"คะ คุณฟาริคว่ายังไงนะครับ" เสียงบัณฑิตเอ่ยถามฟาริคด้วยน้ำเสียงตกใจกับประโยคที่เพิ่งได้ยิน ไม่ต่างจากลูอิสที่กำลังแสดงสีหน้าคาดไม่ถึงเมื่อได้ยินว่าเจ้านายของตัวเองเอ่ยปากจะซื้อผู้หญิงคนนี้
ลูอิสทำงานกับฟาริคมานานถึงสิบปีแต่ไม่เคยเห็นฟาริคแยแสหรือสนใจผู้หญิงคนไหน เพราะสำหรับเจ้านายเขาแล้วงานคือที่หนึ่งเสมอและฟาริคเป็นคนที่ไม่ยอมขาดทุนหรือเสียผลประโยชน์ของตัวเองอย่างแน่นอน
ฟาริคใช้สายตาจับจ้องไปที่ดวงตากลมของเลย์ลาที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างมีความหวัง แต่เขาก็ต้องละสายตาออกจากเธอเมื่อบัณฑิตเอ่ยถามย้ำเขามาอีกครั้ง
"คะ คุณฟาริคจะซื้อจริง ๆ ใช่มั้ยครับ"
"ถ้ากูไม่ซื้อ มึงจะทำยังไง?"
"ผมก็คงต้องขายยัยนี่ให้กับเสี่ยชัยยศครับ เพราะผมต้องใช้หนี้คุณนี่ครับ"
มันเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด ไอ้แก่สารเลวตั้งใจจะขายลูกตัวเองให้กับเสี่ยเหี้ยอะไรสักอย่างเพื่อนำเงินทั้งหมดมาใช้หนี้เขา…เป็นพ่อคนแบบไหนถึงทำกับลูกสาวตัวเองได้ขนาดนี้
หมามันยังรักลูกตัวเองแต่ไอ้แก่นี่ทำตัวเสียชาติเกิด…หรือเขาควรจะยิงมันทิ้งไปเลยดี
"ห้าล้านแลกกับหนี้ที่แกมีอยู่"
"แต่ถ้าผมขายให้เสี่ยชัยยศผมมั่นใจว่าผมจะได้มากกว่านี้นะครับ" ฟาริคที่ได้ยินยังคงแสดงสีหน้าเรียบนิ่ง คนโลภไม่ว่ายังไงมันก็โลภอยู่วันยังค่ำ
"จะเอาเท่าไหร่"
"หกล้านห้าแสนครับ"
"พะ พ่อ!" เลย์ลาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ
"แลกกับการที่แกห้ามมายุ่งเกี่ยวกับเด็กคนนี้อีก "
"ครับ ผมยอมรับข้อตกลงทุกอย่างครับ ถ้าได้ในราคานี้"
"คุณฟาริคครับ" ลูอิสอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเรียกชื่อเจ้านายตัวเองเพื่อสื่อเป็นนัยว่าให้ฟาริคคิดใหม่อีกครั้ง
เขาไม่คิดว่าเจ้านายของเขาจะยอมตกลงกับข้อต่อรองที่เสียเปรียบแบบนี้
"ลูอิสมึงจัดการที่เหลือ ส่วนเธอมากับฉัน" ลูอิสชะงักอย่างคาดไม่ถึงเมื่อได้ยินคำสั่งของฟาริคแต่เมื่อเห็นแววตาจริงจังของผู้เป็นเจ้านาย ลูอิสจึงก้มหัวให้เขาและเอ่ยตอบรับคำสั่งนั้นทันที
"ระ รับทราบครับเฮีย"
"มาสิ" ก่อนที่ฟาริคจะสาวเท้าเดินจากห้องแบล็กรูมไป เขาก็ตวัดสายตาไปมองเลย์ลาก่อนจะเอ่ยเรียกให้เธอเดินตามเขามา
ถึงเขาจะเลื่อนเวลาการใช้หนี้ไปอีกหนึ่งเดือนหรือสองเดือน ยังไงไอ้คนสารเลวที่ตั้งใจจะขายลูกตัวเองมันก็คงทำแบบนั้นอยู่ดี
แววตาอันเจ็บปวดของเธอมันทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถที่จะปล่อยผ่านไปได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาตัดสินใจซื้อขาดผู้หญิงน่าสงสารคนนี้ เขาสงสารเธอ
เลย์ลาเดินตามฟาริคไปที่ห้องห้องหนึ่ง เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่ามันคือห้องทำงานที่แสนกว้างขวางมีโต๊ะทำงาน โซฟากลางห้องขนาดใหญ่ และแฟ้มเอกสารมากมาย
ตึกตึก
ฟาริคสาวเท้าเดินไปล้มตัวนั่งลงที่โซฟากลางห้องทำงานของตัวเอง เขาใช้มือดึงเนกไทของตัวเองให้คลายออกหลวม ๆ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองเลย์ลาที่ยืนตัวเกร็ง เธอก้มหน้าลงและกุมมือตัวเองแน่น
"เธอชื่ออะไร" เสียงทุ้มของมาเฟียหนุ่มเอ่ยถาม เลย์ลาก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาและเอ่ยตอบคนตรงหน้า
"หนูชื่อเลย์ลาค่ะ"
"อายุเท่าไหร่"
"ตอนนี้อายุยี่สิบเอ็ดค่ะ"
"อยู่กับมันมานานแค่ไหน พ่อของเธอน่ะ"
"หนูไม่ได้อยู่กับพ่อค่ะ หนูอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กจนอายุสิบห้าหนูก็ย้ายออกมาอยู่หอพักคนเดียวค่ะ"
"เคยโดนมันทำร้ายรึเปล่า" เลย์ลาที่ได้ยินคำถามก็ค่อย ๆ ส่ายหน้าออกมาก่อนจะเอ่ยตอบฟาริคกลับไป
"ไม่ได้โดนบ่อยขนาดนั้นค่ะ เพราะปกติพ่อไม่ได้มาสนใจเลย์ลาเท่าไหร่ สองสามเดือนถึงจะโทรมาค่ะ"
พ่อของเธอเป็นคนมีฐานะร่ำรวย แต่เขากับใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการพนันและสิ่งมึนเมามากมายจนพักหลัง ๆ เขาติดพนันหนักขึ้นและขาดทุนสะสมจนต้องไปกู้หนี้ยืมสินกับกาสิโนของฟาริค
ซึ่งเลย์ลาเธอถูกทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวตั้งแต่
เด็ก ๆ และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เลย์ลาตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่อายุสิบห้าปี
เธอทำงานหาเลี้ยงตัวเองและไม่คิดที่จะรบกวนเงินของพ่อเธอแม้แต่บาทเดียว เพราะทุกครั้งที่เธออ้าปากพูดถึงเรื่องเงินกับเขาเมื่อไหร่ เมื่อนั้นจะเป็นตอนที่เธอถูกทุบตี
"ก็แปลว่าเคยโดนสินะ แล้วแม่เธอล่ะไปไหน"
"แม่หนูเสียไปตั้งแต่ตอนที่หนูเกิดมาได้ไม่กี่เดือนค่ะ" คำตอบที่ได้ยินทำเอาฟาริคนิ่งไป แต่ฟาริคยังคงมีสีหน้าราบเรียบราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรแม้ในใจฟาริคจะรู้สึกสงสารเด็กผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าไม่น้อย
ทำไมชีวิตเธอถึงได้รันทดขนาดนี้กัน
"แล้วไม่ได้เรียนหนังสือเหรอ"
"เรียนค่ะ หนูได้ทุนร้อยเปอร์เซ็นต์เลยไม่ต้องจ่ายค่าเทอมค่ะ" เลย์ลาเอ่ยตอบฟาริคอย่างชัดถ้อยชัดคำ แม้ว่าเธอจะยืนตัวเกร็งอยู่เล็กน้อย
"คะ คุณไม่ได้จะขายหนูต่อให้ใครอีกใช่มั้ยคะ"
"หน้าฉันเหมือนคนเลวขนาดนั้นเลยเหรอ"
"มะ ไม่เหมือนค่ะ คุณใจดี" เลย์ลารีบตอบคำถามของฟาริค ในขณะที่เธอพูดคำว่าใจดีเรียวปากของเธอยกยิ้มขึ้นมาเบา ๆ จนทำให้ฟาริคชะงักมองรอยยิ้มนั้น
"ฉันไม่ใช่คนใจดีหรอก"
"ไม่ค่ะ คุณใจดีกับหนู สำหรับหนูคุณคือผู้มีพระคุณ…ขอบคุณจริง ๆ นะคะคุณฟาริค หนูจะทำตามคำสั่งของคุณฟาริคทุกอย่างเลยค่ะ หนูจะเป็นเด็กดีและจะช่วยเหลือคุณฟาริคทุกอย่างที่หนูทำได้เลยค่ะ"
ฟาริคที่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงใจและคำพูดที่ซื่อสัตย์พวกนั้นมันค่อนข้างสร้างความประทับใจบางอย่างให้กับมาเฟียหนุ่มไม่น้อย
ในตอนแรกเขาคิดเพียงว่าอยากซื้อเธอมาเพียงเพราะคำว่า ‘สงสาร’ คำเดียวไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝง
แต่ทว่าท่าทีน่าเอ็นดูของเธอตอนนี้มันกลับทำให้เขาเริ่มอยากเปลี่ยนจุดประสงค์ของตัวเองขึ้นมา
"งั้นไหน…เธอทำอะไรเป็นบ้างล่ะ"
"คะ?" เลย์ลาที่ได้ยินคำถามถึงกับชะงักก่อนที่เธอจะค่อย ๆ เม้มปากตัวเองเบา ๆ และเอ่ยตอบเขาไปว่า
"หนูทำได้ทุกอย่างที่คุณฟาริคต้องการค่ะ แต่ถ้าสิ่งไหนที่หนูทำไม่เป็น…หนูจะตั้งใจเรียนรู้ค่ะ"
คำตอบของเลย์ลาในครั้งนี้ยังคงสร้างความประทับใจให้ฟาริคไม่เปลี่ยน แม้สีหน้าของฟาริคที่ฉายออกมายังคงเป็นสีหน้าเรียบนิ่งและยากที่จะคาดเดาอยู่ดี
"เธอดูไม่กลัวฉันเลยนะ"
"คุณใจดี หนูไม่กลัวคุณ"
"เรียกตัวเองแบบที่ถนัด ไม่ต้องเรียกว่าหนูก็ได้" เลย์ลาชะงักไปอีกครั้งก่อนจะค่อย ๆ พยักหน้าตอบฟาริค
"งั้นหนูเรียกแทนตัวเองว่าเลย์ลาได้มั้ยคะ"
"อืม ถ้าถนัดแบบนั้นก็เรียกแบบนั้น"
"ค่ะ เลย์ลาถนัดแบบนี้ค่ะ" เหมือนที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด
แววตาเรียบนิ่งของฟาริคที่จ้องมองเธอไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวเลย เพราะเธอรู้สึกได้ว่าภายใต้สีหน้าและแววตาเรียบนิ่งนั้นมันมีความสงสารและเห็นใจเธอซ่อนไว้อยู่ เธอมั่นใจว่าเธอมองไม่ผิด
"ขอฟังเหตุผลที่เธอไม่กลัวฉันหน่อยสิ"
"ทำไมเลย์ลาต้องกลัวคุณฟาริคด้วยล่ะคะ?"
"ไม่กลัวของเลย์ลา ไม่ได้หมายถึงกำลังจะปีนเกลียวหรือไม่เคารพคุณฟาริคนะคะ แต่เลย์ลาหมายถึงความรู้สึกกลัวค่ะ เลย์ลาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวคุณฟาริคเลยนะคะ"
"คุณฟาริคมีอะไรให้เลย์ลาทำมั้ยคะ งานหรืออะไรที่คุณฟาริคอยากให้เลย์ลาช่วยคุณฟาริคบอกเลย์ลามาได้ทุกอย่างเลยค่ะ"
ก๊อก! ก๊อก!
ยังไม่ทันที่ฟาริคจะได้เอ่ยตอบอะไรเลย์ลา เสียงเคาะประตูห้องทำงานของเขาก็ดังขึ้นซึ่งมันเป็นเสียงเคาะของลูอิสลูกน้องคนสนิทของเขานั่นเอง ในตอนนั้นฟาริคจึงหันไปเอ่ยบอกกับเลย์ลา
"ออกไปรอข้างนอกก่อน"
"ค่ะคุณฟาริค" เมื่อได้ยินแบบนั้นเลย์ลาก็เอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนจะออกไปที่ประตู เธอยกยิ้มให้กับลูอิสที่ยืนอยู่เล็กน้อยก่อนจะเบี่ยงตัวออกไปนั่งรอด้านนอกตามคำสั่งของฟาริค สลับกับลูอิสที่สาวเท้าเดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารในมือ
"ผมจัดการเรื่องเอกสารแล้วครับ ส่วนอันนี้เช็คหกล้านห้าแสนบาทที่เฮียต้องเซ็นครับ แต่ถ้าเฮียเปลี่ยนใจผม…"
"กูไม่เปลี่ยนใจลูอิส" ไม่รอให้ลูกน้องคนสนิทของตัวเองพูดจบ ฟาริคก็สวนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเคยแต่คำตอบของเขาทำเอาลูกน้องคนสนิทอย่างลูอิสยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา
"มองหน้ากูแบบนั้นหมายความว่าไง"
"ผมแค่แปลกใจนิดหน่อยครับ คิดไม่ถึงว่าเฮียจะซื้อเธอคนนี้ เพราะปกติเฮียไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน"
"ไม่ได้สนใจแบบนั้น กูแค่สงสารเธอ"
"ทำหน้ากวนส้นตีนแบบนั้นหมายความว่าไง" เมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองยังคงแสดงสีหน้าหยอกล้อไม่เลิก ฟาริคจึงใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามลูอิส ฟาริคยกมือขึ้นมากอดอกพร้อมกับตวัดสายตามองหน้าลูกน้องของตัวเองนิ่ง
"ผมเปล่านะครับเฮีย"
"กูก็แค่สงสารเธอก็เท่านั้น มึงไม่คิดว่าเธอน่าสงสารเหรอ ถูกพ่อแท้ ๆ จับมาขายแบบนี้"
"น่าสงสารครับเฮีย"
"เออ กูก็รู้สึกสงสารเธอ เลยซื้อเธอมามันก็เท่านั้น ส่วนมึงไปจัดการหางานให้เธอทำ แล้วจัดการเรื่องเงินเดือนให้เธอด้วย"
อย่างที่บอกเขาซื้อเธอมาเพราะแค่สงสารเธอ การมีงานให้เธอทำและมีเงินเดือนเลี้ยงดูตัวเองได้…มันก็คงดีสำหรับเธอ
"ครับเฮีย รับทราบแล้วครับ"
"รับทราบแล้วก็ไป ๆ มึงรีบออกไปได้แล้ว กูจะทำงานต่อ"
"ครับเฮีย" ลูอิสรับคำสั่งของเจ้านายตัวเองแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบบ่นเบา ๆ อย่างไม่จริงจังขณะที่กำลังสาวเท้าออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายตัวเอง
"ตั้งแต่ไอ้เดียนไม่อยู่ ผมก็รับชะตากรรมคนเดียวเลย" เดียนคือลูกน้องคนสนิทของฟาริคอีกคนแต่ตอนนี้เขาได้มอบหมายให้เดียนไปอยู่ช่วยฟิลิกซ์น้องชายของเขาแทนแล้ว
เมื่อลูอิสเดินออกจากห้องไปฟาริคก็ดันตัวลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เขาหยิบเอกสารสัญญาและเช็คที่ต้องเซ็นขึ้นมา
ก่อนที่ฟาริคจะล้มตัวนั่งลงที่เก้าอี้บริเวณโต๊ะทำงานของตัวเอง มือเรียวหยิบเอกสารสัญญาขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้ง
แต่ในหัวของเขากลับมีแต่ภาพแววตาของเลย์ลาโผล่ขึ้นมาไม่หยุด แววตากลมโตของเธอที่จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่มีท่าทีหวาดกลัวแถมตอนเขาพูดกับเธอ เธอยังดูไว้ใจและซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำมากอีกด้วย
พรึบ
เมื่อในหัวไม่สามารถที่จะสลัดดวงตากลมโตของเลย์ลาออกไปได้ ฟาริคจึงเอนหลังลงที่เก้าอี้ทำงานของตัวเองและหยิบเอกสารขึ้นมาปิดที่ใบหน้าหล่อเพื่อต้องการสลัดภาพใบหน้าของเลย์ลาออกไปจากหัว