รมิตาผละออกห่างจากร่างสูงทันทีเมื่อเจ้าของตัวจริงเปิดประตูเข้ามาร้องถามด้วยน้ำเสียงตกใจ ใบหน้างามเบือนหน้าหนีไปทางอื่นยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออกลวกๆ
“ไม่มีอะไร พิมพ์มาหาพี่มีธุระอะไร”
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววไม่สบอารมณ์ที่ถูกขัดจังหวะอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงรักษาน้ำเสียงให้คงเรียบสงบ
“วันนี้เรามีนัดคุยเรื่องงานหมั้นกับคุณป้า พี่ธรณ์ลืมแล้วเหรอคะ”
“อ่อ งั้นไปเถอะ”
“ค่ะ”
แม้พิมพ์มาดาอยากจะรู้ว่าสถานการณ์เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็ไม่กล้าถามเขาในตอนนี้ ความสัมพันธ์ของเธอและธรณ์ยังไม่ถึงขั้นที่เธอจะสามารถละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขาได้
แต่อีกไม่นานหรอก รอให้เธอได้เป็นเจ้าของเขาทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยเสียก่อน เธอจะขจัดพวกริ้นไรที่ตามเกาะของของเธอออกให้หมด
ไฮโซสาวยิ้มหวานควงแขนว่าที่สามีในอนาคตอย่างออดอ้อนก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากห้องไปโดนไม่สนใจอีกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ในห้อง
มันชัดเจนแล้วว่าเขาเลือกใคร...
รมิตาทิ้งตัวลงพื้นพรมอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาที่หายไปช่วงหนึ่งไหลออกมาอีกครั้ง เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นรู้สึกราวกับว่าหัวใจเจ็บปวดคล้ายถูกมีมีดแหลมคมกรีดลงกลางอก
เธอกำลังหวังอะไรอยู่กันนะ…
แม้แต่เศษเสี้ยวหางตาเขายังไม่หันกลับมามอง
จากที่เคยคิดว่าอยากให้เวลาหมุนช้าลงกว่านี่เพื่อที่จะได้อยู่ข้างกายเขานานขึ้น แต่ตอนนี้รมิตาอยากให้เข็มทิศของนาฬิกาเดินเร็วกว่านี้อีก ข้ามไปอีกสองเดือนหน้าได้เลยยิ่งดี
ภายในห้องไพรเวทของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ตั้งอยู่ในโรงแรมระดับห้าดาว เจื้อยแจ้วไปด้วยเสียงของหญิงวัยกลางคนสองคนกำลังคุยกันอย่างออกรส คนหนึ่งคือคุณหญิงพรเพ็ญมารดาของพิมพ์มาดาอีกคนคือคุณหญิงรินลณีมารดาของธรณ์
หัวข้อของการสนทนาคือการกำหนดงานหมั้นของสองตระกูลดัง
“คุณพี่อยากจัดงานที่ไหนคะ ในไทยหรือต่างประเทศดี”
“อันนี้ต้องแล้วแต่พวกเด็กๆ เขานะคะหรือทางหนูพิมพ์ว่ายังไงดี” คุณหญิงรินลณีหันไปยิ้มอ่อนโยนให้ว่าที่คู่หมายของบุตรชายที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของเธอในอนาคต
“อันนี้พิมพ์แล้วแต่ทางผู้ใหญ่เลยค่ะตัวพิมพ์ไม่ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว”
พิมพ์มาดาตอบอย่างเขินอายเมื่อถูกเอ่ยถามถึงวันสำคัญของเธอกับธรณ์ ชายผู้เป็นที่หมายปองของสาวๆ
“ยัยพิมพ์เป็นแบบนี้ตลอดเลยค่ะคุณพี่ เป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ น้องละกลั๊วกลัวเผื่อเจอคนไม่ดีมาหลอกกลัวแกจะไม่ทันคนนะคะ”
พรเพ็ญกล่าวอย่างมีจริต หางตาลอบมองบุตรสาวเพียงคนเดียวด้วยนัยแอบแฝง
“ดีซะอีกค่ะคุณเพ็ญ นี่ถ้าลูกชายฉันเชื่อฟังพ่อแม่เหมือนหนูพิมพ์คงจะเบาใจไปเปลาะหนึ่งเลยล่ะ”
“ธรณ์เองก็ดีกรีไม่ธรรมดานะคะทั้งเก่งทั้งหล่อและยังฉลาดอีก น้องละรู้สึกเป็นเกียรติมากที่เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“คุณแม่ก็ พูดอะไรแบบนั้นล่ะคะ” พิมพ์มาดาบิดตัวไปมาใบหน้าแดงเป็นริ้วๆ หลุบตามองใบหน้าหล่อคมทั้งนั่งตรงข้ามด้วยความเก้อเขิน
“เรื่องจริงทั้งนั้นจริงไหม ตาธรณ์”
“ธรณ์!”
“ครับ”
“เหม่ออะไร เจ้าลูกคนนี้นิผู้ใหญ่กำลังคุยเรื่องสำคัญอยู่นะ”
เรื่องสำคัญอะไรมีแต่อวยกันไปมาจนเอียน คุยแต่เรื่องไร้สาระและน่าเบื่อ
“ขอโทษครับพอดีผมคิดเรื่องงานที่บริษัทนิดหน่อย”
“เจ้าลูกคนนี้นิ มันใช่เวลาคิดเรื่องงานไหม” คุณหญิงรินลณีเอ็ดลูกชายด้วยการตีแขนล่ำๆ เบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณพี่คนเป็นประธานบริษัทก็คิดเรื่องงานเรื่องหุ้นเป็นธรรมดา ดีซะอีกค่ะขยันทำงานแบบนี้ธุรกิจของธารารินต้องเติบโตมากๆ ในอนาคตแน่นอน”
พรเพ็ญฉอเลาะอย่างเอาใจ แน่นอนว่านี่คือถังทองขนาดใหญ่ที่จะทำให้เธอและลูกสาวมีกินมีใช้ตลอดชาติก็ไม่หมด
“ตอนพี่ธรณ์ทำงานคงดุมากแน่ๆ นะคุณป้า พิมพ์เห็นดุเลขาจนร้องไห้แน่ะ”
คุณหญิงรินลณียิ้มเจื่อน หันไปมองบุตรชายด้วยสายตาไม่พอใจจนพิมพ์มาดาสังเกตเห็น
ข่าวลือเรื่องเลขาคนนั้นหล่อนพอจะได้ยินมาบ้าง แต่แน่นอนว่าผู้หญิงไร้สกุลรุนชาติคนนั้นพิมพ์มาดาไม่คิดว่าหล่อนจะมีค่าพอที่จะมาเป็นคู่แข่งของหล่อนหรอก อย่างมากก็เป็นแค่ของหวานล้างปากชั่วคราวของธรณ์ก็เท่านั้น
“ตาธรณ์เป็นคนจริงจังกับงานนะจ๊ะ เอ๊ะเมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนแล้วนะคะคุณเพ็ญ”
คุณหญิงรินลณีรีบเปลี่ยนเรื่องกลัวว่าข่าวคาวๆ ของบุตรชายจะกระฉ่อนดังไปเข้าหูฝ่ายนั้นจนไม่พอใจแล้วไม่อยากเกี่ยวดองกับครอบครัวของนาง
ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยังคุยจ้อกันไม่หยุดจนกระทั่งธรณ์เอ่ยขอตัวกลับเขามีประชุมกับผู้บริหารต่างประเทศในช่วงบ่าย
“คุณแม่ตามมาจับผิดผมอีกหรือไงครับ”
ธรณ์เอ่ยถามมารดาที่นั่งโดยสารอยู่ด้านข้าง ทั้งที่ดวงตาและสองมือจับจ้องอยู่กับการขับรถบนท้องถนน
“เห็นแม่เป็นคนอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่ขอติดรถลูกชายเข้าบริษัทแค่นั้นเอง”
คุณหญิงรินลณีหัวเสียเล็กน้อยที่ถูกลูกชายจับไต๋ได้ แต่นางมีหรือจะยอมรับตรงๆ ว่าตามมาจับผิดเจ้าสมภารกับไก่วัดที่ขยันสร้างข่าวลือเสียหายให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง
“ร้อยวันพันปีคุณแม่ไม่เคยคิดจะเข้าบริษัท”
ตั้งแต่สามีนางยกตำแหน่งประธานให้บุตรชายบริหารนางก็ไม่เคยเข้ามาที่ธารารินสักสามปีเห็นจะได้
“ธรณ์แม่ถามจริงๆ เถอะกับแม่เลขาของลูกนี่ยังไงเมื่อไหร่จะเลิกสักที นี่ก็นานกว่าคนก่อนๆ มากแล้วนะ”
มาถึงขนาดนี้แล้วคุณหญิงรินลณีก็ยอมเปิดปากพูด
“คุณแม่คงไม่ลืมเรื่องที่ผมยอมหมั้นตามคำสั่งของคุณแม่หรอกนะครับ”
ภายนอกดูเหมือนธรณ์จะไม่สะทกสะท้านกับคำถามของมารดาแต่ทว่าแท้จริงในใจเขากำลังเดือดปุดๆ
ถูกขัดจังหวะระหว่างที่กำลังคุยเรื่องสำคัญกับรมิตาแล้วยังต้องมานั่งฟังเรื่องไร้สาระอีกเป็นชั่วโมง พอรีบกลับมารดาของเขายังตามมาสอดส่องและเหมือนจะก้าวข้ามเข้ามาถึงเรื่องส่วนตัวของเขาอีก
“แล้วหนูพิมพ์เขาจะรับได้ยังไงถ้าผู้ชายที่จะหมั้นหมายมีเมียเก็บ ถ้าไกลตัวยังพอว่าแต่นี่ เฮ้อ!”
“รับไม่ได้ก็ยกเลิกงานหมั้นไปครับ ผมไม่ได้อยากหมั้นแต่แรกอยู่แล้ว”
“ตาธรณ์!”
“คุณแม่ตกลงกับผมแล้วนะครับว่าจะไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องนี้ถ้าผมยอมหมั้นตามที่คุณแม่ต้องการแต่ถ้ายังมาบังคับกันไม่เลิกแบบนี้ ผมทำอะไรได้บ้างคุณแม่น่าจะทราบดี”
คุณหญิงรินลณีนั่งเงียบเถียงไม่ออกสักคำ ในบรรดาลูกชายทั้งสองคนของนาง ธรณ์ที่เป็นบุตรชายคนโตที่ได้รับนิสัยใจคอมาจากสามีของนางแทบทั้งหมด
ธรณ์นั้นดูเยือกเย็นสุขุมแต่หากว่าถูกกดดันหรือบีบบังคับมากๆ เขาจะกลายเป็นทะเลเพลิงที่พร้อมแผดเผาทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ต่างจากธันณ์บุตรชายคนเล็กที่ใจเย็นมีเหตุผลดั่งธารเย็นๆ ที่ไหลเอื่อยอยู่ตลอดเวลาถึงบางครั้งจะไม่หือไม่อือมากไปจนมารดาอย่างนางหงุดหงิดก็เถอะ
แต่เรื่องนี้จะมาโทษนางคนเดียวได้อย่างไรถ้าไม่มีข่าวลือเรื่องสมภารกินไก่วัดดังว่อนมาถึงหูนางมีหรือที่นางจะยัดเยียดให้บุตรชายรีบมีครอบครัวเป็นหลักเป็นฐาน
นี่แหละนางถึงได้ต้องตามบุตรชายมายังบริษัทอยากจะเห็นหน้าแม่เลขาไก่วัดตัวงามนั่นสักครั้ง!
จะงดงามแพรวพราวขนาดไหนกันเชียวลูกชายนางถึงหลงหัวปักหัวปำเช่นนี้
ทันทีที่คุณหญิงรินลณีก้าวขาเข้ามายังธารารินอินดีสเทีรยลก็ได้รับการเคารพตั้งแต่รปภ. จนถึงชั้นผู้บริหาร นางมองสำรวจบริษัทที่สู้ฝ่าฟันธุรกิจสิ่งพิมพ์มากับสามีจนยกให้ลูกชายบริหารก็ยิ่งเติบโตขึ้นมากกว่าเดิมอีก
แม้ธรณ์จะดื้อรั้นไปบางแต่ในมุมของการทำงานนางค่อนข้างภูมิใจและชื่นชมในความสามารถของลูกชายคนโตเป็นอย่างมาก
“สวัสดีครับคุณหญิง” ชยพลยกมือไหว้นอบน้อม กล่าวทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะหุบลงเมื่อหันไปเจอเจ้านายตัวเองที่ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่
“มิตาไปไหน”
เมื่อไม่เห็นร่างสวยของเลขาคนโปรดที่ปกติจะนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานหน้าห้องของเขา ดวงตาคมของประธานหนุ่มตวัดสายตาไปที่มือขวาของตัวเองทันที
“อยู่ที่ห้องเอกสารครับ”
“อืม”
“มาถึงก็ถามหากันเลยนะ”
ประโยคเสียดสีของมารดาไม่ได้ทำให้ธรณ์ใส่มากนัก รู้สึกดีเสียอีกที่รมิตาไม่นั่งอยู่ตรงนี้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่รู้ว่ามารดาจะแผลงฤทธิ์อะไรใส่คนของเขาบ้าง
และแน่นอนว่าถึงต่อให้เป็นแบบนั้นเขาก็ไม่มีทางยอมให้ใครมารังแกผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘ผู้หญิงของธรณ์’ ได้อย่างเด็ดขาด
“ถ้าคุณแม่สำรวจจนพอใจแล้วก็ให้ชาไปส่งที่บ้านนะครับ ผมมีงานต้องทำต่อ”
ว่าแล้วก็เดินดุ่มๆ เข้าห้องทำงานของตัวเองไปเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างดุจกำแพงสูงใหญ่และมั่นคง
“ดูนะชา เจ้านายเธอเย็นชาแม้แต่กับแม่ตัวเอง” นางบ่นไม่จริงจังนัก
“ช่วงนี้ท่านประธานงานเยอะนะครับ มีเรื่องเครียดด้วยผมว่า…”
“ย่ะๆ รู้แล้วฉันจะกลับแล้วไม่ต้องเอาเรื่องงานมากดดันนักหรอก พอกันทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง หึย”
ครั้งนี้ถือว่าโชคดีไปแต่ครั้งหน้าไม่พลาดแน่นอน นางยังไม่อยากกวนน้ำให้ขุ่นในตอนนี้ ขนาดที่ว่าคนหัวรั้นอย่างธรณ์ยอมหมั้นตามที่นางต้องการเพื่อแลกกับไม่ให้ยุ่งเรื่องของเลขาสาวคนนั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงไม่ธรรมดา…