5. เรือนริมน้ำ

1383 คำ
หลังจากได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้แล้ว องครักษ์คนของฮ่องเต้ก็ได้ออกตามหาแม่ทัพลู่และองค์หญิง " เราคงต้องไปหาทหาร ที่ติดตามท่านแม่ทัพไปเมื่อครั้งก่อนแล้วล่ะ จะได้สอบถามว่าท่านแม่ทัพไปที่ใดหลังจากนั้น " เมื่อพูดคุยกันเสร็จก็ออกเดินทางกันทันที ลู่เหยียนพาหญิงสาวมาที่เรือนริมน้ำหลังหนึ่ง หลินซูเดินตามคนตัวโตเข้าไปในบ้าน บรรยากาศที่เงียบสงบ และต้นหลิวที่ยืนต้นอยู่ข้างระเบียงกว้าง หลินซูยืนมองสายน้ำที่ทอดยาวออกไป พร้อมทิวทัศน์ที่สวยงาม แม่ทัพลู่เหยียนเดินมายืนซ้อนหลังคนตัวเล็กกว่า "ถ้าเจ้าชอบที่นี่เราก็จะอยู่ที่นี่กันเจ้าว่ายังไง" จึงทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าตัวแข็งทื่อ เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้น หลินซูหันกลับมาจึงทำให้ใบหน้าอยู่ใกล้กันมาก เพราะคนตัวสูงก้มลงมาพูดกับคนตัวเล็ก เมื่อสายตาสบกัน หัวใจก็เต้นรัว "ถ้าข้าอยากจะอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว ท่านจะยอมหรือไม่ " หลินซูเอ่ยกับอีกคนเพราะไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปพัวพัน กับคนที่อาจจะรู้จักกับแม่ทัพลู่เหยียน เพราะไม่อยากให้คนที่ตนหลงรักนั้น รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนอีก "ข้าอยากให้เจ้าจำเอาไว้ นับจากนี้ไปเจ้าอยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ที่นั่น และข้าอยู่ที่ไหนเจ้าก็ต้องอยู่ที่นั่นเช่นกัน" ลู่เหยียนเอ่ยกับคนตัวเล็กพร้อมรอยยิ้ม หลินซูเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเอ่ยออกมาทันที "เจ้าคนเถื่อนเจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้ข้าอยู่กับเจ้า ข้าไม่ต้องการให้เจ้ารับผิดชอบอะไรในตัวข้า" หลินซูเอ่ยออกไปยังฉุนเฉียว " ผิดแล้วข้าไม่ได้คิดที่จะรับผิดชอบเจ้า แต่เป็นเจ้าที่ต้องรับผิดชอบข้า " "?เจ้าพูดอะไรของเจ้า ทำไมข้าจะต้องรับผิดชอบเจ้าด้วย ข้าต่างหากที่เป็นคนเสียเปรียบเจ้า เเจ้าคนป่าเถื่อนเจ้ารังแกข้าถึงสองครั้งสองครา เจ้ายังจะบอกให้ข้าต้องรับผิดชอบเจ้าอีก เจ้ามันใช้ไม่ได้เลย"หลินซูเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจอีกครั้ง ลู่เหยียนยิ้มออกมาเมื่อทำให้คนตรงหน้าฉุนเฉียวได้ " เจ้ายังจะมายิ้มอีกเจ้าสนุกมากนักหรือไง ข้าจะไม่อยู่ที่นี่กับเจ้า ถึงข้าจะไม่มีที่อยู่ ข้าก็จะเร่ร่อนไปตามทางของข้า " ลู่เหยียนเมื่อได้ยินคนตัวเล็กพูดเช่นนั้น จึงใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดคนตัวเล็กไว้ หลินซูหัวใจกระตุกวาบอีกครั้ง ลู่เหยียนก้มลงจูบคนตัวเล็ก ลิ้นร้อนส่งผ่านเข้าควานหาลิ้นเล็ก ไม่นานคนตัวเล็กก็จูบตอบ ทั้งสองยืนกอดจูบกันอยู่ที่ริมระเบียงอยู่นาน ลู่เหยียนจึงถอนจูบออกแล้วจึงเอ่ยขึ้น "เจ้าไม่ได้รังเกียจข้าเสียหน่อย แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่อยากอยู่กับข้า ข้าจะดูแลเจ้าให้เจ้าเป็นฮูหยินของข้า " หลินชูเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ตนนั้นไม่ได้รังเกียจคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะไม่อยากพัวพันกับเหล่าทหาร ให้เป็นปัญหาในภายหน้า และคนตรงหน้าหากไม่มียศที่ใหญ่โตมากพออาจจะถูกพี่ชายของตนสั่งประหารก็เป็นได้ หลินซูได้แต่มองหน้าคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยขึ้น "ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าเป็นใครกัน และเจ้าไม่คิดจะถามข้าหรือว่าข้าเป็นใคร เจ้าบอกจะรับข้าเป็นฮูหยิน ของเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ถามเลยว่าข้าเป็นใครมาจากไหน" หลินซูเอ่ยความคิดของตนออกไป ลู่เหยียนเมื่อได้ยินคำพูดของคนตัวเล็ก จึงยิ้มออกมาก่อนจะตอบคำถามของคนตัวเล็ก " ข้าชื่อเหยียนฟาง และข้าไม่สนว่าเจ้าจะเป็นใคร ในเมื่อเจ้าเป็นของข้าแล้ว เจ้าก็จะต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว จะไม่มีชายคนไหนได้ครอบครองเจ้าอีก นอกจากข้าผู้เดียวจำไว้ " แม่ทัพลู่เหยียนเอ่ยบอกกับคนตรงหน้า หลินซูเมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจดวงน้อยก็พองโต เพราะเกิดมายังไม่เคยมีใครเอ่ยเช่นนี้กับตน จึงไม่คิดจะเอ่ยอะไรอีก ก่อนจะขอตัวกลับไปพักที่ห้อง เพื่อคิดทบทวนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ลู่เหยียนจึงปล่อยให้คนตัวเล็กใช้เวลากับตนเอง แล้วออกมาพบกับหยุนจือ ที่รออยู่ด้านนอก "เจ้าหาใครสักคนมาคอยรับใช้ฮูหยิน หาคนที่เจ้าคิดว่าไว้ใจได้ พร้อมกับบ่าวรับใช้ สำหรับอยู่ที่เรือนนี้ " ลู่เหยียน ออกคำสั่งกับคนสนิท หยุนจื่อสงสัยจึงได้ถามออกไป " เหตุใดท่านจึงคิดที่จะพำนักอยู่ที่นี่ ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เราตามหาองค์หญิงไม่ใช่หรือขอรับ แต่ทำไมท่านแม่ทัพถึงไม่ออกตามหาองค์หญิง หนำซ้ำยังรับแม่นางผู้นี้เป็นฮูหยินของท่านอีก ข้าน้อยงงไปหมดแล้วขอรับ " ลู่เหยียนเมื่อเห็นคนสนิททำหน้าสงสัย ก็อดที่จะนึกขำไม่ได้ ลู่เหยียนจึงเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้กับหยุนจือฟัง " ถ้าเช่นนั้นนางก็คือองค์หญิงหลินซู หรือขอรับท่านแม่ทัพ แล้วทำไมท่านแม่ทัพไม่ส่งกลับเมืองหลวงขอรับ หากฮ่องเต้ทรงรู้อาจมีโทษได้นะขอรับ " หยุนจือเอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วง ลู่เหยียนเมื่อได้ยินคนสนิทเอ่ยขึ้นเช่นนั้น ก็เข้าใจดีว่าหยุนจือนั้นเป็นห่วงตน แต่ตนก็มีเหตุผลที่ทำเช่นนี้ " เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ข้ารู้ดีว่าข้าทำอะไรอยู่ส่วนเรื่องส่งตัวองค์หญิงกลับเข้าวังหลวง คงต้องรอเวลาอีกสักระยะ " ลู่เหยียนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก "เหตุใดท่านแม่ทัพต้องรอเวลาขอรับ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นที่ค่ายทหารท่านจะทำเช่นไรขอรับ หากฮ่องเต้ทรงรู้ว่าท่านแม่ทัพกับองค์หญิง " หยุนจือไม่กล้าพูดต่อ "ต่อให้หัวหลุดจากบ่า ข้าก็ไม่มีทางปล่อยองค์หญิงไปแน่นอน และก็จะไม่ยอมให้องค์หญิงอภิเษกไปเมืองอื่นเช่นกัน " ลู่เหยียนเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น จนคนฟังก็รู้สึกตกใจกับคำพูดของแม่ทัพ ที่ตนติดตามมายาวนาน ผู้ที่ไม่เคยจะสนใจอิสตรีใด และคิดว่าชาตินี้คงจะไม่แต่งงาน แต่ตอนนี้กลับหวงแหนคนที่อยู่ในห้องมากกว่าชีวิตของตนเสียอีก เมื่อออกมาจากเรือนริมน้ำ หยุนจือก็ออกไปรับหญิงสาวที่ตนพอใจให้มาคอยอยู่ข้างกายองค์หญิงทันที หลินซูที่กำลังคิดว่าหากอยู่ที่นี่ ก็คงจะสบายใจกว่าที่จะต้องออกไปเร่ร่อนข้างนอก เพราะการอยู่ที่นี่อาจจะสามารถหลบทหารของพี่ชายไปได้อีกสักพัก “อยู่ที่นี่ก่อนนะหลินซู ถึงตอนนั้นค่อยหาทางไปอีกทีแล้วกัน” แม้จะเอ่ยบอกกับตนเองเช่นนี้ แต่หลินซูก็ยังรู้สึกว่าตนนั้นทำไมถึงไม่รังเกียจชายหนุ่มผู้นี้เลย "ทำไมทุกครั้งที่เจ้าคนเถื่อนสัมผัสข้า ทำไมถึงไม่รู้สึกรังเกียจ แต่กลับชอบสัมผัสของเจ้าคนเถื่อนนั่น แล้วเช่นนี้ข้าจะมีหน้าไปพบกับพี่ลู่ได้อีกยังไง และคงไม่สามารถกลับเข้าวังไปแต่งงาน กับองค์ชายต่างแคว้นได้ หากเสด็จพี่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ " หลินซูเอ่ยกับตัวเอง ก่อนจะเผลอหลับไป องครักษ์ที่ติดตามหาองค์หญิงและแม่ทัพเดินทางมาถึงชานเมืองฉางไห่แล้ว ตามทิศทางที่ทหารของแม่ทัพได้เอ่ยบอกมา " เราจะพักกันที่นี่ก่อนแล้วค่อยออกตามหาองค์หญิงและท่านแม่ทัพ หากยังอยู่ในเขตเมืองนี้คงตามหาไม่ยากนัก "
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม