หลังจากแยกกับกวิน เลย์ลาก็เดินเข้ามาด้านในกาสิโน เธอใช้มือล้วงไปในกระเป๋าสะพายและหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาสแกนประตูด้านหน้าเพื่อจะไปที่ห้องพักของตัวเอง
"อ๊ะ! ตะ ตกใจหมดเลย"
แต่ทันทีที่ประตูเปิดออกเลย์ลาก็ต้องสะดุ้งเฮือกออกมาด้วยความตกใจเมื่อเจอฟาริคยืนพิงกำแพงและกอดอกมองเธออยู่
"ใครล่ะคนที่มาส่ง" ฟาริคเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแบบที่เขาชอบทำเป็นประจำ
"คุณฟาริคเห็นด้วยเหรอคะ"
"ทำไม ฉันเห็นไม่ได้หรือไม่ควรเห็นอย่างนั้นเหรอ?" คำถามของฟาริคทำเอาเลย์ลารีบส่ายหัวออกมารัว ๆ
"เลย์ลาแค่สงสัยเฉย ๆ ค่ะ ตอนนั้นเลย์ลาไม่เห็นคุณฟาริคก็เลยไม่นึกว่าคุณฟาริคอยู่ตรงนั้นด้วย"
"จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องอะไรที่ฉันต้องมาสนใจหรอก แต่ฉันบอกเธอเพราะว่าฉันหวังดี…เลย์ลา เธอไม่สมควรมีแฟนเวลานี้หรอกนะ เธอยังต้องตั้งใจเรียนแถมยังต้องตั้งใจทำงานไม่ใช่เหรอ"
"แต่ว่า…" เลย์ลาที่ได้ยินคำพูดของฟาริคก็แสดงสีหน้างุนงงออกมา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอื้อนเอ่ยอะไรต่อ
"ฉันไม่ได้อะไรกับชีวิตรักของเธอหรอก ที่ฉันบอกฉันก็แค่หวังดี"
"เลย์ลารู้ค่ะว่าคุณฟาริคหวังดีกับเลย์ลา แต่พี่คนนั้น…"
"คบกันไปตอนนี้เดี๋ยวในอนาคตก็เลิกกัน ฉันไม่ได้แช่งแต่พูดเพราะเห็นมาเยอะแล้ว" ฟาริคยังคงพูดขึ้นต่อแทบไม่เว้นช่องว่างให้เธอได้อธิบาย
"เลย์ลาเข้าใจค่ะ แต่เลย์ลาไม่ได้มีแฟนนะคะ เลย์ลายังไม่เคยมีแฟนเลยค่ะ" คำพูดของเลย์ลาทำให้ฟาริคที่คิดเองเออเอง พูดอยู่ฝ่ายเดียวชะงักเงียบไปในที่สุด
"คนที่มาส่งเลย์ลาเมื่อกี้ เป็นพี่ที่เลย์ลาทำงานด้วยค่ะ"
"ทำงานด้วย?"
"ค่ะคุณฟาริค เลย์ลาทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ มหาลัยค่ะ วันนี้ปิดร้านพร้อมกันพี่เขาก็เลยอาสามาส่งเลย์ลาค่ะ"
"เลย์ลาขอบคุณ คุณฟาริคมากนะคะที่หวังดีกับเลย์ลา เลย์ลาเข้าใจทุกอย่างที่คุณฟาริคพูดค่ะ แล้วเลย์ลาก็ไม่เคยนึกถึงเรื่องพวกนั้นอยู่แล้วค่ะ" เลย์ลาฉีกยิ้มหวานให้เขาหลังจากที่เอ่ยขอบคุณเขาจบประโยค
ฟาริคไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะในตอนนี้เขาได้ยินคำตอบที่ทำให้ตัวเองรู้สึกพึงพอใจแล้ว แต่ตอนนี้เขากับกำลังสงสัยเรื่องงานของเธอมากกว่า เธอกำลังเรียนอยู่ ทำงานที่กาสิโนของเขาตั้งแต่เย็นจนถึงเที่ยงคืน แล้วยังมีแรงไปทำงานพาร์ทไทม์อีกงั้นเหรอ
ตัวเธอก็แค่นี้ ขืนยังโหมทำงานอยู่แบบนี้จะเป็นผลดีหรือผลเสียกับตัวเธอกันแน่
"งั้นตอนนี้เธอทำอยู่สองงานแล้วก็เรียนหนังสือไปด้วยน่ะเหรอ"
"ใช่ค่ะคุณฟาริค"
"ไม่เหนื่อยหรือไง"
"ไม่ค่ะ เลย์ลาทำได้ค่ะ"
ครืด ครืด!
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรกลับไป เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ดังขึ้น ทำให้ฟาริคจำต้องหยิบมันขึ้นมากดรับ
"ฮัลโหล มีอะไร"
พอเห็นว่าฟาริคพูดคุยธุระเลย์ลาก็ก้มหัวให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านเขาไปที่ห้องตัวเองและกดรหัสห้องก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป
วันนี้เป็นวันสิ้นเดือนพนักงานหลายคนดูตื่นเต้นกับเงินเดือนที่จะได้รับ ยกเว้นเลย์ลาเพราะเธอรู้ตัวว่าตัวเองเพิ่งได้มาเริ่มงานไม่นาน บางทีเงินเดือนของเธออาจจะออกเดือนหน้าด้วยซ้ำ แต่เลย์ลาไม่ได้เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่นัก เพราะเธอมีเงินเก็บจากการทำงานพาร์ทไทม์ไว้เพื่อใช้จ่ายอยู่พอสมควร
เลย์ลาเป็นคนประหยัดและเก็บเงินเก่ง
แต่เมื่อถึงช่วงดึกของวันเลย์ลาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นการแจ้งเตือนยอดเงินที่เด้งเข้ามาในโทรศัพท์ของเธอเป็นเงินจำนวนห้าหมื่นบาทถ้วน ดวงตาที่เบิกตากว้างค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นแววตากังวลใจ เมื่อในหัวพลางนึกว่าอาจจะเป็นคนโอนเงินผิดมาหรือว่าเป็นวิธีดูดเงินแบบใหม่ของพวกมิจฉาชีพหรือเปล่า หรือไม่ก็เป็นเงินที่ฟาริคให้มาอย่างนั้นเหรอ
พอคิดทบทวนดูแล้วอันสุดท้ายน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด เลย์ลาจึงไม่รอช้ารีบสาวเท้าเดินไปที่ห้องทำงานของฟาริคทันที
ก๊อก! ก๊อก!
มือเรียวเคาะไปที่ประตูห้องทำงาน เมื่อได้ยินเสียงขานรับก็เปิดเข้าไปทันที
"คุณฟาริคยุ่งอยู่รึเปล่าคะ เลย์ลาขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย"
"นั่งรอก่อน" เลย์ลานั่งลงที่โซฟากลางห้องทำงานของฟาริค ดวงตากลมของเธอลอบมองเขาที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่เป็นระยะ
หรือจริง ๆ แล้วเธอมารบกวนการทำงานของเขาหรือเปล่า ไปถามเรื่องนี้กับคุณลูอิสก็น่าจะได้คำตอบเหมือนกัน
"คุณฟาริคคะ เดี๋ยวเลย์ลาไม่รบกวนคุณฟาริคแล้วดีกว่าค่ะ เลย์ลาขอตัวกลับก่อนนะคะ"
พอได้ยินแบบนั้นฟาริคก็ละสายตาออกจากเอกสารสำคัญที่อ่านอยู่และเงยหน้าไปมองเลย์ลา
"เดินมานี่สิ"
"คะ?"
"ฉันบอกให้เธอเดินมาหาฉัน" เลย์ลาได้ยินแบบนั้นก็สาวเท้าเดินเข้าไปหาเขา
"มีอะไรจะพูดกับฉัน"
"คุณฟาริคได้โอนเงินห้าหมื่นบาทมาให้เลย์ลาหรือเปล่าคะ"
"อืม ฉันเอง"
"มันคือค่าอะไรเหรอคะ"
"เงินเดือนของเธอ"
"แต่เลย์ลาเพิ่งทำงานได้ไม่กี่วัน แล้วจำนวนเงินห้าหมื่นมันก็เยอะเกินไปค่ะคุณฟาริค"
"เยอะแล้วไม่ดีเหรอ" ฟาริคเลิกคิ้วถามสีหน้าเรียบนิ่ง
"คุณฟาริคให้เงินเดือนเลย์ลาเหมือนพนักงานคนอื่น ๆ ก็ได้นะคะ"
"เมื่อไหร่เธอจะเลิกปฏิเสธฉันสักที"
"เลย์ลาแค่เกรงใจ เลย์ลารู้สึกว่าเงินห้าหมื่นมันเยอะเกินไปสำหรับค่าตอบแทนที่เลย์ลาควรจะได้มาก ๆ"
"เลย์ลา อะไรที่ฉันสั่งไปแล้วฉันไม่คืนคำ ต่อจากนี้เธอก็แค่ทำหน้าที่ของเธอแล้วก็รับค่าตอบแทนไป" เลย์ลาที่ได้ยินน้ำเสียงกำชับก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ก้มหน้าของตัวเองลง
จังหวะนั้นเขาเห็นว่าน้ำสีใสไหลออกมาจากใบหน้าของเลย์ลา ฟาริคเห็นแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย
"ร้องไห้ทำไม ฉันยังไม่ทันดุอะไรเลยนะ ฉันพูดเสียงดังไปงั้นเหรอ" เลย์ลาที่ได้ยินคำถามก็ส่ายหน้าออกมาเบา ๆ ทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
"เลย์ลา เดินมานี่" ฟาริคเอ่ยบอกให้เลย์ลาเดินเข้าไปหาใกล้ขึ้นกว่าเดิม แน่นอนว่าเลย์ลาต้องทำตามคำพูดของเขาอยู่แล้ว
เธอสาวเท้าเข้าไปหาฟาริคทั้งที่ใบหน้าใสของเธอยังคงก้มหน้างุดอยู่เพราะไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของเธอ
"เธอร้องไห้ทำไม"
"ฉันไม่ได้ดุ แต่ฉันเป็นคนพูดจาแบบนี้อยู่แล้ว"
"ฮึก เลย์ลาไม่ได้ร้องไห้เพราะคุณฟาริคดุ"
"เลย์ลาแค่ดีใจ ฮึก…ที่คุณฟาริคใจดีกับเลย์ลาขนาดนี้ เลย์ลาไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณคุณฟาริคยังไงแล้ว ฮืออ…ทำไมถึงใจดีกับเลย์ลาขนาดนี้กันคะ"
เกิดมายี่สิบเก้าปีไม่เคยพบเจอใครน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ สีหน้าราบเรียบของเขาที่ใช้จ้องมองเลย์ลา ใครจะรู้ว่าข้างในเขากำลังเริ่มรู้สึกหลงใหลและเอ็นดูเธอขนาดไหน
"มานั่งตักฉันสิ"
ถึงแม้จะขี้กลัวแต่เลย์ลาก็ยังคงเป็นเลย์ลา เธอเชื่อฟังฟาริคยิ่งกว่าใครเป็นไหน ๆ สองเท้าเล็กสาวเท้าเข้าไปหาเขาก่อนจะค่อย ๆ หย่อนก้นเด้งของเธอลงที่ตักแกร่งของฟาริค เพียงแค่ขาข้างเดียวก้นเล็กของเลย์ลาก็สามารถนั่งได้แบบสบาย ๆ
"เธอควรจะยิ้มให้ฉันมากกว่าร้องไห้ให้ฉันไม่ใช่เหรอ"
"ก็มันดีใจแล้วก็ซาบซึ้งเกินนี่คะ เลย์ลากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่"
"เลย์ลาไม่เคยเจอใครที่ใจดีกับเลย์ลาเท่าคุณฟาริคเลย ขอบคุณนะคะคุณฟาริค" เลย์ลาพนมมือเรียวสวยขึ้นมาก่อนจะยกมือไหว้ฟาริคลงที่กลางอกของมาเฟียหนุ่ม
ท่าทีน่าเอ็นดูพวกนั้นทำเอาฟาริคหลุบมองคนตัวเล็กนัยน์ตาคมจ้องมองเธออย่างไม่วางตา ถึงแม้จะรู้สึกเหมือนตัวเองแก่นิดหน่อยที่โดนเธอไหว้แบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอช่างน่าเอ็นดูจริง ๆ
"อย่าร้องไห้ ฉันไม่ชอบ" ฟาริคจับใบหน้าสวยของเลย์ลาให้เงยหน้ามาสบตาเขา มือแกร่งใช้นิ้วโป้งลูบไปที่น้ำสีใสเบา ๆ
ไม่รู้ทำไมเป็นแบบนี้ แต่เมื่อเห็นน้ำตาของคนตรงหน้าความรู้สึกร้อนรุ่มก็เกิดขึ้นในใจ เขารู้สึกไม่ชอบมันเอาซะเลย
"เลย์ลาพยายามฮึบอยู่ค่ะ" เลย์ลาเอ่ยตอบเสียงสะอื้นน่าเอ็นดูไม่เปลี่ยน จนเมื่อหยุดร้องไห้เลย์ลาถึงได้สติและรู้ว่ามือแกร่งของฟาริคอีกข้างกำลังโอบเอวบางของเธอไว้แน่น
แต่ไม่ต้องรอให้เธอขยับตัวไปไหน มือแกร่งอีกข้างที่ลูบไล้ใบหน้าของเธออยู่ก็เลื่อนลงมาสัมผัสที่ริมฝีปากอวบอิ่มทำเอาเลย์ลาหายใจติดขัดและนั่งตัวแข็งทื่อ
ภายในใจอยากจะเอ่ยเรียกชื่อชายตรงหน้า แต่ปากกลับไม่กล้าขยับเลยด้วยซ้ำ
ในตอนนั้นใบหน้าหล่อคมคายก็เลื่อนเข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ มือของเลย์ลาที่วางอยู่บนบ่าของฟาริคกำเสื้อของเขาแน่น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากอวบอิ่มของเธอถูกฟาริคเอื้อมไปประกบจูบ
เขาจูบเธอ