ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบินบอสตันก็นั่งดูการ์ตูนสลับกับเล่นของเล่นที่เตรียมมาจากบ้าน บางครั้งก็มีแอร์โฮสเตสแวะมาทักทายเพราะความน่ารักและช่างพูดของเด็กชาย เมลดาจึงได้พักผ่อนบนเครื่องอย่างเต็มที่
พอลงจากเครื่องและรับกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้วก็เดินออกมายังอาคารผู้โดยสารขาเข้าซึ่งตอนนี้มาวินมารอรับอยู่แล้ว
“ลุงวินคร้าบ” บอสตันวิ่งเข้าหามาวินขณะที่ชายหนุ่มย่อตัวและอ้าแขนรับหลานชายคนเดียวที่เขารักเหมือนลูก
“ว่าไงครับบอสตัน นั่งเครื่องบินสนุกไหม”
“ครับลุงวิน พี่แอร์สวยและใจดีมากให้ของเล่นกับขนมผมเยอะเลยครับ”
“ก็หลานชายของลุงมันหล่อเหมือนลุงนี่ครับสาวๆ ก็เลยขอบเป็นพิเศษ”
“ครับพี่แอร์บอกว่าผมหล่อมาก” พอได้ดีบอสตันก็อวดคุณลุง
“เป็นไงบ้านโมเดล”
“ก็ดีค่ะ บอสตันไม่งอแงเลย”
“แม่อย่าลืมสัญญานะครับ”
“ไม่ลืมครับ แต่ขอให้แม่กับลุงวินจัดการงานของคุณตาให้เรียบร้อยแล้วจะพาไปซื้อนะครับ”
“สัญญาอะไรกันไว้เหรอโมเดล” มาวินถามขณะช่วยหญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางมาบริเวณทางออก
“เลโก้ครับลุงวิน แม่บอกว่าจะซื้อเลโก้ให้ผมสองกล่องถ้าผมไม่งอแงตอนนั่งเครื่องบิน”
“เดี๋ยวลุงซื้อเพิ่มให้อีกสองกล่องถ้าบอสตันเป็นเด็กดี”
“จริงนะครับ”
“จริงสิ ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้น” เขาส่งกำปั้นมาตรงหน้าและบอสตันก็เอากำปั้นของตนเองชมกับผู้เป็นลุงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
มาวินพาเมลดาและบอสตันมาส่งที่บ้านของเธอซึ่งมารดาของเมลดาออกมายืนรออยู่นานแล้ว
“คุณยายคร้าบ ผมคิดถึงคุณยายมากที่สุดเลย” บอสตันเข้ากอดอย่าประจบเพราะรู้ว่าคุณยายจะใจดีและมีของอร่อยให้ตนเองทานเสมอ
“ยายก็คิดถึงบอสตันที่สุดเลย”
“แล้วคุณตาล่ะครับ”
คำถามของเด็กชายทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนที่คุณมยุรีจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“คุณตาไปอยู่อีกที่หนึ่งครับ เย็นนี้ยายจะพาบอสตันไปหาคุณตา แต่ตอนนี้หนูไปนอนพักก่อนดีไหมให้พี่ฝ้ายพาไปนะครับ”
“ครับคุณยาย”
“ฝ้ายพาคุณหนูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”
“ค่ะคุณผู้หญิง”
“พี่ฝ้าย เอากระเป๋าใบเล็กขึ้นไปด้วยนะคะ ในนั้นมีของใช้ของบอสตันอยู่ค่ะ”
“ค่ะคุณโมเดล”
บอสตันเดินเข้าไปในบ้านแล้วเมลดาก็ถอนหายใจ เธอยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับลูกชายเพราะไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
“บอสตันเป็นเด็กฉลาดพี่ว่าแกคงจะเข้าใจ”
“โมเดลก็หวังอย่างนั้นค่ะพี่วิน”
“วินจะเข้าไปในบ้านก่อนไหม”
“ไม่ล่ะครับคุณน้าผมมีเรื่องต้องไปจัดการอีกนิดหน่อย”
“ขอบใจมากนะวิน ถ้าไม่ได้วินน้าก็คงแย่”
“ไม่เป็นไรครับคุณน้า ตอนเย็นผมจะมารับไปที่วัดนะครับ”
“จ้ะ แล้วเย็นนี้แม่เขาจะมาด้วยไหม” คุณมยุรีถามถึงวนิดามารดาของมาวินซึ่งทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัท
“เย็นนี้ที่บริษัทจะเป็นเจ้าภาพครับคุณน้า แม่ก็เลยจะมาด้วย”
“น้าฝากบอกแม่เขาด้วยนะว่าไม่ต้องรอมาพร้อมคนที่บริษัทหรอก อยากจะมาวันไหนก็มาได้เลย” เธอทำใจเรื่องที่สามีตนเองมีภรรยาน้อยได้นานแล้ว เพราะมารดาของมาวินเป็นภรรยาน้อยที่อยู่อย่างเจียมตัว ไม่เคยมาวุ่นวายที่บ้านใหญ่และแสดงตัวให้ใครรู้
วนิดามารดาของมาวินนั้นทำงานในบริษัทเดียวกับคุณสามารถสามีของเธอ แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าสองคนมีความสัมพันธ์กัน ถึงแม้จะผ่านมานานจนเท่าอายุของมาวินแต่ทุกอย่างก็ยังคงเป็นความลับ
“ขอบคุณครับคุณน้า ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
เมื่อมาวินขับรถออกไปแล้วเมลดาก็เดินตามมารดาเข้ามาในห้องรับแขก
“หนูจะไปพักก่อนไหม”
“หนูว่าจะโทรหาเดซี่กับอิ๊นซ์สักหน่อยสองคนนั้นบอกว่าเย็นนี้จะมาร่วมงานของคุณพ่อด้วย แม่ไปพักเถอะค่ะ”
เมื่อมารดาเดินขึ้นไปบนชั้นสองแล้วเมลดาก็โทรหาอรอินทร์ก่อนเป็นคนแรก
“โมเดลมาถึงเมืองไทยแล้วเหรอ”
“เพิ่งมาถึงบ้านเมื่อกี้เอง อิ๊นซ์ทำงานอยู่หรือเปล่า”
“ทำบ้างไม่ทำบ้าง” อรอินทร์ตอบด้วยเสียงเบื่อหน่ายเพราะเธอเพิ่งลาออกจากงานแล้วมาช่วยงานที่บ้านซึ่งเป็นตลาดสดและเธอมีหน้าที่เก็บเงินค่าเช่าแผงและค่าเช่าตึกแถวที่อยู่บริเวณเดียวกัน
“ไปสมัครงานมาหรือยังล่ะ”
“ไปมาหลายที่แล้ว แต่เราประสบการณ์น้อยก็เลยไม่ค่อยมีใครรับ”
“มาทำกับบริษัทของคุณพ่อเราไหมล่ะ เราก็จะกลับมาทำเหมือนกัน”
“น่าสนใจดีนะ แต่เราไม่อยากเป็นเด็กเส้น”
“อย่าคิดมากเลย เอาไว้เจอกันค่อยคุยเรื่องนี้ก็ได้”
“อือ แล้วโมเดลโทรหาเดซี่หรือยัง”
“ยังเลย เราโทรหาอิ๊นซ์ก่อนไม่รู้เดซี่จะกำลังเลี้ยงลูกอยู่หรือเปล่า”
“ไม่หรอกโมเดลเพราะตอนนี้น้องติณณาไปเนอสเซอร์รี่แล้ว”
“เหรอ โตวัยเหมือนกันนะ”
“ลูกของเดซี่กับโมเดลโตกันแล้วแต่เรายังไม่มีแฟนเลยสักคน”
“ก็อยากจะเลือกมากทำไมล่ะ ใครมาจีบก็ปฏิเสธเขาไปหมด”
“ก็เรายังไม่เจอคนที่ถูกใจสักทีนี่โมเดล แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะหมอดูบอกว่าปีนี้เราจะเจอเนื้อคู่”
“แต่นี่มันจะสิ้นปีแล้วนะอิ๊นซ์”
“อย่าพูดให้เราใจเสียสิโมเดล” อรอินทร์บ่นพลางหัวเราะ
เมื่อวางสายจากอรอินทร์แล้วเมลดาก็โทรศัพท์ไปหาเดนิสาเพื่อนสนิทอีกคนที่รู้ความเป็นไปของเธอเป็นอย่างดี
“เดซี่ยุ่งอยู่หรือเปล่า”
“ไม่เลย โมเดลถึงนานหรือยัง”
“เพิ่งมาถึงไม่นานเมื่อกี้โทรหาอิ๊นซ์แล้ว อิ๊นซ์บอกว่าเย็นนี้ เดซี่จะมาที่งานของคุณพ่อด้วย”
“ใช่จ้ะ เย็นนี้อาหมอไม่มีตรวจนอกเวลาเราเลยให้อาหมอเลี้ยงลูกอยู่บ้าน”
“ไม่รบกวนอาหมอใช่ไหมเดซี่”
“ไม่หรอกอาหมอชอบเลี้ยงลูกและเลี้ยงเก่งกว่าเราอีกนะ”
“น่าอิจฉาเดซี่นะที่มีสามีดีอย่างอาหมอ”
“โมเดลเราขอโทษนะ” เดนิสารู้สึกผิดมากที่พูดเรื่องสามีของตนออกไปเพราะที่ผ่านมานั้นเมลดาเลี้ยงลูกตามลำพังมาตลอดหลายปี
“ไม่เป็นไรหรอกน่าเดซี่ อย่าคิดมากไปเลยตอนนี้เราเข้มแข็งกว่าแต่ก่อนเยอะเลย”
“เราดีใจที่โมเดลเข้มแข็งขึ้นนะและก็เสียใจเรื่องพ่อด้วย เย็นนี้เราจะเอาขนมที่ร้านคุณยายไปช่วยงานนะ”
“ขอบใจจ้ะ แต่เดซี่ไม่น่าต้องลำบากเลยนะ”
“ลำบากที่ไหนล่ะการเอาขนมไปเป็นเบรกในงานแบบนั้นก็เท่ากับเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านด้วยนะ”
“เดซี่มีความสุขกับร้านขนมใช่ไหม”
“เราว่าการทำขนมทำให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้นเยอะเลยนะโมเดล อีกอย่างถ้าจะออกไปทำงานข้างนอกอาหมอก็ไม่ยอม”
“อาหมอกลัวหนุ่มๆ จะมาจีบเดซี่นั่นล่ะสิ”
“แต่เราก็ว่าดีไปอย่างนะโมเดล เพราะตอนนี้คุณยายก็ยืนทำขนมไม่ค่อยไหวแล้ว เราเลยต้องช่วยน้าษามากขึ้น” ตั้งแต่เรียนจบเดนิสาก็แต่งงานและเป็นแม่บ้านให้กับสามีหญิงสาวจึงใช้เวลาว่างไปช่วยงานที่ร้านเบเกอรีของคุณยายและน้าสาวในทุกๆ วัน