เสียงเตือนจากโทรศัพท์เครื่องเก่านั้นบอกเวลาห้าโมงเย็น หญิงสาวลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียแต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก นิศามาศอาบน้ำแต่งตัวแล้วเตรียมชุดยูนิฟอร์มของบริษัทใส่กระเป๋าเอาไว้ เพื่อไปเปลี่ยนยังที่ทำงานก่อนจะออกไปจากแมนชั่นในเวลาหกโมงครึ่ง ก่อนหน้านั้นเดินผ่านจินนี่ หนึ่งในเมทร่วมห้องที่กำลังกอดจูบพัวพันกันผู้ชายคนหนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นคนใหม่อีกแล้ว
พฤติกรรมของจินนี่บางครั้งทำให้หล่อนนึกเหนื่อยใจ กับเพื่อนสนิทคนนี้เรื่องผู้ชายเตือนอย่างไรก็ไม่ฟัง บางทีหล่อนก็ไม่ได้อยากรับรู้ ‘ชีวิตรัก’ ของใคร ทว่าทำอย่างไรได้ ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นเพื่อนที่ดีมากและสนิทกันมาก ถึงแม้จะมีข้อเสียเรื่องผู้ชายก็ตาม สิ่งเดียวที่หล่อนทำได้คือการปิดหูปิดตาไม่สนใจเรื่องของอีกฝ่ายนั่นแหละ
“แย่ชะมัด”
หญิงสาวบ่นกับตนเอง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในรถไฟฟ้าเมื่อประตูเปิดออก อาการไม่สบายของหล่อนที่คิดว่าดีขึ้นกลับไม่ได้ดีขึ้นอย่างที่คิด อาการครั่นเนื้อครั่นตัวทำให้รู้ว่าไอ้ที่ตากฝนเมื่อวานนี้ท่าจะเริ่มส่งผลเสียแล้ว จากที่ตอนแรกว่าจะได้พักวันนี้ก็กลายเป็นว่าหล่อนต้องมาทำงานแทนคาริน่าเสียอย่างนั้น
ไม่นานหล่อนก็มาถึงตึกเอซี...ซึ่งตึกสูงใหญ่นี้เป็นของเอซี คอนสตรั่กชั่นทั้งหมด ทว่าพื้นที่ใช้งานจริงคือชั้นยี่สิบจนถึงชั้นสูงสุดต่างหาก นอกนั้นเป็นสำนักงานให้เช่า และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่หล่อนจะต้องเข้าไปทำงานยังพื้นที่ของชั้นยี่สิบหกถึงยี่สิบแปด เพราะหล่อนทำงานของชั้นยี่สิบถึงยี่สิบสี่ต่างหาก
หญิงสาวแลกบัตรกับยามด้านหน้าก่อนจะก้าวเข้าไปในนั้น แล้วเข้าไปในลิฟต์ตรงดิ่งไปยังชั้นที่ทำงานของหล่อน ซึ่งเวลานี้บางแผนกไม่มีคนอยู่แล้วและบางชั้นก็ปิดไฟมืดสนิท โดยเฉพาะชั้นที่หล่อนต้องทำงานมีเพียงหลอดไฟไม่กี่ดวงเท่านั้นที่ยังเปิดทิ้งเอาไว้ เนื่องจากชั้นนี้ส่วนใหญ่เป็นชั้นของผู้บริหารทั้งสิ้น
พูดถึงผู้บริหารแล้วครั้งหนึ่งจำได้ว่าคาริน่าเคยมาพร่ำเพ้อให้หล่อนฟังว่ามีโอกาสได้เจอกับ ‘จัสติน อัลวาเรซ โบลตัน’ มหาเศรษฐีหนุ่มรูปงามเจ้าของอาณาจักรเอซี คอนสตรักชั่นแห่งนี้ ในหนึ่งปีจัสตินจะมาประจำสำนักงานที่อังกฤษไม่กี่เดือน ส่วนใหญ่เขาอยู่สเปนเพราะอาณาจักรใหญ่ของเอซีอยู่ที่นั่น ฝ่ายนั้นถึงกับเพ้อฝันถึงจัสตินอยู่นานเป็นสัปดาห์เพียงแค่เห็นผู้ชายคนนั้นแวบเดียว แต่ถึงอย่างนั้นคาริน่าก็ปาวารณาตัวเองเป็นแฟนคลับลับ ๆ ของมหาเศรษฐีหนุ่มคนนั้นและมักจะนำข่าวสารของเขามาเล่าสู่หล่อนฟังตลอด ซึ่งนิศามาศก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้างตามอารมณ์ในตอนนั้น แต่ไม่คิดขัดคออีกฝ่าย
ทว่าถึงไม่สนใจ แต่อารมณ์อยากรู้อยากเห็นแบบผู้หญิงก็ทำให้หล่อนอดใจไม่ไหว ครั้งหนึ่งตอนเดินผ่านแผงหนังสือจึงได้หยุดยืนอ่านบทสัมภาษณ์ของอีกฝ่ายที่ได้ขึ้นปกฟอร์บส์ในฐานะนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จสูงที่สุดคนหนึ่ง แน่นอนในนั้นมีประวัติของจัสติน อัลวาเรซ โบลตันเสียละเอียดยิบจนหล่อนเองยังคาดไม่ถึง เขาเป็นผู้ชายเจ้าของผมดำสนิทและนัยน์ตาสีเขียวมรกตคมกริบนั้นดูเย็นชา โหนกแก้มสูงและกรามแกร่งนั้นทำให้เขาดูเย่อหยิ่ง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากสีสดที่เม้มตึง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูหล่อเหลาและเย้ายวนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะดวงตาคมกริบคู่นั้นที่แทบสะกดให้ผู้คนแทบลืมหายใจและจมลึกลงไปในดวงตาของเขา เรียกร้องให้ผู้คนทั้งอยากค้นหาและยอมศิโรราบต่อเขา รวมถึงยังสั่นคลอนหัวใจคนมองให้สั่นไหวด้วย
เอาล่ะ นิศามาศสลัดศีรษะแล้วบอกตัวเองว่าให้เลิกคิดถึงเขาเสียที หล่อนยอมรับว่าเขาหล่อ รวยและหล่อนควรจะเลิกคิดถึงเขาได้แล้วและควรจะตั้งใจทำงานเสียจะดีกว่า หญิงสาวบอกกับตนเองอย่างนั้นก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นยูนิฟอร์มแล้วเริ่มลงมือทำงานของหล่อน
นิศามาศโบกมือทักทายเพื่อนร่วมงาน สอบถามกันเล็กน้อยว่าหล่อนมาแทนคาริน่าก่อนจะถูกแบ่งโซนทำงานแทนส่วนของคาริน่า ซึ่งก็คือชั้นยี่สิบหกถึงยี่สิบแปด แน่นอนเพราะช่วงนี้เจลีนคลีนนิ่งขาดคนอย่างหนัก งานของพวกหล่อนเลยยิ่งหนักมากในช่วงนี้ ซึ่งหล่อนหวังว่าเจลีนจะรับคนใหม่มาได้ในเร็ววันนี้ เพราะไม่อย่างนั้นนิศามาศคิดว่าตนเองควบกะหนักถึงขนาดนี้ร่างกายก็จะรับไม่ไหวแล้วเหมือนกัน หล่อนยังไม่อยากตายก่อนจะได้ไปเรียนต่ออย่างที่ตั้งใจ
๐๐๐๐
นิศามาศพลิกนาฬิกาดูเวลา ตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้วกว่าหล่อนจะทำความสะอาดมาถึงชั้นที่ยี่สิบเจ็ด และดูเหมือนว่าการออกแรงหนัก ๆ จะทำให้หล่อนรู้สึกมึนหัวมากยิ่งขึ้น
ชั้นยี่สิบเจ็ดทั้งชั้นเงียบสงัด มีเพียงหลอดไฟสองสามดวงตามทางเดินที่เปิดเอาไว้ คนที่ได้มาทำความสะอาดชั้นนี้ค่อนข้างจะถูกสกรีนประวัติส่วนตัวเป็นพิเศษเพราะว่านี่เป็นชั้นผู้บริหาร หญิงสาวไม่สนใจอะไรนอกจากค่อย ๆ เริ่มทำความสะอาด ก้มหน้าก้มตาขัดถูพื้นที่มันวับอยู่อแล้วให้มันวับมากยิ่งขึ้น เห็นอย่างนี้แล้วพนักงานที่มาทำงานชั้นนี้ต่างถูกเปลี่ยนบ่อยที่สุด เหตุผลเพราะว่าขี้เกียจ เนื่องจากถ้ากวาดมองด้วยตานั้น ที่นี่ล้วนแต่สะอาด หรูหรา เสียจนไม่มีใครคิดว่าความสกปรกจะกล้ากล้ำกลายจึงทำงานลวก ๆ แต่กลับโดนคำตำหนิบ่อยสุดเพราะ ‘ท่าน’ มักจะตาไวมองเห็นความสกปรกเหล่านั้นอยู่เสมอจนทำให้เจลีนผู้เป็นเจ้าของหัวเสียและโวยวายใส่พนักงานของหล่อนอยู่พักใหญ่ในทุก ๆ ครั้งที่มีการเปลี่ยนตัวคนออก พอเจอครั้งที่สามเจลีนก็มีคำสั่งว่าต่อให้พื้นสะอาดจนแทบจะเลียได้ ก็ต้องทำความสะอาดใหม่ทั้งหมดอยู่ดี!
ในระหว่างที่กำลังขัดถูพื้นอยู่อย่างนั้น นิศามาศก็ต้องหยุดชะงักเนื่องจากได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่เดินเข้ามาใกล้ หล่อนไม่เห็นตัวเขาเพราะหลบมุมไปเสียก่อน จนกระทั่งได้ยินเสียงอีกฝ่ายเปิดประตูห้อง ๆ หนึ่ง ในระหว่างที่กำลังจะเดินหนีไปทำความสะอาดส่วนอีกเพื่อหลีกเลี่ยงส่วนที่มีคน นิศามาศก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกัน
“เร็ว ๆ สิ ถ้าโดนมันจับได้เราเสร็จแน่”
น้ำเสียงเร่งเร้านั้นเป็นของผู้ชายร่างสูงในสูทสีดำ เขามีท่าทีลุกลี้ลุกลน เพราะเห็นได้ชัดจากประตูที่เปิดเอาไว้
เอ๊ะ…นี่ชักจะยังไง ๆ แล้ว
นิศามาศซ่อนตัวเองอยู่หลังประตูบานใหญ่ของอีกฝ่าย ที่พอเปิดแง้มนั้นจะเห็นห้องใหญ่สุดที่มีผู้บุกรุกสองคนได้อย่างชัดเจน คนหนึ่งผอมขณะที่อีกคนอ้วน เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเข้าไปรื้อค้นเอกสารอะไรบางอย่างในห้องนั้นเสียกระจุยกระจาย
“เจอไหม เร็วสิวะ”
“เออ อยู่ในเซฟนี่แหละมั้ง รอหน่อยสิวะ บ้าฉิบ! แม่งจะเก็บไว้ในเซฟทำซากอะไร!” คนตัวอ้วนบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย
“เดี๋ยวก็มีคนขึ้นมาเห็นหรอก” อีกคนเร่งเร้า
“ไม่มีหรอก เวลานี้พนักงานทำความสะอาดยังไม่ขึ้นมา”
ผิดแล้ว หล่อนมาทำก่อนเวลาต่างหาก นิศามาศนึกค้านในใจขณะที่สังเกตท่าทีต่อไป
“แต่ไอ้จัสตินมันยังไม่กลับ แกรีบ ๆ เข้า มันอยู่ชั้นบน เกิดนึกบ้าจะลงมาชั้นล่างแล้วมานอนกอดเอกสารพวกเราจะซวยกันอีก”
“เออ เอ้านี่ ได้แล้ว โชคดีชะมัด” คนที่ทำหน้าที่ปลดเซฟบ่นพึมพำพลางหยิบเอกสารส่งให้แก่อีกคน
“แกเอาของใหม่นี่ใส่เข้าไปตามเดิม วางให้เหมือนเดิมที่สุดสิ” คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าสั่งขณะที่คนปลดเซฟทำตาม จากนั้นไม่นานทั้งสองคนก็รีบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
นิศามาศที่มองตามทั้งสองคนไปจนลับสายตาและแน่ใจว่าคงจะไม่มีใครหวนย้อนกลับมาแล้วก็ได้แต่ตกใจ หญิงสาวไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ดันได้มาเห็นการสับเปลี่ยนเอกสารที่คิดว่าน่าจะสำคัญเห็นจะจะตาเช่นนี้!
เอาล่ะ! หล่อนเริ่มบีบนิ้วมือตัวเองไปมา หล่อนจะทำอย่างไรดี ดูเหมือนตอนนี้จัสตินจะอยู่ชั้นบน หล่อนควรจะเตือนเขาให้รู้ตัวดีหรือไม่...
คิดกับตัวเองอยู่นาน ในที่สุดหล่อนก็คิดว่าตนเองควรจะไปเตือนจัสติน อัลวาเรซ โบลตันว่าตอนนี้มีคนสับเปลี่ยนเอกสารสำคัญในตู้เซฟของเขาไปแล้ว...
๐๐๐๐