“ก็...เป็นวันจันทร์นี้ได้เลยค่ะพี่ทีม” หญิงสาวหยุดคิดนิดนึงก่อนจะตอบ แล้วจึงถามชายหนุ่มต่อไปว่า “ว่าแต่พี่ทีมจะให้แก้วทำงานอะไรเหรอคะ แทคบอกแก้วว่าพี่ทีมจะบอกเอง”
หญิงสาวถามด้วยความสงสัยเพราะคุยกึ่งๆ สัมภาษณ์กันมาตั้งนานชายหนุ่มไม่เห็นพูดอะไรสักคำเกี่ยวกับงานของหล่อนเลย
ทศวรรษแทบจะยกมือขึ้นตบหน้าผากตนเองซึ่งเป็นกริยาที่ชายหนุ่มไม่เคยกระทำ และตอนนี้ใบหน้าของชายหนุ่มออกแนวกึ่งขำกึ่งระอามากกว่า ไม่ใช่ระอาหญิงสาวตรงหน้า ทว่าเป็นน้องชายตนเองต่างหากและตัวเขาเองด้วย ที่เขาไม่พูดถึงก็นึกว่าทัศนัยบอกให้การะบุหนิงรู้แล้วว่าเขาจะให้เจ้าหล่อนมาทำงานในตำแหน่งไหน
“ขอโทษเลยจ้ะแก้ว พี่ลืมไปนึกว่านายแทคมันบอกแก้วแล้วซะอีก” ทศวรรษขอโทษขอโพย แล้วจึงพูดต่อไปว่า “พี่จะให้แก้วมาเป็นผู้ช่วยเลขาของพี่จ้ะ”
“ขอบคุณพี่ทีมมากๆ นะคะที่เมตตาแก้ว”
การะบุหนิงยกมือไหว้อีกฝ่าย แววตาเปี่ยมด้วยความซาบซึ้งใจกับความช่วยเหลือครั้งนี้ของชายหนุ่ม
ทศวรรษหัวเราะ “ใครว่าล่ะ แก้วต่างหากที่มาช่วยพี่ทันเวลา ตอนนี้งานพี่เยอะมากจนคุณเพลง เลขาพี่น่ะเขาบ่นทุกวันว่าพี่ควรหาผู้ช่วยให้เขาได้แล้ว”
จบคำพูดของชายหนุ่มแล้ว การะบุหนิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับคำพูดของว่าที่เจ้านายในตอนนี้
กว่าการะบุหนิงจะออกจากบริษัทอิสราวิวัฒน์นั้นก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว ตอนแรกทศวรรษบอกให้หล่อนรอเขาสักพักแล้วไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นเขาจะไปส่งหญิงสาวที่บ้านเอง ทว่าการะบุหนิงปฏิเสธ หล่อนคิดว่าควรจะรีบกลับบ้านไปเสียจะดีกว่า อีกอย่างก่อนกลับหล่อนจะแวะซื้อของใช้จำเป็นบางอย่างกลับบ้านด้วย ทำให้ทศวรรษได้แต่ทำหน้าเสียดายเท่านั้น
และกว่าการะบุหนิงจะเดินทางมาถึงบ้านพีระนันท์ก็เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าเข้าไปแล้ว ทำให้ทันทีที่หล่อนเดินมาถึงโรงครัวเพราะซื้อขนมมาฝากทุกๆ คนนั้นต้องรีบวางของลงบนโต๊ะไม้ตัวใหญ่ขัดเงามันวับ เมื่อบัวแจ้งให้หล่อนทราบ
“คุณหญิงการะเกดเรียกตัวให้ขึ้นไปพบด่วนตั้งแต่เช้า แต่คุณ...” บัวจิกเรียกถ้อยคำนี้ด้วยความไม่เต็มใจทุกครั้งเพราะรู้ฐานะครึ่งๆ กลางๆ ของการะบุหนิงดี ทว่าตอนนี้จำต้องเรียกเพราะหล่อนอยู่ในอาณาเขต
โรงครัว ซึ่งมีนางชลที่รักทูนหัวทูนเกล้าการะบุหนิงเป็นหัวเรือใหญ่คอย
จับตามองอยู่ “...ไม่อยู่ ตอนนี้คุณหญิงท่านอารมณ์เสียมาก นี่แหละไปไหนไม่รู้จักเรียนให้ท่านทราบก่อน ระวังเถอะจะเดือดร้อน แล้วไม่เดือดร้อนแค่คนเดียวแต่ทำเอาคนอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่องพลอยซวยไปด้วย”
ถ้อยคำกระแนะกระแหนของบัวทำให้การะบุหนิงหน้าเสีย แต่นางชลที่คอยฟังอยู่ทนไม่ไหว กระแทกจานลงบนโต๊ะไม้เสียงดังโครม! ทำเอาแม่บัวคนปากเสียถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ไม่หาญกล้ามีเรื่องกับผู้ยิ่งใหญ่ในครัวแห่งนี้ได้
“ทำไมวะนังบัว เอ็งอยากมีเรื่องกับข้าใช่ไหม จะหาเรื่องคุณ
ดอกแก้วไปทำไม แล้วข้าก็ไม่เห็นจะมีใครเดือดร้อนโดนคุณหญิงเล่นงานแทนคุณดอกแก้วสักคน” นางชลหันไปหาแม่คนปากเสียแล้วเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ
“โธ่...ยาย” บัวโอดครวญ “ก็ฉันนี่ไงเดือดร้อนโดนหางเลขเข้าไปไงล่ะ แล้วจะว่าใครล่ะที่ไม่เดือดร้อนแทนคุณดอกแก้วของยาย”
“นี่ไม่บอกข้าไม่รู้นะนี่ว่าแกโดนคุณหญิงท่านเล่นงานมา เห็นหน้าบานแปดกลับสิบหกกลีบวิ่งริกๆ ไปตอบคำถามคุณแทคตอนที่มาถามหาคุณดอกแก้ว หนอย...นี่หรือวะหน้าคนโดนด่า!”
“ก็แหม...คุณแทคเป็นแขก จะไปทำหน้าบูดหน้าสะบัดใส่ได้ยังไง”
“เออ!” หญิงชรากระแทกเสียงใส่บัวเสียงดัง “คุณดอกแก้วก็เป็นลูกเจ้านาย ทำไมเอ็งยังกล้าลามปาม!”
“ก็แหม...ยาย” บัวสะอึกพูดไม่ออก แต่มิวายแก้ตัว “ก็มันไม่เหมือนกันนี่”
คราวนี้นางชลพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไรก็ปึงปังโมโหเอะอะเสียงดัง
“เอ็งไปเลยนะนังบัว อย่ามาให้เห็นหน้าวันนี้เชียว หนอย! อีนังคางคกขึ้นวอ แค่ถือตัวว่ารับใช้ใกล้ชิดคุณหญิงคุณนายเข้าหน่อยทำเป็นผู้ดี...แหม!”
บัวได้ฟังก็หน้าหงิกไม่พอใจ ตวัดตามองตัวต้นเหตุที่เข้าไปลูบแขนนางชลปลอบให้เลิกเอะอะด้วยสายตาไม่ชอบใจเท่าใดนัก
“ฉันไปก็ได้ นังบัวมันผิดเองแหละ พูดอะไรก็ไม่เคยถูกใจถูกหูยายหรอก ใช่สิ! ฉันมันไม่ดีไม่วิเศษนี่นะถึงจะแตะต้องอะไรไม่ได้เลย”
พูดจบเจ้าหล่อนก็ปึงปังเดินจากไป หน้าหงิกหน้างออารมณ์เสีย
“ยายชลคะ ไม่น่าพูดกับพี่บัวแบบนั้นเลยนะคะ ก็รู้กันอยู่ว่าเขาเป็นยังไง”