คราวนี้พีรวัสวางหนังสือพิมพ์ในมือลง มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเอือมระอา แล้วตอบเธอด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา
“รอตอนเย็นๆ มั้ง เขาอาจจะกลับมา พี่สาวเธอนี่ ติดต่อกันไม่ได้หรือไง”
ตอนท้ายเขาย้อนถามกลับ ทำให้เธอถึงกับสะอึกอึ้ง พูดไม่ออก
ศวิตากัดริมฝีปากแน่น อีกครั้งที่ถลึงตาดุๆ ใส่เขาแล้วเอ่ยย้อนถามอีกฝ่ายกลับบ้างด้วยน้ำเสียงห้วนจัด
“แล้วคุณไม่ใช่ว่าที่เจ้าบ่าวพี่สาวฉันหรือยังไง ทำไมถามอะไรก็ไม่รู้ แล้วถ้าฉันติดต่อพี่ป่านได้ ฉันจะถามคุณไปเพื่ออะไร”
พีรวัสได้แต่พยักหน้ารับแล้วตอบรับในลำคอสั้นๆ เพียงคำเดียว “อืม...”
ทว่าท่าทีกวนโมโหแต่เช้าของเขาทำให้ศวิตาถึงกับสติแตกอีกรอบ “อืมอย่างนั้นเหรอ นี่คุณจะแกล้งฉันไปถึงไหน!” เธอร้องใส่เขาเสียงดังจนแทบจะเป็นแผดเสียงลั่น ไม่สนใจมารยาทหรือเก็บอาการใดๆ อีกต่อไป
ผู้ชายตรงหน้าเธอมันน่ากระทืบให้ตาย คนบ้าอะไรกวนโมโหได้เป็นที่หนึ่ง! เธอไม่ได้ทำอะไรเขาก่อนเลยสักครั้ง ทำไมเขาถึงได้เอาแต่แกล้งเธออยู่อย่างนี้อยู่ได้!
“ใครแกล้งเธอ เธอเอาแต่โวยวายเองทั้งนั้น” พีรวัสไม่สนใจท่าทางโมโหจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงของหญิงสาว ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ
ศวิตาจ้องมองเขาด้วยความโกรธและไม่พอใจ หญิงสาวกัดฟันแน่นขณะที่พูดใส่หน้าเขาอย่างไม่เกรงใจ “ถ้าไม่เห็นว่าพี่ปอรักคุณ ฉันจะยุให้เขาทิ้งคุณไปจริงๆ ด้วย!”
ทว่าดูเหมือนคำพูดของเธอจะสะกิดต่อมโมโหของอีกฝ่าย เพราะคนที่ทำหน้าเฉยชายั่วโมโหเธอกลับเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธเคืองทันควัน ดวงตาสีอำพันของเขาดูเจิดจ้าด้วยความไฟโทสะที่พุ่งขึ้นสูงเพียงชั่ววินาที ชายหนุ่มเอื้อมมือปัดแก้วน้ำที่ตั้งวางอยู่บนโต๊ะเต็มๆ แรงจนมันตกลงกับพื้นแตกกระจายเสียงดัง พร้อมกับตวาดใส่เธอเสียงดังลั่น
“หุบปาก!”
ศวิตาตกใจจนเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะอารมณ์แปรปรวนยิ่งกว่าเธอเสียขนาดนี้ ทว่ายังไม่ทันที่จะพูดตอบโต้อะไรต่อ อีกฝ่ายก็ตะโกนเรียกคนที่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายจะวนเวียนอยู่แถวนี้เพราะหน้าที่
“เอื้อง!”
“ค่า...พ่อเลี้ยง” เอื้องรีบโผล่เข้ามาภายในห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
พีรวัสหันไปทางสาวใช้ในบ้านของตนเองแล้วเอ่ยสั่งเสียงเข้มจัด “ดูแลคุณศวิตาให้ดีๆ อย่าให้หนีไปไหน ถ้าเขาหนีได้ ฉันจะลงโทษเธอ”
ศวิตาได้ยินคำสั่งนั้นก็โมโห ดวงตาของเธอวาววับด้วยความโกรธเคือง
“นี่คุณ!” หญิงสาวเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “ฉันไม่ใช่นักโทษนะ จะมาสั่งขังฉันได้ยังไง!”
ทว่าพีรวัสไม่สนใจเธอ เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอด้วยซ้ำ ขณะที่สั่งเอื้องเสียงเข้ม ที่บ่งบอกว่าเขาเอาจริงทุกคำ และเอื้องไม่ควรบิดพลิ้วกับคำสั่งของเขาเป็นอันขาด ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น!
“เข้าใจนะเอื้อง”
เอื้องพยักหน้ารับถี่ๆ ไม่โต้แย้งอะไรสักคำ แล้วจึงเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทีโกรธเคืองที่ยังไม่คลาย ขณะที่เอื้องได้แต่ก้มหน้ารับคำ ไม่กล้าขัดคำสั่งของพ่อเลี้ยงพีรวัสแม้แต่น้อย
“ค่ะ พ่อเลี้ยง”
๐๐๐๐๐
คล้อยหลังคนบ้าโดยมีศวิตามองสาดสายตาโกรธแค้นไปตามหลังจนเขาเดินตึงตังลับหายไป หญิงสาวจึงได้หันกลับไปทางเอื้องที่ยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ เธอก็อดพูดด้วยน้ำเสียงเข่นเขี้ยวไม่ได้
“พ่อเลี้ยงพีรวัสของเธอนี่ผีเข้าผีออก เป็นบ้าใช่ไหมเอื้อง เขาถึงมีท่าทีวิปริตแบบนี้ หน้าตาก็ว่าแย่แล้ว นิสัยยังไม่น่าคบหาอีก!”
หญิงสาวบริภาษออกมายาวเหยียด นึกคันไม้คันมือแล้วอยากเอามือบีบคอของคนบ้าแล้วเค้นๆๆๆ ให้เขาตายคามือเธอ
“เอ่อ...” เอื้องมองท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงของศวิตาแล้วก็พูดไม่ออก อีกส่วนคือไม่กล้าตอบอะไรออกไปเพราะเกรงจะไม่เข้าหูคนที่กำลังโมโห ถึงแม้อยากจะแก้แทนใจจะขาดว่าพ่อเลี้ยงพีรวัสไม่เห็นจะวิปริตตรงงไหน โดยเฉพาะหน้าตา...พ่อเลี้ยงมาหมกตัวอยู่กลางไร่กลางเขายังมีสาวๆ วิ่งเข้าหาไม่ขาด จะให้พูดว่าพ่อเลี้ยงหน้าตาย่ำแย่เอื้องก็ไม่เห็นด้วย เพราะถ้านับตามความเป็นจริง ขนาดคุณหมอวุธที่เอื้องแอบปลื้มยังไม่หล่อเท่าพ่อเลี้ยงพีรวัสเลยเอ้า!
“ไม่รู้พี่สาวฉันรักเขาได้ยังไง!” ศวิตายังกัดฟันบ่นอย่างหัวเสียไม่เลิก “นี่ฉันจะโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจทันไหม นี่วันพรุ่งนี้ก็งานแต่ง จะจัดกันขึ้นที่ไหนกันนี่” ตอนท้ายเจ้าหล่อนโพล่งถามเปลี่ยนเรื่องไปเสียดื้อๆ ทำให้เอื้องที่ยืนฟังอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง แล้วรีบเอ่ยปฏิเสธทันควัน
“หนูก็...ไม่รู้ค่ะ”
“อ้าว” คราวนี้เป็นศวิตาที่ร้องขึ้นด้วยความสงสัย คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นพลางจ้องมองเอื้องเขม็ง “งานจะจัดขึ้นวันสองวันแล้ว เธอไม่รู้ได้ไง แล้วเตรียมสถานที่กันหรือยัง” หญิงสาวได้ทีถามรัวเป็นชุด คนที่นี่จะไม่รู้เรื่องอะไรได้อย่างไร นี่มันงานแต่งงานของเจ้านายทั้งคน แล้วยิ่งนิสัยของบรรดาคนรับใช้ด้วยแล้ว ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อว่าอย่างเอื้องนี่จะไม่รู้อะไร แต่แล้วเมื่อเห็นสีหน้าเหยเกของเอื้อง หญิงสาวก็เบิกตาโตแล้วถามเสียงแหลมสูงเมื่อคิดถึงแนวโน้มที่เป็นไปได้ถ้าหากอีตาพีรวัสไม่ยอมจัดงานแต่งงานกับพี่สาวของเธอ “อย่าบอกนะว่าจะให้พี่สาวฉันย้ายเข้ามาอยู่เฉยๆ”
หญิงสาวถามพลางมองเอื้องเขม็ง
เอื้องได้แต่ตีหน้าเหยเก ไม่รู้จะตอบอย่างไร สุดท้ายจึงได้แต่เอ่ยปัดๆ ให้พ้นตัว ด้วยการโยนกลับไปให้เจ้านายหนุ่มเสียอย่างนั้น
“เอ่อ...เอื้องว่าเรื่องนี้คงต้องถามพ่อเลี้ยงดีกว่าค่ะ เย็นๆ อาจจะได้รู้กัน”
ศวิตาได้ยินคำตอบที่ไม่ช่วยให้ความกระจ่างอะไรแก่เธอเลยก็ชักโมโห จึงพูดด้วยน้ำเสียงสะบัดอย่างไม่ชอบใจเท่าใดนัก “แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่พอใจ ฉันจะได้ลากพี่สาวฉันกลับไปกรุงเทพด้วยกันเลย!”
“เอ่อ...”
พอเห็นว่าเด็กสาวชักจะทำสีหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ศวิตาก็ข่มความโกรธลง เธอไม่ควรระบายความรู้สึกกับเอื้อง เพราะคนผิดไม่่ใช่เอื้องแต่เป็นอีตาบ้าพีรวัส
“ขอโทษที่หงุดหงิดใส่เอื้องไปหน่อย” หญิงสาวพูดกับเด็กสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เอื้องจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันไม่ออกไปไหนหรอก อีตานี่ก็สั่งเหมือนคนบ้า ทำเหมือนฉันจะหนีออกไปไหนได้ อยู่กลางป่ากลางเขาเสียขนาดนี้”
ตอนท้ายเธอบ่นเสียงดัง...โดยไม่รู้เลยสักนิดว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้ย่างเท้าออกไปจากไร่ภคนันท์อีกต่อไป ซึ่งหากรู้อนาคตล่วงหน้า บางทีศวิตาอาจจะรีบหนีออกไปจากไร่นี้นับตั้งแต่วินาทีนี้ก็เป็นได้!
๐๐๐๐๐