คุณกอบเกื้อเจ้าของกิจการโรงเรียนเอกชนรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของงานเลี้ยงในวันนี้เข้ามาทักทาย แม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้วแต่ยังคงความหนุ่มแน่นแข็งแรงดูดีตามแบบฉบับผู้ดีเก่าต้นตระกลูมีเชื้อสายเจ้าทางเหนือ ด้านข้างของกอบเกื้อมีชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับทั้งธรณ์และดิฐากรและเป็นคนที่ทั้งสองคนรู้จักกันดี
ในนามของคู่แข่งทางธุรกิจ
เขม เขมทัต
“สวัสดีครับ”
ธรณ์และดิฐากรยกมือไหว้คนที่มีอายุมากกว่าด้วยความเคารพ
“คนข้างๆ นี่ผมคงไม่ต้องแนะนำพวกคุณน่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว” กอบเกื้อพูดติดตลก รู้กันทั้งวงการว่าธรณ์และเขมทัตไม่กินเส้นกันมาแต่ไหนแต่ไร
“ครับ เรารู้จักกันดี” เขมทัตตอบยียวน
“ครับรู้จักดี ถึงจะไม่ค่อยอยากรู้จักสักเท่าไหร่ก็เถอะ”
คำพูดเถรตรงของดิฐากรทำให้รอยยิ้มของเขมทัตหุบลง เขาไม่ได้สนใจดิฐากรสักเท่าไหร่หรอก แต่ก็อดรำคาญไม่ได้
“แน่นอนว่าผมรู้จักคุณธรณ์ส่วนคุณ…โทษครับชื่ออะไรนะ”
“อ้าวไอ้…”
“เดียว!” เสียงเรียกของธรณ์ทำให้ดิฐากรเงียบลง
ดิฐากรณ์เก็บอารมณ์ไม่เก่งคิดเช่นไรแสดงออกเช่นนั้นต่างจากธรณ์ รายนั้นเยือกเย็นสีหน้าไร้อารมณ์สงบนิ่งไม่มีใครรู้ว่าภายในหัวของเขากำลังนึกคิดสิ่งใด
“ขอโทษครับคุณกอบ ที่เพื่อนผมเสียมารยาท”
“เล็กน้อยน่าคุณธรณ์ วัยรุ่นก็แบบนี้เลือดร้อนกันดีเห็นแล้วยังอิจฉา” กอบเกื้อรู้สึกชื่นชมหนุ่มรุ่นน้องคนนี้เสมอ ธรณ์เป็นนักธุรกิจที่มากด้วยความสามารถทั้งที่อายุยังน้อย แบบที่หาตัวจับได้ยากเลยทีเดียว
“ได้ข่าวว่าคุณกำลังจะหมั้น ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วยนะ”
เขมทัตไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ เขาต้องการปั่นหัวธรณ์ทุกครั้งเมื่อสบโอกาส อยากทำลายใบหน้าเย่อหยิ่งแสนเย็นชานั่นให้ย่อยยับคามือ
“ขอบคุณ”
“ว่าที่คู่หมั้นของคุณคือน้องพิมพ์หรือเปล่านะถ้าผมจำไม่ผิด”
ถ้อยคำที่เหมือนรู้จักสนิทสนมกับพิมพ์มาดา ทำให้คิ้วเรียวเริ่มกระตุกเล็กน้อยอย่างขัดเคืองถึงจะเพียงนิดเดียวแต่คนที่ลอบสังเกตมาโดยตลอดอย่างเขมทัตก็เล็งเห็น
“รู้จักคู่หมั้นของผมด้วยเหรอ”
“แน่นอนครับเราเคยไปทานข้าวด้วยกันสองสามครั้ง อ๋อพอดีน้องพิมพ์เป็นเพื่อนน้องสาวผมนะครับ โลกกลมจังเลยเนาะว่าไหม”
“ครับ แต่ตอนไปคงไม่ต้องรบกวนคุณเขมแล้ว ผมดูแลคู่หมั้นของผมได้”
“หึ ดูแลดีๆ ก็แล้วกัน ผมต้องขอตัวก่อนไว้เจอกันนะครับ” เขมทัตกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะลากอบเกื้อแล้วเดินจากไป
“พวกคุณดูสนิทกันดีนะครับ” ไม่รู้กอบเกื้อหมายความอย่างที่พูดจริงๆ หรือแค่แกล้งหยอกธรณ์เล่น
“ครับ สนิทกันดี” ธรณ์ตอบรับอย่างสุภาพแต่ซ่อนรอยยิ้มร้ายเอาไว้
แม้ว่าใครๆ จะดูไม่ออกแต่ดิฐากรที่เป็นเพื่อนสนิทมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าธรณ์กำลังมีแผนการบางอย่าง
“ดีแล้วครับ คนในแวววงเดียวกันสนิทกันไว้ไม่เสียหาย อ๊ะผมมารบกวนเวลาของพวกคุณสินะ งั้นขอตัวนะครับหวังว่างานเลี้ยงวันนี้จะถูกใจทุกคน”
สองหนุ่มตอบรับเจ้าของงานอีกครั้ง ก่อนจะทั้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มหลังจากกอบเกื้อเดินออกไป ธรณ์หยิบแก้ววิสกี้ของตัวเองขึ้นมาดื่มจนหมดส่วนดิฐากรก็ดื่มแก้วของตัวเองเช่นกัน
“กูนึกว่ามึงชอบน้องเลขาคนสวยซะอีก” ดิฐากรยกขาขึ้นไขว้ขาเอนส่วนหลังพิงพนักกับขอบโซฟา
“ทำไม”
“ก็ดูมึงหวงคู่หมั้นจนออกนอกหน้า สรุปมึงเต็มใจหมั้นหรือโดนบังคับวะ”
“ถ้ากูไม่ทำอย่างนั้นเหยื่อก็ไม่กินเบ็ดนะสิ”
ดิฐากรเอียงคอสงสัย มองสีหน้าเรียบเฉยแฝงไปด้วยความเย็นชาอย่างไม่เข้าใจ
“มึงก็รู้ว่าไอ้เขมมันเป็นคนยังไง มันนะหมาลอบกัดรอบที่แล้วก็พึ่งแย่งตัวพรีเซนเตอร์ของธารารินไป มึงไม่กลัวว่ามันจะคิดแย่งคู่หมั้นมึงไปเหรอวะ”
“ก็แย่งไปสิ” ใบหน้าคมแสยะยิ้มออกมาราวกับตัวร้าย
“ไอ้เหี้ย อย่าบอกนะว่ามึง!”
ท่าทางตกใจของดิฐากรไม่ได้ทำให้ธรณ์เปลี่ยนยิ้มร้ายนั้นออกจากใบหน้า
ช่วยไม่ได้นี่น่า เพื่อแลกกับการที่คุณแม่บังเกิดเกล้าไม่เข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาถึงปฏิเสธเรื่องหมั้นไม่ได้ แต่ถ้าฝ่ายหญิงอยากถอนหมั้นเองมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาซะหน่อย
“มิตา”
เสียงกระซิบเบาๆ ชิดริมหูไม่ได้ทำให้คนที่นอนตะแคงสบายตื่นแต่อย่างใด ซ้ำยังหลบลมหายใจเบาๆ ที่รบกวนการนอนด้วยการพลิกตัวหันไปอีกข้าง ธรณ์ใช้นิ้วเกลี่ยวนบนแก้วของคนที่ยังหลับสนิทอย่างอ่อนโยน
รมิตาเป็นคนสวยแม้กระทั่งในยามที่ใบหน้าไร้เครื่องสำอางยังงามพริ้ม ริมฝีปากอวบที่เผยอน้อยๆ มันดูน่ารักมากๆ จนไม่อยากให้ใครได้เห็น
เขาหวงเธอ…
ปกติธรณ์เป็นคนขี้หวงอยู่แล้ว แต่สำหรับรมิตามันมากกว่านั้น
“มิตาครับ…”
กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ผสมอาฟเตอร์เซฟเย็นๆ กับความนุ่มชื้นประทับลงที่ริมฝีปากทำให้ร่างบางที่นอนหลับสนิบเริ่มขยับตัว
“อื้อ คุณธรณ์”
แม้ดวงตายังหลับสนิทแต่เรียกชื่อคนที่มารบกวนการนอนของเธอด้วยความเคยชิน ทำให้คนร่างสูงที่นั่งอยู่บนขอบเตียงคลี่ยิ้มบางๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ง่วงเหรอ…หืม”
ไร้วี่แววการตอบกลับ ดวงหน้าหวานกำลังเคลิบเคลิ้มกับห่วงนิทราวันนี้เลขาคนงามคงเหนื่อยมากเลยสินะ ขนาดเขาเปิดประตูเข้ามาตั้งนานจนกระทั่งอาบน้ำเสร็จเธอยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
ธรณ์ลูบแก้มขาวเนียนอีกครั้งใบหน้าคมคายเผยรอยยิ้มเล็กๆ มือใบหน้าขาวเนียนซุกแก้มคลอเคลียเข้าหาฝ่ามือราวกับแมวตัวน้อยกำลังออดอ้อน
‘น่ารัก’
วูบหนึ่งในความคิดผุดขึ้นมาในหัว
ร่างสูงก้มลงไปหอมฟัดแก้มนุ่มเบาๆ อย่างมันเขี้ยว ก่อนจะเบียดร่างของตัวเองขึ้นไปบนเตียงกว้างพลิกร่างนุ่มของคนที่หลับสนิทขึ้นมาเกยบนอกแล้วหลับตาลงไปพร้อมกับกอดร่างของอีกคนเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าร่างบอบบางนี้จะหายไป