งานเลี้ยงที่ว่าจัดขึ้นที่ ‘คลับเฮ้าส์’ คลับสำหรับชนชั้นสูงเป็นสถานที่ที่เหล่าคนดังในแวววงไฮไซ บันเทิง และนักการเมืองมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง มีการดูแลความปลอดภัยแน่นหนา คนที่จะสามารถเข้ามาใช้บริการที่นี่ได้มีเพียงสมาชิกที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีเท่านั้น
ชั้นบนสุดของคลับเป็นชั้นที่ไม่มีใครสามารถย่างกรายขึ้นมาได้ง่ายๆ เพราะเป็นส่วนที่มีไว้สำหรับสมาชิกวีวีไอพีเท่านั้นและหนึ่งในเมมเบอร์แสนสำคัญคือธรณ์ พัชรวิทิต ชายร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งราวกับเทพบุตรที่ไม่ว่าจะเดินผ่านไปที่ใดล้วนแต่มีคนก้มหัวยอมศิโรราบให้เขาง่ายๆ ทั้งนั้น
“มาสาย”
เสียงตำหนิไม่ได้ทำให้ใบหน้าเรียบสงบของธรณ์เปลี่ยนไป เขาไหวไหล่เล็กน้อยล้วงมือเข้าไปในกางเกงด้วยท่าทีสบาย
“ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมาสิวะ” คนที่นั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมงเริ่มโมโห
เดียวหรือดิฐากรจี้บุหรี่ที่สูบฆ่าเวลาลงบนถ้วยรองก้นบุหรี่ ระหว่างรอไอ้เพื่อนตัวดีที่มาสายแล้วยังไม่ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นฝ่ายผิดที่มาก่อน
“งั้นกูกลับนะ”
“กลับก็เหี้ยแล้ว”
“หึ!”
อยากจะตะบันหน้านิ่งๆ ที่ยังคงความหล่อไว้เสมอต้นเสมอปลายนั้นสักทีสองที ไม่ว่าครั้งไหนเขาก็เป็นฝ่ายแพ้มันตลอด ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ถูกบังคับให้มางานเลี้ยงที่แม่เขาพึ่งบริจาคไปเป็นล้านเพื่อให้ได้มาซึ่งพื้นที่จากสื่อสังคมออนไลน์ คนอย่างดิฐากรไม่มีทางมางานแบบนี้โดยเด็ดขาด
เขาไม่ชอบงานเลี้ยงสมาคมรวมคนใส่หน้ากากเข้าหากัน ถึงได้โทรนัดเพื่อนตัวดีเพียงคนเดียวอย่างไอ้หน้าหล่อนี่ให้มารอที่หน้างานและกว่ามันจะมาเขาก็สูบไปบุหรี่ไปจวนจะหมดซองอย่างที่เห็น
“มาคนเดียว?”
“แล้วมีปัญหาอะไร”
“กูก็ถามเฉยๆ แต่ว่าน้องเลขาคนสวย…โอ๊ย! ไอ้เหี้ย” ดิฐากรร้องเสียงหลงเมื่อถูกเตะเข้าที่หน้าแข้งอย่างจัง คนตัวสูงยกขาขึ้นมาลูบปอยๆ มองค้อนไอ้เพื่อนตัวดีที่ทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อน
“ถามไม่เข้าเรื่อง”
นั่นมันโยนความผิดมาให้เขาอีก
“หวงเกินไอ้สัส ถามแค่นี้ลงไม้ลงมือ”
“จะไม่เข้างานใช่ป่ะ กูจะได้กลับ”
“เข้า เดินนำไปเลยไอ้เวรเอ๊ยเจ็บจริงนะ”
ธรณ์เลิกสนใจดิฐากรที่แสร้งทำหน้าเจ็บแล้วเดินเข้างานไป
ดิฐากรรูปร่างสูงใหญ่มาก เรียนศิลปะการต่อสู้มาทุกแขนงจะมาเจ็บอะไรกะอีแค่โดนเตะหน้าแข้งไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์เห็นหน้าขาวตี๋ๆ แบบนี้อย่าได้คิดว่าจะล้มมันลงได้ง่ายๆ ถ้าต่อสู้กันตัวต่อตัวแบบเอาจริงธรณ์ก็มั่นใจว่าเขาไม่มีทางเอาชนะมันได้หรอก
ที่จริงถ้าไม่ติดว่าดิฐากรเป็นฝ่ายขอร้องให้เขาช่วยมาเป็นเพื่อน ธรณ์คิดว่าเขาคงไม่มางานเลี้ยงไร้สาระนี่ เลิกงานกลับคอนโดไปกอดร่างนุ่มของเลขาคนโปรดบนเตียงทั้งคืนดีกว่าเป็นไหนๆ
เขาเลือกมุมอับที่ลับตาคนที่สุดนั่งดื่มวิสกี้เงียบๆ ขณะที่ดิฐากรถูกบรรดาลูกสาวไฮโซรุมล้อมไม่หยุด
เห็นหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกขณะที่ต้องฝืนยิ้มของเพื่อนสนิทแล้วอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแก้เบื่อด้วยการส่งข้อความไปหาใครบางคน
’ นอนหรือยัง ‘
รอไม่นานอีกฝ่ายก็อ่านแล้วกดสติ๊กเกอร์รูปกระต่ายตัวน้อยกำลังนอนหลับบนฟูกน่ารักๆ กลับมา
‘หลับแล้วตอบได้ไง’
‘คิดถึงฉันจนละเมอเลยเหรอ’
‘หลงตัวเอง! “
มุมปากยกยิ้มขึ้น ทั้งที่เป็นข้อความธรรมดาแต่กลับทำให้บรรยากาศอึมครึมรอบตัวค่อยๆ จางไป
‘แล้วคิดถึงไหมล่ะ ‘
‘คุณธรณ์!’
คราวนี่ธรณ์หลุดหัวเราะ เมื่อนึกถึงใบหน้างามพริ้มของเลขาสาวที่ตอนนี้คงกำลังบึ้งตึงแต่แก้มแดงปลั่งเพราะอายอยู่เป็นแน่
” ไอ้เวรนี่ ทิ้งกูไว้แล้วหนีมาคุยกับเด็ก ยิ้มหน้าบ้านเชียวนะมึง “
ดิฐากรที่หลุดจากวงล้อมของสาวๆ ปรี่ตัวเข้ามานั่งตรงข้ามอย่างไม่สบอารมณ์ คว้าแก้วเหล้าที่พึ่งพร่องไปเพียงนิดของธรณ์ขึ้นไปดื่มจนหมดแก้ว
“กูก็นึกว่ามึงชอบ”
“ชอบกับผีนะสิ”
ว่าแล้วก็ส่งแก้วเปล่าให้กับบริกร ก่อนจะได้แก้วเหล้าใบใหม่เพิ่มกลับมาสองใบ
“ไม่มีใครถูกใจเลยหรือไง”
ธรณ์เอ่ยถามก่อนจะรับแก้ววิสกี้ที่ดิฐากรยื่นคืนกลับมา เขาส่งข้อความกลับไปหาเลขาคนโปรดให้รีบนอนแล้วเก็บโทรศัพท์เครื่องหรูเข้าที่เดิม
“ยัยคุณหนูพวกนั้นน่ารำคาญจะตาย”
นอกจากจะอวดแข่งกันเรื่องสินค้าแบรนด์เนมพวกหล่อนก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ พวกหล่อนสวยแต่ดิฐากรรู้สึกว่าเป็นความสวยแบบดาษดื่นทั่วๆ ไปไม่มีใครมีเสน่ห์สะดุดตาเลยสักคน
“ปกติต้องเป็นมึงมากกว่าที่โดนสาวๆ รุมล้อม ทำไมวันนี้มานั่งหลบอยู่ไกลเชียว”
“ไม่มีอารมณ์”
เขาผิดเองแหละที่คิดว่าจะได้คำตอบจริงจังจากธรณ์ แต่ดิฐากรไม่ได้พึ่งเป็นเพื่อนกับธรณ์มาแค่ปีสองปี พ่อมันกับพ่อเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ตั้งแต่จำความได้ไอ้หน้าหล่อปรอทแตกนี่ก็กลายมาเป็นเพื่อนของเขาแล้ว
ไอ้อาการอย่างนี้เพื่อนสนิทอย่างเขาดูออกมันมีเรื่องให้เครียด
“เรื่องอะไรว่าที่คู่หมั้นหรือเด็ก”
“เสือก”
“ไอ้สัสคนเขาอยากช่วย”
“มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ได้ข่าวว่าถ้ายังไม่แต่งงานภายในปีนี้แม่มึงจะหาเจ้าสาวให้นิ”
ไอ้นี่หูตาไวยังกะสับปะรดเรื่องที่ธรณ์พูดมาดิฐากรเถียงไม่ออกเพราะมันคือเรื่องจริง คุณหญิงแม่ของเขานึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้เกิดอยากอุ้มหลานกรรมเลยมาตกที่เขาที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูล
“เรื่องของกูไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูจัดการได้” ธรณ์ตอบเสียงเรียบ
ดิฐากรรู้ดีว่าธรณ์เป็นคนเจ้าแผนการ เรื่องที่ยอมหมั้นกับพิมพ์มาดาง่ายๆ คงวางแผนอะไรสักอย่างเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมีหรือที่ธรณ์จะยอมทำตามความต้องการของคุณหญิงรินลณีง่ายๆ
“สวัสดีครับคุณเดียวคุณธรณ์”
คุณกอบเกื้อเจ้าของกิจการโรงเรียนเอกชนรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของงานเลี้ยงในวันนี้เข้ามาทักทาย แม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้วแต่ยังคงความหนุ่มแน่นแข็งแรงดูดีตามแบบฉบับผู้ดีเก่าต้นตระกลูมีเชื้อสายเจ้าทางเหนือ ด้านข้างของกอบเกื้อมีชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับทั้งธรณ์และดิฐากรและเป็นคนที่ทั้งสองคนรู้จักกันดี
ในนามของคู่แข่งทางธุรกิจ
เขม เขมทัต