“แล้วเจ้าอยากรู้เรื่องตระกูลฟู่ในเมืองหลวงหรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ แคว้นต้าหลี่กว้างใหญ่นัก ตระกูลฟู่ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่ในเมืองหลวง หากญาติของท่านแม่ข้า อยากจะออกตามหานางจริง คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงมานานนับสิบกว่าปี”
ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาของเจ้าของร่างเดิมถึงได้หมดสติอยู่ที่ข้างทาง ทั้งยังไร้ซึ่งความทรงจำ หากนางถูกขับออกจากตระกูลหรือถูกตามสังหาร ถ้าเยี่ยนอิงยังอยากจะรู้เรื่องของตระกูลฟู่ จะไม่มีจุดจบเช่นบิดามารดารึ
“เช่นนั้นรึ” เขาเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง ก็อดที่จะชื่นชมในความเข้มแข็งไม่ได้
ทั้งสองต่างมองพิจารณากันโดยไม่มีสิ่งใดเอ่ยออกมา เยี่ยนอิงที่กลัวจะหาซื้อของได้ไม่ครบก่อนที่ซานเซินจะตื่น นางจึงขอตัวเพื่อออกไปด้านนอก
“หากท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงลุกขึ้น เพื่อจะออกไปซื้อของก่อนที่น้องชายจะตื่น แต่ก็ถูกหมอหลิวเอ่ยรั้งไว้อีกครั้ง
“หากเจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ มาพบข้าได้ที่โรงหมอ หรือจะไปที่จวนของข้าอยู่ที่ทิศตะวันออกของเมือง หน้าจวนมีป้ายตระกูลหลิว เจ้าหาได้ไม่ยาก”
“หึหึ ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่หากจะรบกวนท่านก็คงเป็นเรื่องนำสมุนไพรมาขาย” นางยิ้มให้เขาเล็กน้อย พร้อมกับก้มหัวลงแล้วเดินออกไปทันที
เยี่ยนอิงไม่คิดจะตามหาที่มาของมารดาเจ้าของร่างต่อ หากโชคชะตานำพามาให้พบกัน ก็ขอให้เป็นเรื่องในกาลต่อไป
เยี่ยนอิงหยุดอยู่ที่หน้าโรงหมอ ก่อนจะจำตำแหน่งที่ตั้งเดิมไว้ให้มั่น เมื่อครู่นางสอบถามจากเสี่ยวเอ้อแล้วว่า ร้านค้าที่นางต้องการจะซื้อของอยู่ที่ใดบ้าง
ร้านแรกที่เยี่ยนอิงเดินเข้ามาซื้อเป็นสิ่งแรกคือเสื้อผ้า นางค้นดูเสื้อผ้าในเรือนของฟู่เยี่ยนอิงแล้ว มีเพียงชุดที่นางเพิ่งจะทิ้งไปและชุดที่นางกำลังสวมใส่อยู่เท่านั้น ของซานเซินก็คงไม่ต่างกัน
“หยุดเลย เจ้าขอทาน ห้ามเข้ามาในร้าน ไปให้พ้น!!!” เพียงร้านแรกนางก็ถูกขับไล่เสียแล้ว
“หื้ม...ร้านผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเป่ยหนาน ต้อนรับลูกค้าเช่นนี้รึ” เยี่ยนอิงปรายตามองเสี่ยวเอ้อหน้าร้านอย่างมีโทสะ
“เหอะ ผ้าในร้านเจ้ามีปัญญาซื้อรึ ไป ๆ ไปให้พ้นหน้าร้านได้แล้ว ลูกค้าคนอื่นไม่กล้าเข้าร้านเพราะความสกปรกของเจ้า”
เยี่ยนอิงอยากจะเดินเข้าไปซัดหน้าเขาสักที แต่ถูกเสียงด้านหลังเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน
“แม่นางน้อย หากเจ้าอยากได้ผ้า ไปดูร้านของข้าดีหรือไม่ แม้ร้านจะเล็กสักหน่อย แต่รับรองว่าผ้าที่เจ้าต้องการล้วนมีให้เลือกมากมาย”
เป็นเสี่ยวเอ้อที่อยู่ร้านด้านข้าง เดินเข้ามาเอ่ยชวนเยี่ยนอิงไปซื้อของที่ร้านของเขา
“ขอบคุณท่านมาก ข้าอยากได้ผ้าที่ดีที่สุดของร้านที่ตัดชุดเรียบร้อยแล้ว สำหรับตัวข้าห้าชุด น้องชายข้าสิบหนาวห้าชุด เครื่องนอนสองชุด ไม่สิเอามาสี่ชุดไปเลย”
เยี่ยนอิงนางตั้งใจจะสั่งของให้เสี่ยวเอ้อร้านแรกได้ยิน เพียงแค่การสั่งซื้อของนางยังไม่น่าตกใจเท่าที่นาง นำตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงทองออกมา
“พอหรือไม่” นางเอ่ยถามเมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อร้านที่สอง มองตั๋วเงินในมือด้วยความตกตะลึง
“พอๆ ที่แม่นางพูดมาใช้เงินเพียงยี่สิบตำลึงทองเท่านั้น” ด้วยเยี่ยนอิงต้องการผ้าที่ดีที่สุดถึงสิบชุด จึงต้องจ่ายเงินมากเสียหน่อย
“เช่นนั้นก็เพิ่มชุดผ้าฝ้ายไว้ใส่ทำงานอีกอย่างละห้าชุดก็แล้วกัน” นางคิดว่าชุดดีๆ ไม่ควรจะใส่อยู่ในหมู่บ้าน เมื่อครู่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นที่สั่งออกไป
“ได้ขอรับ เชิญแม่นางทางด้านนี้”
“ประเดี๋ยวก่อน แม่นางน้อย เมื่อครู่ข้าปากเสียไปหน่อย ผ้าที่ร้านของข้าดีกว่ามากนัก เจ้าเข้ามาเลือกดูก่อนดีหรือไม่” เสี่ยวเอ้อร้านแรกตบปากตัวเองเบาๆ เขาเอ่ยเอาใจเยี่ยนอิงเพื่อให้นางเปลี่ยนใจ หากหลงจู๊รู้ในสิ่งที่เขาทำไม่แคล้วเขาคงได้ถูกไล่ออกเป็นแน่
“หึ เจ้าว่า...ข้าควรจะเดินเข้าร้านที่ดูแคลนข้าเช่นนี้รึ”
แต่สภาพของเยี่ยนอิงยามนี้ก็สมควรให้เสี่ยวเอ้อร้านแรกดูแคลนถูกแล้ว เสี่ยวไป๋สร้างภาพลวงตาของเยี่ยนอิงขึ้นมาได้น่าสงสารกว่าเดิมเสียอีก
นางเดินตามเสี่ยวเอ้อร้านที่สองไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเสี่ยวเอ้อร้านแรกเลย
“แม่นางน้อย เจ้ารอสักประเดี๋ยวข้าจะรีบไปจัดเตรียมของให้”
“ประเดี๋ยวก่อน ชุดของข้าขอใหญ่กว่าตัวข้าสักหน่อยก็แล้วกัน” ร่างของนางไม่ได้เล็กเช่นที่ทุกคนเห็น หากซื้อขนาดพอดีตัวไป คงใส่ไม่ได้นาน
“ได้ๆ ข้าจะไปจัดให้เดี๋ยวนี้”
“ข้าฝากไว้ก่อนก็แล้วกัน ยังต้องไปหาซื้อสิ่งอื่นด้วย”
เสี่ยวเอ้อรีบไปให้หลงจู๊คิดเงินให้เยี่ยนอิงก่อน เพื่อที่นางจะได้นำเงินไปหาซื้อของ
หลังจากที่เกิดเรื่องที่หน้าร้านผ้า เสี่ยวเอ้อร้านอื่นล้วนแต่รู้เห็นเหตุการณ์ พอเยี่ยนอิงนางเดินออกจากร้านผ้าที่สองไปซื้อของร้านอื่น ก็ล้วนแต่ได้รับการตอบรับอย่างดี
เยี่ยนอิงซื้อของไม่น้อยเลย ข้าวสารนางก็ซื้อเสียกระสอบใหญ่ เครื่องปรุงทั้งหมดนางก็ซื้อมาเก็บไว้หลายไห อย่างไรนางก็ใส่ไว้ในช่องเก็บของได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีผู้ใดมาเห็น
เยี่ยนอิงให้คนงานที่ร้านค้า นำของมาส่งให้นางที่ตรอกซอยไร้ผู้คน โดยบอกว่าครอบครัวของนางให้นางมารอที่ตรงนี้ พวกเขาจึงไม่ได้สนใจมากนัก พอกลับออกไปจนหมด นางก็เก็บของเข้าไปในช่องเก็บของ ก่อนจะเดินถือของไม่กี่อย่างกลับไปที่โรงหมอ
“อิงเออร์ ข้าคิดไว้แล้วว่าเจ้าต้องไม่กล้าซื้อของ ข้าจึงได้ซื้อไว้ให้เจ้ากับเซินเออร์เรียบร้อยแล้ว” ป้าตู้เดินเข้ามาหาเยี่ยนอิงที่กำลังจะเดินเข้าไปด้านใน
“เอ่อ...ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางยิ้มแห้งออกมา หากป้าตู้ได้เห็นข้าวของที่นางซื้อไม่รู้ว่าจะทำหน้าเช่นไร
ป้าตู้กับลุงตู้ ล้วนแต่ซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับสองพี่น้องทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หรือข้าวสาร แป้ง น้ำตาล เกลือ แม้กระทั่งผักสด เนื้อสัตว์ก็มีอย่างมากมาย
“เซินเออร์ ตื่นแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“ตื่นแล้วๆ ท่านหมอหลิว เพิ่งจะหาของกินให้เซินเออร์รองท้อง อีกครู่ก็เดินทางกลับหมู่บ้านได้แล้ว”
“เช่นนั้น ข้าไปดูก่อนนะเจ้าคะ”
“เอาของเจ้ามา ข้าจะไปเก็บที่เกวียนวัว แล้วเดี๋ยวจะเอาเกวียนมารับที่หน้าโรงหมอเลย” ลุงตู้แย่งของจากมือเยี่ยนอิงไป
ซานเซินกำลังดื่มชาล้างปากอยู่ เมื่อเยี่ยนอิงดินเข้าไปด้านในห้อง
“พี่หญิง ข้าดีขึ้นแล้วขอรับ กลับหมู่บ้านเลยหรือไม่ขอรับ”
“อืม กลับหมู่บ้านกัน” นางลูบหัวน้องชาย ก่อนจะพากันออกไปด้านนอก
“เจ้าไปรอพี่ที่เกวียนก่อน พี่จะไปจ่ายค่ายา”
ซานเซินพยักหน้ารับ ก่อนจะอุ้มเสี่ยวไป๋ เดินตามป้าตู้ไปที่เกวียนวัว ที่จอดรออยู่หน้าโรงหมอ
“ค่ายาของน้องชายข้าเท่าใดเจ้าคะ” เยี่ยนอิงเดินไปถามหลงจู๊
“...” หลงจู๊ที่กำลังอ้าปากบอกเรื่องค่ารักษาของซานเซิน ก็ถูกเสียงด้านหลังเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“มิต้อง หากน้องชายเจ้าอาการกำเริบก็พามาที่โรงหมอของข้าได้ตลอดเวลา” หมอหลิวเดินออกมาได้ยินเข้าพอดี
“เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหมอหลิวมากเจ้าค่ะที่เมตตาน้องชายของข้า” เยี่ยนอิงก้มหัวขอบคุณเขา ก่อนจะรับห่อยามาจากหลงจู๊ แล้วเดินไปขึ้นเกวียนวัวที่จอดรออยู่หน้าโรงหมอ