ก็นับว่าคุ้มค่า

1574 คำ
ซานเซินยังกินไปได้ไม่ถึงครึ่ง ป้าตู้ก็มาร้องเรียกอยู่ที่หน้าเรือนแล้ว สายตาของเขาจ้องมองด้วยความเสียดาย ที่อดกินส่วนที่เหลือ จนเยี่ยนอิงต้องลูบหัวปลอบประโลม “กลับมาข้าจะให้เจ้ากินอีก” “ขอรับ” ซานเซินจึงได้ยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ ลุงตู้เดินเข้ามาภายในเรือน ก่อนจะช่วยอุ้มซานเซินขึ้นไปนั่งบนเกวียน “รอนานหรือไม่ ข้ามัวแต่ตกใจอยู่กับตาเฒ่า เลยมารับพวกเจ้าช้า” ป้าตู้พูดออกมาด้วยความเขินอาย ที่นางมัวแต่จ้องมองโสมกับสามีจนมารับพวกเขาช้า “ไม่นานเจ้าค่ะ ข้าหาอะไรรองท้องให้เซินเออร์ด้วยเจ้าค่ะ” “ดีๆ แล้วโสมของเจ้าเก็บไว้ดีหรือไม่” ป้าตู้กระซิบถามเยี่ยนอิงด้วยกลัวว่าผู้อื่นจะมาได้ยินเข้า “ดีเจ้าค่ะ” นางตบไปที่อกของตนเองเบาๆ เพื่อบอกว่านางซ่อนไว้ในอกเสื้อ “ของข้าก็เช่นกัน” ป้าตู้หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วนางก็ตบไปที่อกเสื้อของตนเอง เกวียนวัวเริ่มเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน ชาวบ้านเมื่อรู้ว่าตระกูลตู้ พาซานเซินไปหาหมอต่างก็พากันเลิกสนใจ หากเข้าไปยุ่งมิใช่ว่าจะต้องช่วยออกค่ารักษาด้วยรึ เช่นนี้แล้วผู้ใดจะอยากหาเรื่องใส่ตัว จากหมู่บ้านกวนเฟิ้ง เดินทางด้วยเกวียนวัวหนึ่งชั่วยามจึงจะถึงตัวเมืองเป่ยหนาน แต่หากเป็นรถม้าใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งของเกวียนวัวเท่านั้น เยี่ยนอิงให้ซานเซินนอนลงที่ตักของนางเพื่อพักผ่อน ตัวนางยังคงสอบถามร้านขายสมุนไพรจากป้าตู้ “ท่านป้า ร้านขายสมุนไพรกับโรงหมอเป็นที่เดียวกันหรือไม่เจ้าคะ” “ร้านเดียวกัน ไปที่โรงหมอของท่านหมอเว่ย ก็ไม่ต้องไปที่อื่นแล้ว” ป้าตู้เองก็ไม่ได้ดูแคลนเยี่ยนอิงที่นางไม่รู้เรื่อง ด้วยสองพี่น้องนับตั้งแต่สิ้นบิดามารดา ก็แทบไม่มีผู้ใดพาเข้าเมืองเลย “เจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงยังเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นอีกหลายเรื่อง ก่อนที่เกวียนวัวจะมาหยุดลงที่หน้าโรงหมอ เงินค่าเข้าเมืองก็เป็นลุงตู้ที่จ่ายแทนสองพี่น้องไปแล้ว เงินเพียงไม่กี่อิแปะ จะเทียนกับหัวโสมที่นางให้มาได้อย่างไร “มีคนป่วยมารึขอรับ เช่นนั้นเชิญทางนี้” เสี่ยวเอ้อเดินเข้ามาถามที่เกวียน ลุงตู้อุ้มซานเซินลงไป เยี่ยนอิงนางจึงเดินไปรั้งตัวเสี่ยวเอ้อไว้ “พี่ชาย ข้ามีสมุนไพรมาขายด้วย ไม่ทราบว่าต้องติดต่อที่ใด” “หากเป็นเพียงสมุนไพรทั่วไป ข้าประเมินราคาให้เจ้าได้ แต่หาก...เจ้าเอามาให้ข้าดูก่อนเถิด” ถึงสายตาของเขาจะไม่ได้มองเยี่ยนอิงอย่างดูแคลน แต่ด้วยการแต่งกายของเยี่ยนอิง เสี่ยวเอ้อจึงไม่เชื่อว่านางจะมีสมุนไพรล้ำค่ามาขาย “จะนำออกมาให้เจ้าดูตรงนี้ได้อย่างไรเล่า เข้าไปด้านในก่อน” ลุงตู้เดินเข้ามาขวางไม่ให้เยี่ยนอิงนางนำออกมาที่หน้าร้าน ด้วยชาวบ้านกำลังเดินผ่านไปผ่านมากันมากนัก หากมีโจรปนมาด้วย ไม่แคล้วตอนเดินทางกลับหมู่บ้านพวกเขาจะได้ถูกปล้นเสียก่อน เสี่ยวเอ้อที่รู้จักลุงตู้ ด้วยเขาพาชาวบ้านมาหาหมอหลายหน ไหนจะเคยนำสมุนไพรมาขาย จึงได้เดินนำเข้าไปด้านใน เพื่อพาซานเซินไปส่งให้หมอตรวจดูอาการ และยังต้องให้หลงจู๊ประเมินราคาสมุนไพรด้วย “ตาเฒ่า เจ้าไปกับอิงเออร์แล้วกัน ข้าจะไปดูเซินเออร์เอง” ป้าตู้ส่งห่อผ้าให้ผู้เป็นสามี เพื่อแยกตัวไปหาหลงจู๊ที่อยู่อีกห้องหนึ่ง ภายในห้อง หลงจู๊กำลังนั่งคิดบัญชีอยู่ จากสายตาของเยี่ยนอิง เขาคงมีอายุประมาณสี่สิบหนาว พอเสี่ยวเอ้อพาทั้งสองเข้ามา หลงจู๊ก็เงยหน้าขึ้นมาจากกองตำราตรงหน้า “พวกเจ้ามีสมุนไพรอันใดมาขายอย่างงั้นรึ” หลายเดือนมานี้ แทบจะไม่มีชาวบ้านนำสมุนไพรล้ำค่ามาขายให้กับโรงหมอเลย ลุงตู้เป็นผู้นำห่อผ้าขึ้นมาวางบนโต๊ะก่อน มือที่สั่นเทาของเขาค่อยๆ ประคองห่อผ้าอย่างทะนุถนอม แล้วเปิดออกอย่างช้าๆ “สวรรค์ โสมร้อยปีรึ!!!” หลงจู๊ยื่นหน้าเข้ามามองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา โสมที่ชาวบ้านหามาได้อายุมากสุดเห็นจะเป็นเพียงห้าสิบปีเท่านั้น โสมร้อยปีแทบจะต้องให้คนไปหาซื้อจากต่างแคว้น หลงจู๊จึงได้มีท่าทีที่ตกใจมากนัก “เอาของเจ้าออกมาสิ” ลุงตู้รีบบอกเยี่ยนอิง ด้วยรู้จากสีหน้าของหลงจู๊ว่าคงได้ราคาดีไม่น้อย “ยังเจ้าค่ะ ข้าอยากรู้ราคาเสียก่อน” เยี่ยนอิงเอ่ยออกมา โดยที่นางต้องการให้หลงจู๊ได้ยินด้วย “ยังมีอีกรึ!!!” ครั้งนี้หลงจู๊ตกใจยิ่งกว่าเดิม ที่โสมร้อยปีไม่ได้มีเพียงแค่หัวเดียว แต่มีถึงสองหัว แล้วยังมาขายพร้อมกันอีกด้วย “พวกเจ้ารอก่อน ข้าตัดสินใจเรื่องราคาไม่ได้” ด้วยรู้ดีว่าตอนนี้คนมีเงินต้องการโสมร้อยปีจำนวนมาก หากเขาประเมินราคาออกมาไม่ถูกใจทั้งสองคน คงได้พลาดการค้าครั้งนี้ไปอย่างแน่นอน หลงจู๊กลับเข้ามาพร้อมท่านหมอ แต่ที่เยี่ยนอิงแปลกใจ เห็นจะเป็นหมอที่เข้ามามิใช่หมอชราเช่นที่นางคิด เป็นบุรุษหนุ่มคงอายุไม่เกินยี่สิบห้าเป็นแน่ หมอหลิว วัยยี่สิบสองหนาว มองมาทางเยี่ยนอิงอย่างแปลกใจ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองบนโต๊ะตรงหน้าลุงตู้ “โสมร้อยปีรึ” เขาหยิบขึ้นมาตรวจสอบดู ก็พบว่าแม้แต่รากเส้นเล็กๆ ก็ถูกขุดขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ เรียกได้ว่าไม่มีส่วนใดที่เสียหายเลย ทั้งยังทำความสะอาดจนไร้ดินติดมาด้วย “ข้าหลิวเพ่ยหมิน เรียกข้าหมอหลิวก็ได้” เขาเอ่ยแนะนำตัว เมื่อรู้สึกว่าเสียมารยาทที่เข้ามาแล้วสนใจเพียงแค่โสมที่พวกเขานำมา “ข้าน้อยตู้หวนขอรับ นี่หลานสาวข้าน้อย ฟู่เยี่ยนอิง” หมอหลิวเหลือบไปมองใบหน้าของเยี่ยนอิงอย่างสนใจ แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา “หลงจู๊บอกว่ายังมีอีกหัว ข้าขอดูด้วยได้หรือไม่” เขามองมาที่ลุงตู้และเยี่ยนอิง ด้วยไม่รู้ว่าอีกหัวอยู่ที่ผู้ใด “ข้าอยากรู้ราคาก่อนเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย นางจ้องมองหมอหลิวโดยไม่คิดที่จะหลบสายตา ท่าทางที่ไม่หวั่นเกรงของเยี่ยนอิงทำให้หมอหลิวยิ่งแปลกใจมากกว่าเดิม โดยทั่วไปหญิงสาวชาวบ้านเมื่อเห็นผู้มีอำนาจหรือผู้ที่มีฐานะเหนือกว่า มักจะหวาดกลัว ยิ่งเป็นบุรุษรูปงามเช่นหมอหลิวด้วยแล้ว เขายังไม่เคยเห็นสตรีใดที่มองใบหน้าของเขา โดยไม่เขินอายมาก่อน นับว่าเยี่ยนอิงเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ อีกอย่างที่ทำให้เขาแปลกใจไม่หาย เห็นจะเป็นสัตว์ที่อยู่ในอ้อมแขนของนาง ดวงตาของมันราวกับพยัคฆ์ หากเป็นผู้อื่นคงได้คิดว่ามันเป็นเพียงแมวแต่ไม่ใช่สำหรับเขา นับว่าสตรีชาวบ้านผู้นี้น่าสนใจไม่น้อย แม้การแต่งกายของนางจะดูราวกับขอทาน แต่พลังบางอย่างที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง เขาเชื่อว่าอย่างไรนางก็ต้องพิเศษกว่าผู้อื่น “หากโสมของเจ้าสมบูรณ์เช่นหัวนี้” เขาเคาะโต๊ะข้างๆ โสมของลุงตู้ “ข้ายินดีจะจ่ายให้เจ้า ห้าร้อยตำลึงทอง” เยี่ยนอิงขมวดคิ้ว นางกำลังสื่อสารกับเสี่ยวไป๋ เพื่อสอบถามค่าเงิน “นายหญิง ข้าวสารหนึ่งชั่ง สามสิบห้าอิแปะ หนึ่งพันอิแปะคือหนึ่งตำลึงเงิน สิบตำลึงเงินคือหนึ่งตำลึงทอง ท่านคิดว่าคุ้มค่าหรือไม่เล่า” “อืม...ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว” หากเทียบกับราคาข้าวสาร จำนวนที่หมอหลิวให้ก็นับว่าไม่น้อยแล้ว “หากเจ้าไม่พอใจ ข้าเพิ่มให้อีกเพียงแค่ห้าสิบตำลึงทองเท่านั้น” เขาเห็นคิ้วของนางประเดี๋ยวขมวดเข้าหากัน ประเดี๋ยวคลายออก จนกลัวว่านางจะเปลี่ยนใจ แต่เงินห้าร้อยตำลึงทองสำหรับชาวบ้านก็นับว่ามากมายแล้ว แม้แต่ลุงตู้ยังเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เขานั่งอ้าปากค้างนิ่ง หูอื้อไม่ได้ยินว่าหมอหลิวเอ่ยเพิ่มให้อีกห้าสิบตำลึงทอง “ได้เจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงล้วงเข้าไปในอกเสื้อ ก่อนจะส่งโสมของนางให้เขาได้ดู “สวรรค์!!! โสมห้าร้อยปี” หลงจู๊ร้องเสียงหลงออกมา ร้อยปีก็ว่าตกใจมากพอแล้ว แต่แม่นางน้อยตรงหน้ามีโสมห้าร้อยปี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม