข้างๆ ที่ในมือของเขามีกระเป๋าเสื้อผ้าของเธออยู่ในมือ
“ลงมาได้แล้วคุณ” เขาเอ่ยเร่งเร้า แล้วเดินนำเข้าไปในบ้านหลังนั้นพร้อมกับเจ้ามินมิน ทำให้หญิงสาวต้องรีบสาวเท้าตามเข้าไปอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากถูกทิ้ง
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน ผู้ชายตรงหน้าก็ส่งกระเป๋าให้คนรับใช้ที่นุ่งซิ่นกับเสื้อยืดธรรมดาๆ ที่เข้ามายอบตัวแล้วรับกระเป๋าไปจากเขา
“เอาไปไว้ที่ห้องข้างๆ ห้องฉัน”
คำสั่งของเขาทำให้เธอขมวดคิ้วมุ่น ดูท่าอีตานี่จะเป็น...คนงานกิติมศักดิ์หรือเปล่า จึงมีสิทธิ์อาศัยอยู่ในบ้านใหญ่หลังนี้
“แล้วพี่ปอล่ะ?”
หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ แต่เขาคงรู้ตัวว่าตอนนี้เธอถามเขานั่นแหละ ชายหนุ่มจึงชะงักกึก แล้วหันมาทางเธอทั้งตัว เขามองเธอราวกับว่าเธอเป็นตัวน่ารำคาญอะไรประมาณนั้น
“ศิรดาติดธุระ คุณพักผ่อนอยู่ที่นี่แหละ”
“อ้อ แล้วเมื่อไหร่จะกลับ”
“เมื่อเห็นนั่นแหละ”
คำตอบกวนๆ นั้นทำให้หญิงสาวถลึงตาดุใส่เขา
“กวนประสาท!”
เธอว่าเขาตรงๆ แล้วสะบัดหน้าพรืดใส่ทันทีอย่างขุ่นเคือง
คนบ้าอะไร ปากเสียชะมัดเลย!