ทว่าเสียงเคาะประตูนั้นกลับดังไม่หยุด แถมยังแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก ไทเลอร์เม้มริมฝีปากอย่างขัดใจกับคนไร้มารยาทที่กล้ามารบกวนเวลาของเขาเช่นนี้ เขาเดินตรงไปยังประตูแล้วเปิดออกด้วยกริยาเกือบกึ่งจะเป็นกระชาก และตอนนั้นเองริมฝีปากที่กำลังจะต่อว่าคนข้างนอกก็หุบลงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
ใบหน้าหวานๆ แต่บึ้งตึงนั้นยังดูสวยเพราะเครื่องสำอาง และชุดเดรสเกาะอกจับจีบที่อก ทิ้งชายคลอเคลียต้นขาเรียวสวยของคู่หมั้นสาวหมาดๆ ก็ทำให้เขาคลี่ยิ้มออกมาแทน
เป็นรอยยิ้มที่เพื่อนสนิทของเขามักจะสบถพึมพำทุกครั้งอย่างชิงชังรังเกียจ และหาว่าเขาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจทั้งๆ ที่เขาก็แค่ยิ้ม...
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?!”
เจ้าหล่อนก้าวเข้าห้องทันทีอย่างถือวิสาสะ ไม่ยอมรอให้เขาเชื้อเชิญสักนิด แต่ช่างมันเถอะ เขาจะยอมมองข้ามเรื่องนั้นไปก่อนก็ได้ ไทเลอร์ปิดประตูตามหลังหญิงสาว แล้วหันไปเผชิญหน้ากับคนขี้โมโหแต่แสนสวยตรงหน้า
“ฉันทำอะไร?” ไทเลอร์ย้อนถามกลับด้วยท่าทีนิ่งเฉย ขณะมองเธออย่างประเมินว่าเหตุใดจึงได้บุกรุกมาหาเขาเช่นนี้ “หรือเธอไม่พอใจที่เราเจรจากันเมื่อตอนบ่าย แต่มาอาละวาดตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยหรือไง?” เขาย้อนถามกลับ
แต่สิ่งที่ได้รับคือดวงตาคู่คมที่ถลึงมองเขาดุๆ ริมฝีปากอิ่มเต็มที่เขาอยากลองสัมผัสมันนั้นเม้มจนแทบจะเป็นเส้นตรง เธอคงไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันยั่วยวนให้เขาอยากจะแนบริมฝีปากลงบนกลีบปากของเธอ เพื่อให้เธอคลายมันออกมากเพียงใด
“ฉันไม่ได้จะมาพูดเรื่องนั้น!”
ชิดหทัยเน้นเสียงใส่เขาและคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ พอได้ยินคำตอบของเธออย่างนั้น เขาเลยได้แต่เลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นการย้อนถามกลับ แทนที่จะเอ่ยปากออกมาตรงๆ ว่าเธอมาหาเขาเพราะเรื่องอะไรกัน?
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?” อีกครั้งที่เธอเอ่ยประโยคนี้ออกมา และก่อนที่เขาจะได้ซักไซ้ต่อ เธอก็เฉลยข้อข้องใจให้เขาเสียที “คุณให้เพื่อนของคุณพาเพื่อนสนิทของฉันไปจากที่นี่โดยที่ฉันไม่รู้เรื่องสักคำ! คุณมีสิทธิ์อะไรให้เขาเอาตัวเธอไป มูนนี่เป็นเพื่อนของฉัน! และเธอก็ไม่อยากไปจากที่นี่แน่ๆ! ยิ่งไปกับเพื่อนคุณ ผู้ชายสารเลวที่ทำให้เพื่อนฉันเจ็บช้ำน้ำใจ เขามันเป็นไอ้คนชั่วร้าย! แล้วคุณถือสิทธิ์อะไรที่ให้เขาเอาเพื่อนของฉันไปแบบนี้!”
หญิงสาวตะโกนใส่เขายืดยาว เธอดูโมโหจัดอย่างเห็นได้ชัด พอๆ กับที่เห็นว่าเธอห่วงใยเพื่อนสนิทที่หายตัวไปอย่างลึกซึ้ง
ไทเลอร์ถึงบางอ้อกับอารมณ์โกรธของเธอ และแน่นอนว่าเขาไม่ได้โกรธที่ชิดหทัยมาตะโกนใส่หน้าเขาปาวๆ เช่นนี้
เขาคิดถึงหญิงสาวที่เจอกันก่อนงานหมั้นจะเริ่ม ร่างอวบอิ่มที่กำลังตั้งครรภ์ทายาทของเพื่อนสนิทแล้วก็อดคลี่ยิ้มมากขึ้นไม่ได้ ผู้หญิงที่ดูอ่อนหวาน ใจเย็น และเข้าอกเข้าใจคนอื่นอย่างมูนนี่...ดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนสนิทกับคนอารมณ์ร้อนและทำอะไรว่องไวปรู๊ดปร๊าดของคู่หมั้นของเขาได้เลย
“อย่ามายิ้มนะ!” ชิดหทัยตะโกนใส่เขาด้วยท่าทีหมดความอดทน “พวกคุณ...พวกคุณร่วมมือกันเพื่อเอาตัวมูนนี่ไปใช่ไหม?!”
เขาเลิกคิ้วขึ้นสูง “เธอกล่าวหาฉันเกินไปนะ”
แต่เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในแผนการส่งตัวใครบางคนให้ใครบางคนจริงๆ นั่นแหละ
คนสองคนควรจะอยู่ให้ถูกที่ถูกทาง และเขาก็ไม่อยากเห็นเพื่อนสนิทต้องมีสีหน้าอมทุกข์แบบเดิมอีกแล้ว
“มันไม่เกินไปหรอกค่ะกับสิ่งที่คุณทำมิสเตอร์แฮมิลตัน!” เธอพูดใส่หน้าเขาเสียงดัง ดูเหมือนชิดหทัยจะเป็นคนเดียวในบ้านหลังนี้ อ้อ ยกเว้นมารดาของเขาอีกคนที่ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย ซึ่งก็ดี...เพราะเขาไม่ได้นึกอยากให้เธอกลัวเขาสักเท่าไรนักหรอก
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย” เขาขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เพราะเขาไม่ลง ‘ลงมือ’ พรากเพื่อนของเธอไปเลย แต่เป็นจัสตินต่างหากที่จัดการทุกอย่างเองทั้งหมด จะมาโทษเขาก็ไม่ได้หรอกนะ
“เอาที่อยู่ของเพื่อนคุณมา ฉันจะไปเอาตัวเพื่อนฉันกลับ”
หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ขณะที่ไทเลอร์ยกมือกอดอก เขาโน้มตัวไปข้างหน้าจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับเธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว และนั่นทำชิดหทัยเบิกตาโตกับความใกล้ชิดกะทันหัน เธอถอยหลังหนีเขาอย่างรวดเร็ว แต่ไทเลอร์ไม่ได้ตามต่อและปล่อยให้คู่หมั้นสาวหนีห่างไปแต่โดยดี
“ฉันคงทำอย่างนั้นไม่ได้”
ไทเลอร์ตอบปฏิเสธ เพราะเขารับปากจัสตินแล้วว่าจะไม่ให้ใครมาขัดขวางเรื่องนี้
‘ฉันจะเอาตัวมูนนี่กลับไปด้วยกัน หลังจากนี้เราคงเคลียร์กันได้ ระหว่างนี้ฉันฝากให้นายรั้งคู่หมั้นของนายกับฝากขอโทษเทรซด้วยก็แล้วกันนะไทเลอร์’
คำขอนั้นออกจะรับมือยากเกินไปเสียแล้ว แต่เพื่อเพื่อนไทเลอร์ถึงได้ยอมให้คนตรงหน้าตะโกนใส่ปาวๆ โดยไม่ทำอะไรเธอแม้แต่ปลายนิ้ว
“ทำไมทำไม่ได้ ในเมื่อมูนนี่เป็นเพื่อนของฉัน!”
“เชื่อฉันเถอะ เพื่อนเธอไม่เป็นอันตรายอะไรหรอก”
“การอยู่กับผู้ชายคนนั้นแหละอันตรายที่สุดแล้ว!” เธอยังคงดึงดันไม่เลิก
คราวนี้ไทเลอร์ส่ายหน้า
“เธอจะตามไปแยกสองคนนั้นตลอดไปไม่ได้หรอกนะ” เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้เอ่ยเพื่อยั่วโทสะของเธอ “สองคนนั้นมีลูกด้วยกันแล้ว และพวกเขาก็รักกัน เธอควรจะให้โอกาสเขาพวกได้ปรับความเข้าใจกัน อย่างน้อยก็เห็นแก่เด็กในท้องของมูนนี่ไงล่ะ”
“แต่…”
“จัสตินเพื่อนของฉันมีคุณสมบัติที่ดีพอจะเป็นพ่อและสามีของมูนนี่ ฉันรับรองได้ว่าเธอจะหาผู้ชายที่ดีกว่านั้นให้เพื่อนเธอไม่ได้หรอกนะ” ไทเลอร์โฆษณาเพื่อนตัวเอง “อีกอย่างเธอเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเพื่อนของเธอรักจัสติน เหมือนที่ฉันเองก็รู้แก่ใจว่าจัสตินรักเพื่อนของเธอ พวกเขาสมควรจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และมูนนี่ก็ควรจะเลิกหนีปัญหาได้แล้ว”
คำพูดของเขาทำให้ชิดหทัยหน้าแดงเพราะเถียงไม่ออก แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเธอยอมจำนนต่อสิ่งที่เขาพูดแต่โดยดี ชิดหทัยนิ่งเงียบไปนาน ก่อนที่เธอจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามปรับให้ราบเรียบที่สุดออกมา
“ฉันต้องการรู้ว่าเพื่อนของฉันสบายดีไหม แล้วก็...” เธอนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ฉันอยากให้แน่ใจว่าเพื่อนของคุณจะไม่ทำร้ายจิตใจเพื่อนของฉันอีก แค่นี้มูนนี่ก็เจ็บมามากพอแล้ว ถึงพวกเราจะเป็นแค่เด็กกำพร้ายากจน ไม่ได้มีฐานะอะไรสูงส่งจนเพื่อนคุณไม่กล้าแม้แต่จะยกย่องเพื่อนของฉันอย่างเท่าเทียม แต่พวกเราก็เป็นคนเหมือนๆ กับพวกคุณ! และถ้าวันไหนเขาทำกับเพื่อนฉันแบบเดิมอีก ฉันสัญญาว่าฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เขาได้เห็นหน้ามูนนี่อีกไปตลอดกาล!”
ประกาศอย่างอหังการ์จบ แม่เสือสาวก็หมุนตัวหนีออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจหันมามองเลยสักนิดว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร...ซึ่งแน่นอนว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่เธอต่อว่าเขาจนถึงตอนนี้ไทเลอร์ก็ไม่ได้นึกโกรธเธอเลยแม้แต่น้อย ทว่าเขากลับขำกับท่าทีราวกับแม่เสือปกป้องลูกเสือของเธอต่างหาก!
เธอดูดุดันแต่ไม่ได้น่ากลัว และเขาเชื่อแน่ว่าเธอสามารถทำตามที่เธอประกาศเอาไว้ได้จริงๆ แต่ไทเลอร์ก็เชื่ออีกนั่นแหละว่าชิดหทัยคงจะไม่ได้มีโอกาสทำอย่างนั้น เพราะว่าจัสตินคงจะไม่พลาดปล่อยสิ่งสำคัญหลุดมืออีกต่อไปแล้ว...