ตอนที่ 3
“เมื่อกี้นี้..ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลย อ้อมกอดของคุณอุ่นจัง” คราวนี้หญิงสาวรู้แล้วว่าตัวเองถูกหลอกจึงต่อว่ากลับทันที
“ฮื้อ!!!..ไอ้คนฉวยโอกาส! นี่นายกล้าดียังไงถึงมาหลอกแต๊ะอั๋งฉัน..ห๊า!!!”
“ไม่ได้หลอกสักหน่อย ก็เมื่อตะกี้ผมเจ็บจริง ๆ แล้วคุณก็เป็นคนทำให้ผมเจ็บนะครับ” หญิงสาวที่เหลือบไปเห็นรถตัวเองเสียหายก็โวยลั่นขึ้นอีกครั้ง
“โห่!!!..รถฉ้าน!!!! ตาย ๆ หมดกัน”
“นี่เป็นอะไรมากมั้ยคุณ ก็แค่สีถลอกนิดเดียวเอง จะร้องโวยวายทำไมนักหนา เหมือนผมไปฆ่าพ่อคุณตายงั้นแหละ” ปุณณภพตามมากวนอารมณ์เธออยู่ที่รถ มธุสรขมวดคิ้วมุ่น เธอจ้องมองปุณณภพด้วยสายตาจับผิด เธอสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดอะไรเลยสักนิด
“นี่นายรู้อะไรมั้ย?..รถฉันน่ะ เป็นรถนำเข้า มีเพียงไม่กี่คันในโลก!” มธุสรตวาดเสียงดัง ราวกับเสียงไซเรนเตือนภัยก่อนจะยืนไว้อาลัยให้กับรถของตัวเอง
“นี่คุณ!!..อย่าบ่นนักเลยน่า ค่าเสียหายเท่าไหร่ ก็ว่ามา เดี๋ยวผมจัดการให้” ปุณณภพยักไหล่ขึ้นอย่างยียวน เขาอยากจะชดใช้ให้เธอ เพราะต้องการเบอร์มือถือของหญิงสาว ปุณณภพไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกอยากเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่เธอปากร้ายและเอาแต่ใจ แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดใจของเขาเหลือเกิน
“หึ! สภาพอย่างนายนะเหรอ..จะเอาเงินที่ไหนมาซ่อมรถให้ฉัน?” มธุสรเอ่ยขึ้นก่อนจะมองดูมอเตอร์ไซค์คันเก่า ๆ แล้วคิดในใจว่าเขาคงไม่มีปัญญาหาเงินมาซ่อมรถของเธอได้แน่ ๆ มธุสรพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก แต่เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์และแสดงท่าทางกวน ๆ ใส่เธอ
“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงไม่ทราบครับคุณผู้หญิง เรียกตำรวจเลยดีมั้ย?” ปุณณภพถามเสียงแข็ง ข้อหลังนี้ยังไงเขาต้องได้เบอร์ของเธอแน่ ๆ
มธุสรขมวดคิ้วมุ่น เธอจ้องมองปุณณภพด้วยสายตาจับผิด มาถึงตอนนี้เธอสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดอะไรเลยสักนิด
“เอาน่าคุณ! แค่พ่นสีไม่กี่กระป๋องเดี๋ยวรถคุณก็กลับมาสวยเหมือนเดิมแล้ว เอางี้สิ!..เดี๋ยวผมอาสาพ่นให้..เอาม่ะ ค่าสีเดี๋ยวผมออกให้เอง” เขาตอบอย่างยียวนเมื่อรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังดูถูกเขา
“นี่นาย!!..เห็นรถฉั้นเป็นของเล่นสมัยที่นายยังไม่หย่านมรึไง” มธุสรพูดเสียงแข็ง
“นี่คุณไม่เชื่อผมจริง ๆ เหรอ.. ว่าผมซ่อมรถให้คุณได้ เมื่อก่อนข้างกำแพงโรงเรียนก็ฝีมือของผมทั้งนั้นแหละ” ปุณณภพโอ้อวดทันที จนหญิงสาวหมั่นไส้
“อย่ามาโม้หน่อยเลย! เมื่อกี้นายก็เพิ่งจะโกหกฉันมาหยก ๆ นายไม่ได้เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ..แต่แกล้งทำเป็นเจ็บ”
“แต่ผมเจ็บขามาก ๆ เลยนะครับ...โอ๊ยยๆ!!! “ ปุณณภพตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ก่อนจะแกล้งนั่งลงไปทำทางเจ็บขาแล้วเงยมองหน้าหญิงสาวด้วยท่าทีที่ทำให้เธอเกือบจะปรี๊ดแตก แต่ก็พยายามสงบอารมณ์เอาไว้ มธุสรจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะพูดออกมาเพื่อต่อว่าชายหนุ่ม
“อย่ามาโกหกหน่อยเลย ฉันจะไม่มีทางหลงกลนายอีก ทำเป็นบอกปวดขา พอฉันเดินมาที่รถนายก็เดินปร๋อเชียว” มธุสรเบ้ปาก เธอไม่เชื่อคำพูดของเขาเลยสักนิด
“ก็ผมพยายามฝืนไงครับ” ปุณณภพตอบ
“นี่นายต้องการอะไรกันแน่?” มธุสรถาม
“ผมแค่อยากจะขอโทษคุณครับ” ปุณณภพตอบ
“ผมผิดเองที่ขับรถไม่ระวัง”
“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษของนาย!” มธุสรพูดเสียงดัง
“แล้วคุณต้องการอะไร?” ปุณณภพถาม
มธุสรเงียบไป เธอไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง เธอไม่ต้องการอะไรจากเขาเลย เพียงแค่อยากให้เรื่องมันจบ ๆ
“ผมขอเลี้ยงมื้อเช้าคุณ..เพื่อเป็นการขอโทษได้ไหมครับ?” ปุณณภพรีบบอกความประสงค์ในใจ
“เสียใจ! ฉันรีบ และฉันก็ไม่หิว!” มธุสรตอบกระแทกกระทั้น เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ตื๊อเธอไม่เลิก
“ส่วนค่าซ่อมรถเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“โธ่คุณ!!!”
“เอาเถอะๆ ...ฉันไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างนายแล้ว! ถือว่าแล้วกันไป! ฉันรีบ!!!” มธุสรพูดเสร็จก็สะบัดหน้าเดินขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าปล่อยให้เขาเรียกตำรวจ เธอเกรงว่าจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ และถึงยังไงเธอก็ต้องเป็นฝ่ายผิดอยู่วันยังค่ำ แล้วถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูผู้เป็นบิดาของเธอละก็ มธุสรก็เบื่อที่จะต้องมานั่งฟังเทศน์อีก
“สวยดี!!!..น่าเสียดาย..เอาแต่ใจชะมัด!” ปุณณภพสบถเสียงต่ำ ขณะมองร่างอรชรของหญิงสาวที่กำลังเดินสะบัดสะโพกจากไป เขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก เมื่อนึกถึงใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธของเธอเมื่อครู่
หญิงสาวรีบขับรถสปอร์ตคันหรูของตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับนักแข่งรถฟอร์มูล่าวัน โดยไม่สนใจปุณณภพที่ยังยืนงง ๆ อยู่ริมถนน ชายหนุ่มมองตามรถสปอร์ตคันหรูเตี้ยติดพื้นที่แล่นลับตาไปอย่างเสียดาย