หลินซูหนีออกมาจากกระท่อม และชายหนุ่มที่บอกให้ตนรับผิดชอบ ก็ควบม้ามาถึงเขตชานเมืองฉางไห่ก็ได้หยุดพักม้า
" ข้าจะทำยังไงดีนะ จะไปหาพี่ลู่เหยียนก็ได้ยินข่าวว่าเคลื่อนย้ายทัพกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว แล้วจะมีใครที่ช่วยข้าได้บ้าง ข้าไม่อยากกลับไปแต่งงาน แต่ถ้าข้าพบกับพี่ลู่เหยียนพี่ก็คงจะส่งข้ากลับเมืองหลวง ให้ข้าไปแต่งงานกับคนอื่นเป็นแน่ หรือไม่ป่านนี้พี่ก็คงจะมีฮูหยินและลูกน้อยไปแล้ว "
หลินซูที่นึกถึงคำพูดของอีกคนเมื่อครั้งยังเยาว์ มักจะเอ่ยให้ตนรู้สึกช้ำใจอยู่เสมอ ว่าตนเองนั้นไม่คู่ควรกับองค์หญิง
" ข้าควรต้องตัดใจสินะ ช่างเถอะแต่ตอนนี้คงต้องหาที่พักก่อนบนเขาอาจจะพอมีถ้ำ "
เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงได้ขี่ม้า เลาะไปตามเชิงเขาจึงได้พบกับถ้ำ ที่ไม่ลึกมากแต่ก็พอให้อาศัยอยู่ได้
"อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกันก่อกองไฟไว้รอบๆคงจะพอไล่สัตว์ร้ายได้ อดทนหน่อยนะในเมื่อเจ้าไม่อยากแต่งงานเจ้าก็ต้องอยู่เช่นนี้แหละองค์หญิงหลินซู "
หลินซูเอ่ยกับตัวเองเช่นนี้เป็นประจำ เมื่อได้พบกับความลำบาก ที่ตนเองนั้นเป็นผู้ไขว่คว้ามาเอง แต่จะให้ทำเช่นไรในเมื่อไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตนไม่ได้รัก
แม่ทัพลู่เหยียนขี่ม้ากลับมาที่พักม้าอีกครั้งก็เจอกับเหล่าทหารที่กำลังรออยู่ จึงได้เอ่ยถามออกไปว่าพบเจอกับองค์หญิงหรือไม่
" พวกเจ้าเจอกับองค์หญิงหรือไม่ เหตุใดจึงกลับมามือเปล่า "
ทหารที่เดินทางไปพร้อมกับตายายจึงเอ่ยขึ้น
"เจอขอรับท่านแม่ทัพ หากแต่องค์หญิงทรงควบม้าออกมาอย่างรวดเร็ว จนพวกข้าน้อยตามไม่ทันขอรับ"
"เจ้าว่าอะไรนะ องค์หญิงขี่ม้าออกมาจากทางที่พวกเจ้าเข้าไปเช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นหญิงผู้นั้นคือองค์หญิงหลินซูเช่นนั้นหรือ "
ลู่เหยียนเมื่อคิดตรึกตรองจนถี่ถ้วน ก็รู้สึกโมโหตัวเอง ที่มัวแต่คิดว่าหญิงผู้นั้นคือคนที่เคยร่วมรักกับตน จนลืมนึกถึงว่านางนั้นขี่ม้า ออกมาจากทางที่ทหารตนเข้าไป
" เป็นเจ้าเองหรอกหรือองค์หญิงน้อย ครั้งนี้ข้าโง่เขลาเอง แต่ข้าจะไม่โง่อีกเป็นครั้งที่สองเป็นแน่"
ลู่เหยียนเอ่ยกับตัวเองก่อนที่จะออกคำสั่งกับทหารที่ติดตามมา
" พวกเจ้ากลับไปเถอะ หยุนจือเจ้าตามข้ามา "
เมื่อออกคำสั่งกับทหารของตนและคนของฮ่องเต้แล้ว แม่ทัพลู่เหยียนก็ควบม้ากลับไปทางเดิมที่ตนมาพร้อมกับคนสนิท
"ท่านแม่ทัพจะไปที่ใดหรือขอรับ "
หยุนจือเอ่ยถามออกไปเพราะความสงสัย
"ข้าจะไปตามฮูหยินข้ากลับ "
"ฮูหยินหรือขอรับท่านแม่ทัพแล้วท่านไปมีฮูหยินตั้งแต่เมื่อใดกัน ข้าน้อยอยู่กับท่านทุกวัน เหตุใดจึงไม่รู้ว่าท่านรับฮูหยินขอรับ "
หยุนจือทำได้เพียงแค่สงสัยเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปอีก เพราะอีกคนก็ไม่ตอบอะไรเช่นกัน แม่ทัพลู่เหยียนควบม้าตามรอยมาจนถึงชานเมือง ก็บังคับให้เดินไปตามแนวเขาเดียวกันกับรอยเท้าม้า ที่คิดว่าน่าจะใช่ม้าของคนตัวเล็ก ในขณะที่กำลังขี่ม้าสำรวจอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ จึงได้รีบเข้าไปดูก็ได้เห็นกลุ่มชายเกือบสิบคน
กำลังพยายามจะฉุดคร่าผู้หญิงซึ่งก็คือหลินซูนั่นเอง หลินซูพยายามต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองทั้งเตะทั้งต่อย แม้จะถูกดาบฟันเข้าที่แขนจนเลือดไหลก็ยังคงกัดฟันสู้ ลู่เหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็รีบง้างกระบี่ฟาดฟันคนร้ายจนล้มตาย โดยมีหยุนจือคอยช่วยเหลืออยู่
ลู่เหยียนวิ่งไปถีบคนที่กำลังจะฟันดาบลงที่หญิงสาว พร้อมกับตวัดดาบใส่ที่คอจึงทำให้คนร้ายตายทันที มือหนาดึงคนตัวเล็กมาโอบกอด ก่อนที่จะหมดสติเพราะเหนื่อยหล้า และต่อสู้โดยที่ยังไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลานาน เมื่อสังหารคนร้ายจนหมดลู่เหยียนก็รีบพาคนตัวเล็กเข้าเมืองเพื่อพาไปหาหมอทันที
"นางเป็นเช่นไรบ้างท่านหมอ "
"นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับบาดแผลไม่ได้ลึกมาก ข้าน้อยใส่ยาแล้วอีกสี่ห้าวันก็จะดีขึ้น นางเพียงแต่ร่างกายอ่อนแอเพราะเหมือนจะยังไม่ได้กินอะไรเท่านั้น "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแม่ทัพลู่เหยียนก็รู้สึกสบายใจขึ้น
" หยุนจือเจ้าไปหาโรงเตี๊ยมสำหรับพักคืนนี้ เจ้าและข้าคนละห้อง "
"แล้วแม่นางท่านนี้ล่ะขอรับ "
หยุนจือที่สงสัยก็เอ่ยถามขึ้นทันที
" นางจะพักอยู่กับข้าเจ้าไม่ต้องสงสัยอะไร ต่อไปภายหน้าเจ้าจะรู้เอง"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหยุนจือก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เมื่อหาห้องพักได้แล้วลู่เหยียนก็พาคนตัวเล็กเข้าห้อง หยุนจือก็ได้แต่มองตามด้วยความสงสัย ตั้งแต่ติดตามแม่ทัพมาเกือบสิบปี ไม่เคยเห็นใส่ใจหญิงใดเท่านี้มาก่อน และดูแล้วท่านแม่ทัพเป็นห่วงหญิงสาวมากกว่า จะเป็นคนที่พึ่งรู้จักกันเสียอีก
" นอนพักซะนะองค์หญิงน้อยของข้า ในที่สุดข้าก็หนีเจ้าไม่พ้นสินะ จากนี้คงเป็นข้าที่จะตามเจ้าแล้ว ฮูหยินน้อยของข้า "
ลู่เหยียนเมื่อวางคนตัวเล็กลงแล้วจึงออกไปหาซื้อชุดมาเปลี่ยนให้กับคนตัวเล็ก และหาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ กว่าที่จะเช็ดตัวเสร็จลู่เหยียนก็ต้องบังคับตัวเองเป็นอย่างมาก เมื่อได้เห็นร่างกายของคนที่ตนโหยหาอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบไล้เนินอวบที่ไร้พงหญ้า จึงทำให้ความอดกลั้นและสติขาดลง
ใบหน้าอันหล่อเหลาบัดนี้กลับแทรกอยู่ที่ร่องถ้ำของคนที่ยังไม่ได้สติ ลิ้นร้อนดูดเลียกินน้ำหวานจากเนินอวบ จนคนที่หลับไปเริ่มสงเสียงคราง
"อื้ออ อ่ะ อ๊าา อื้ออ"
ตอนนี้ลู่เหยียนได้ยินเสียงอีกคนครางอย่างพอใจ ก็ยิ่งดูดเลียกินอย่างอร่อย
" อ๊าา อ่ะ เจ้าเป็นใครกัน อื้ออ ปล่อยข้านะ"
" ข้าเอง สามีของเจ้าไงละ"
“อื้ออ ท่านเอง อ๊าาหรือ อ่ะ ซี๊ดด อ๊าา ปล่อยข้านะ"
"คำพูดกับร่างกายเจ้ามันไม่เหมือนกันเลยนะ ร่างกายของเจ้าออกจะชอบสัมผัสของข้า”
ลู่เหยียนดูดกินน้ำหวานจากคนตัวเล็กอย่างเอร็ดอร่อย จนน้ำรักพุ่งทะลักออกมาลิ้นสากก็ดูดเลียกินอย่างไม่รังเกียจ ลู่เหยียนจับขาสองข้างตั้งขึ้นก่อนจะกดแท่งรักลงไปจนมิด
"ส่วบ อ๊าา แน่นดีจริงๆ "
" อ๊าา ข้าเจ็บ อื้ออ เจ้ารังแกข้า อ๊าา อีกแล้ว "
" อ๊าาแล้วเจ้า อ๊าา ไม่ชอบ หรือ อ๊าา "
" อ๊าา อื้ออ ข้า อ๊าา ไม่ "
" อะไรนะ อ๊าา ซี๊ดด"
" อื้ออ ชอบ อ๊าา "
"อืมข้าได้ยินแล้ว อ๊าา เจ้าบอกว่า อ๊าา เจ้าชอบ อ๊าาให้ข้า อ๊าา กระแทก อ๊าา แรงๆ "
" อ๊าา เจ้าคน อื้ออ ป่าเถื่อน อ๊าา "
"เจ้าอยากเป็นเมียคน ซี๊ดด ป่าเถื่อนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ซี๊ดด อ๊าา ข้าเอาเก่งนะ อ๊าา ข้าจะเอาเจ้าทุกวัน”
ลู่เหยียนกดเอวสอบเข้าออก จนคนตัวเล็กปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า คนตัวเล็กก็ตอบสนองคนตัวโตถึงแม้จะบาดเจ็บ ลิ้นสากดูดเลียอกสวย ทั้งสองเริ่มบทรักหลายครั้งจนอิ่มเอมกันทั้งคู่ ลู่เหยียนจึงเช็ดตัวให้คนตัวเล็กแล้วหลับตามกันไป