ตอนที่ 3

2963 คำ
​ บทที่ 3 เจนิตาเลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้ามาภายในซอยทางลัดซึ่งเธอใช้เส้นทางนี้กลับบ้านในทุกๆวัน แม้จะไม่ใช่ซอยเปลี่ยวแต่เนื่องจากเป็นเวลาดึกทุกบ้านจึงปิดเงียบมีเพียงแสงไฟส่องทางเป็นเพื่อนเท่านั้น เจนิตาเบรกตัวโก่งเมื่อจู่ๆก็มีรถตู้สีดำขับปาดหน้าและมีผู้ชายหลายคนกรูลงมาจากรถล้อมเธอเอาไว้ เธอจำได้ทันทีว่าเป็นกลุ่มชายหนุ่มที่มีเรื่องกับเธอในคลับนั่นเอง “ว่าไงคนสวย ทำพวกพี่ไว้แสบนักนะตอนนี้ได้เวลาเอาคืนแล้ว” หนึ่งในนั้นกล่าวออกมาก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาเธอ เจนิตาหมดทางหนีเมื่อหนึ่งในพวกมันเอื้อมมือมาดึงกุญแจรถเธอไปถือไว้ “พวกแกต้องการอะไร” เจนิตาทำใจกล้าถามออกไปทั้งๆที่ในใจรู้สึกกลัวไม่น้อย แม้ภายนอกจะดูเก่งกล้าสามารถอย่างไรแต่เธอก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่อาจต่อกรกับผู้ชายหลายๆคนได้ในคราเดียว “ฮ่าๆๆ” ชายหนุ่มเหล่านั้นหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “ถามได้ต้องการอะไร พี่ก็ต้องการสั่งสอนให้น้องรู้จักที่ต่ำที่สูงไงจ๊ะคนสวย คราวหน้าคราวหลังจะได้ไม่ทำซ่าส์กับพวกพี่อีก” “ถอยไปนะถ้าพวกแกทำอะไรฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ” เจนิตาขู่ทั้งที่รู้ดีว่ามันไม่ได้ผลสักนิด ซึ่งทันทีที่เธอพูดจบพวกมันก็พากันหัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันที “แจ้งตำรวจเหรอ ถึงตอนนั้นที่น้องกลายเป็นเมียพวกพี่ไปแล้วทุกคนพร้อมกับหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอสุดเร่าร้อนยังจะกล้าบากหน้าไปแจ้งตำรวจอีกเหรอ” เจนิตายอมรับว่าเธอกำลังกลัวสุดขั้วหัวใจเมื่อได้ยินสิ่งที่พวกมันตั้งใจจะทำกับเธอ เธอยอมตายดีกว่าจะยอมให้เดนนรกพวกนี้มาย่ำยีศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงอย่างเธอ “กรี๊ด” เจนิตากรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อถูกหนึ่งในชายชั่วกระชากแขนเธอขึ้นไปบนรถ ร่างบางดิ้นรนสุดแรงเกิดถึงตายเธอก็จะไม่ยอมถูกพวกมารสังคมพวกนี้รังแกเป็นอันขาด เมื่อเจนิตาต่อสู้จึงโดนฝ่ามือแข็งๆฟาดเข้าที่ใบหน้าเต็มแรงจนเธอรู้สึกได้ถึงเลือดเค็มๆภายในปาก เธอรู้สึกใบหน้าชาไปทั้งแถบและตอนนี้มันคงจะโชว์เป็นรอยนิ้วมือเลยทีเดียว “ไอ้พวกหมาหมู่ พวกแกมันไม่ใช่ลูกผู้ชายรังแกได้แม้แต่ผู้หญิงไม่มีทางสู้” “เดี๋ยวพี่จะพิสูจน์ให้น้องเห็นเองว่าพวกพี่ใช่ลูกผู้ชายหรือไม่ ดีใจไหมจ๊ะคนสวยจะได้มีสามีทีเดียวพร้อมกันหลายๆคน” ชายหนุ่มร่างผอมเกร็งคนหนึ่งเอ่ยถามและหัวเราะออกมาอย่างน่าขยะแขยง “ถุย” เจนิตาถ่มน้ำลายปนเลือดใส่หน้ามันเต็มแรง ส่งผลให้ใบหน้าเธอสะบัดไปตามแรงตบอีกครั้งด้วยความโมโห “อีนี่พูดดีๆไม่รู้เรื่องอยากเจ็บตัวใช่ไหม ได้เลยเดี๋ยวกูจัดให้” หมัดหนักๆต่อยเข้าที่ท้องจนเจนิตาทรุดลงไปกองกับพื้นน้ำตาเธอไหลอาบสองแก้มเพราะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเองแล้ว เธอนึกถึงแม่ใหญ่ซึ่งคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าท่านอีกแล้วเพราะเธอยอมตายดีกว่าจะให้พวกเดนสังคมพวกนี้รังแก ลดาวดีเพื่อนสนิทที่แสนดี น้องลียาหลานสาวที่น่ารักและน้องๆที่น่ารักของเธอทุกคนที่บ้านเติมรัก เธอคงหมดโอกาสที่จะได้ลาพวกเขาเหล่านั้นแล้ว ฝ่ามือแข็งๆกระชากร่างเธอขึ้นจากพื้นและลากขึ้นไปบนรถตู้แควก!!! เสียงเสื้อของเธอถูกกระชากจนขาดแล้วใบหน้าที่แสนน่ารังเกียจก็ก้มลงมาซุกไซร้ซอกคอเธออย่างหื่นกระหายโดยมีเสียงหัวเราะของคนอื่นๆสนับสนุน เจนิตาดิ้นรนต่อสู้ด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพราะตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บไปหมดทั้งตัวจนแทบไร้เรี่ยวแรง ฝ่ามือแข็งๆจึงตวัดลงมาบนใบหน้าของเธออย่างแรงอีกครั้งคราวนี้ส่งผลให้ร่างบางถึงกับแน่นิ่งไปในทันที “ฤทธิ์มากนักต้องเจอแบบนี้” ร่างผอมเกร็งเตรียมจะก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวเนียนต่อแต่ก็ต้องชะงัก ปัง!!! ร่างผอมเกร็งหันมองรอบตัวเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินเสียงปืน ตติยะตัดสินใจยิงปืนขึ้นฟ้าอีกครั้งเมื่อเห็นพวกมันยังไม่ผละจากร่างบางที่สลบไสล เหล่าเดนนรกถึงกับแตกกระจายในทันทีที่เสียงไซเรนของรถตำรวจดังใกล้เข้ามา “เฮ้ย พวกมึงจะยืนบื้ออยู่ทำไม หนีสิวะพ่อมึงมาแล้วจะอยู่รอติดคุกหรือไง” เหล่าเดนสังคมเตรียมจะผละหนีแต่ก็ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อตติยะจ่อปืนขู่เอาไว้ “หยุดอยู่ตรงนั้นถ้าพวกแกยังไม่อยากตาย อย่าแม้แต่ขยับนะ” ในที่สุดตำรวจก็มาถึงและจับพวกเดนสังคมใส่กุญแจมือครบทุกคน ตติยะปราดเข้าไปหาร่างบอบบางที่สลบไสลไม่ได้สติ แต่เมื่อเห็นสภาพของเธอเขาถึงกับขบกรามแน่นด้วยความโกรธ ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องโกรธถึงกับจะฆ่าคนได้ขนาดนี้ เขาเดินกลับไปที่รถและหยิบเสื้อสูทที่มักติดรถไว้เสมอมาคลุมร่างเกือบเปลือยให้เธอก่อนจะอุ้มร่างบางตรงไปที่รถ “คุณตำรวจครับ ผมฝากช่วยนำมอเตอร์ไซค์ไปเก็บไว้ที่โรงพักให้ด้วยนะครับแล้วเดี๋ยวผมจะให้คนไปรับ”ตติยะบอกกับนายตำรวจนายหนึ่งให้ช่วยดูแลมอเตอร์ไซค์ของเจนิตา “ได้ครับผม แล้วถ้าแฟนคุณพร้อมจะให้ปากคำเมื่อไหร่รบกวนช่วยพาเธอไปที่สถานีตำรวจด้วยนะครับทางเราจะได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้โดยเร็ว” “ครับ ขอบคุณมาก” หลังจากวางร่างเจนิตาลงบนเบาะข้างคนขับเรียบร้อย ตติยะก็เดินกลับไปหานายตำรวจอีกครั้งก่อนจะยื่นนามบัตรให้และกล่าวสำทับสั้นๆแต่หนักแน่น “นี่นามบัตรผมครับช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ขอบคุณอีกครั้ง” ร่างสูงโปร่งสำทับก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไปทันที นายตำรวจหนุ่มก้มดูนามบัตรก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ “ซวยแล้วพวกแกเอ๊ย ซ่าส์ไม่ดูตาม้าตาเรือว่าเป็นผู้หญิงของใครมีเรื่องกับ ตติยะ อังคเดชา จบไม่สวยแน่ๆงานนี้” นายตำรวจหนุ่มส่ายศีรษะและกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ตติยะพาเจนิตาไปส่งโรงพยาบาลเพื่อต้องการให้คุณหมอเช็คอาการว่าเธอได้รับบาดเจ็บมากกว่าที่เห็นหรือเปล่าโชคยังดีที่เขาออกจากคลับพร้อมๆกับเธอ และสังเกตเห็นว่ามีรถตู้คันหนึ่งขับตามเธอมาอย่างไม่ชอบมาพากลเขาจึงปล่อยให้คู่ขาที่กำลังจะไปต่อกันกลับไปและขับรถตามมา ถึงเธอจะแสดงท่าทีว่าไม่ชอบหน้าเขาเท่าไหร่นักแต่เมื่อรู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตรายเขาก็ไม่สามารถนิ่งดูดายได้เช่นกัน และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เขาคิดพวกที่ตามเจนิตามาคือกลุ่มวัยรุ่นที่มีเรื่องกับเธอในคลับนั่นเอง เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเขาไม่ตามมาเธอจะมีสภาพเป็นอย่างไรคิดแล้วก็อยากจะฆ่าพวกเดนสังคมพวกนี้ให้ตายคามือ เขาไม่เคยนิยมการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงเลยสักนิดถึงแม้เขาจะเจ้าชู้เปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่นแต่เขาไม่เคยคิดจะบังคับคนที่ไม่เต็มใจให้ตกเป็นของตัวเองเลยสักครั้งตติยเข้าไปสอบถามอาการของเจนิตาเมื่อเห็นนายแพทย์สูงวัยก้าวออกมาจากห้องตรวจ “เธอเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ” “อาการโดยทั่วไปไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ นอกจากรอยฟกช้ำตามร่างกายเท่านั้น แค่ทายาตามที่หมอจัดให้ไม่กี่วันรอยช้ำก็จะค่อยๆจางหายไปเองครับ หมอจะให้คนไข้นอนพักที่นี่สักหนึ่งคืนนะครับ เพราะตอนนี้เธอยังไม่ฟื้นพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ครับ” นายแพทย์สูงวัยกล่าวก่อนจะเอ่ยขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นต่อไปเจนิตาถูกย้ายมายังห้องพักฟื้นโดยมีตติยะรับเป็นเจ้าของไข้ ร่างสูงยืนอยู่ข้างเตียงและถือโอกาสมองสำรวจตามร่างกายของเจนิตาซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสได้สำรวจเธออย่างใกล้ชิด แม้จะรู้จักกันมาหลายปีแต่ก็เพียงแค่ผิวเผินและรับรู้ว่าเธอคือเพื่อนสนิทของลดาวดีซึ่งเป็นภรรยาของเพื่อนสนิทเขา นอกจากนั้นก็เจอกันที่คลับซึ่งเธอเป็นพนักงานเสิร์ฟและเขาเป็นแขกประจำแค่นั้นพูดคุยกันนับครั้งได้และทุกครั้งก็จะมีเรื่องให้ปะทะคารมกันเสมอ สายตาคมเข้มกวาดมองไปทั่วเรือนร่างบอบบางที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ใบหน้ารูปไข่ขนตางอนเป็นแพโดยธรรมชาติจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ‘สวย’ ตติยะให้นิยามร่างบางที่นอนอยู่ตรงหน้าหลังจากพินิจพิเคราะห์เธออย่างละเอียด ซึ่งเป็นความสวยที่แตกต่างจากลดาวดีรายนั้นสวยหวานดูน่าทะนุถนอมแต่เจนิตากลับสวยเฉี่ยวดูปราดเปรียวและ ‘เซ็กซี่’ โดยธรรมชาติ แม้ขณะนี้บนใบหน้าเนียนจะมีรอยช้ำเห็นเป็นรูปฝ่ามือชัดเจนแต่ไม่อาจบดบังความสวยที่มีได้เลย ตติยะถอยหลังไปทรุดนั่งลงบนโซฟาสำหรับญาติผู้ป่วยก่อนจะเผลอหลับไป ร่างบอบบางบนเตียงรู้สึกตัวก่อนจะค่อยๆกระพริบตาเพื่อรับแสงสว่างช้าๆ เพดานห้องที่เธอเห็นต่างจากเพดานห้องนอนที่เธอคุ้นเคยแต่กลิ่นที่โชยเข้าจมูกทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือโรงพยาบาล ทันใดนั้นความทรงจำเลวร้ายก่อนหน้านี้ก็หลั่งไหลเข้ามาเธอถูกทำร้ายจากเหล่าเดนมนุษย์พวกนั้น เจนิตาสำรวจร่างกายของตัวเองและถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เธอไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายผิดปกตินอกจากอาการระบมที่แก้มและหน้าท้องเท่านั้น “ไม่ต้องกังวล คุณไม่ได้เป็นอะไรผมไปช่วยเอาไว้ทัน” เจนิตาหันขวับไปทางต้นเสียงและต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเจ้าของเสียงนุ่มทุ้มคือผู้ชายที่เธอไม่ชอบหน้านั่นเอง “คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไงหรือว่า” “ใช่ ผมเป็นคนช่วยคุณไว้เอง”เจนิตามองหน้าตติยะเป็นเชิงถามว่าเขามาช่วยเธอไว้ได้อย่างไร “ผมออกจากคลับมาพร้อมคุณนั่นแหละ แล้วสังเกตเห็นว่ามีรถขับตามคุณมาอย่างไม่น่าไว้ใจผมเลยขับตามมาและมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด พวกมันต้องการตามมาล้างแค้นที่คุณเล่นงานพวกมันจนสิ้นท่านั่นแหละ” เจนิตาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณที่เขาช่วยเธอไว้ “ขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้” “ว่าไงนะ ผมไม่ค่อยได้ยินเลย” ตติยะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน “ฉันบอกว่าขอบคุณนะที่ช่วยฉันเอาไว้พอใจหรือยัง” เจนิตาเอ่ยเสียงดังอย่างเริ่มโมโหเพราะรู้ว่าเขาต้องการแกล้งเธอ “อย่างนี้ค่อยเป็นเจนิตาคนเดิมหน่อย” ตติยะพูดขึ้น ที่เขาแหย่เธอเพราะต้องการเห็นเธอกลับมาเป็นคนเดิมที่ปราดเปรียวทะมัดทะแมงดีกว่าทำท่าซึมกะทือหมดอาลัยตายอยากแบบเมื่อสักครู่ “นี่เพิ่งจะตีห้านอนต่อเถอะคุณพักผ่อนเยอะๆจะได้หายไวๆ” ตติยะหันกลับไปซุกกายนอนลงบนโซฟาและหลับไปอย่างรวดเร็ว เจนิตาจึงถือโอกาสสำรวจคนที่ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ตติยะมีรูปร่างสูงใหญ่เหมือนธีรภัทรผิวขาวอย่างคนที่ไม่เคยถูกแดดถูกลม ใบหน้าคมสันประกอบไปด้วยคิ้วเข้มจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากสีชมพูนิดๆจนผู้หญิงยังอายทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันส่งผลให้ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาคมเข้มแบบชายไทยแท้ บวกกับรูปร่างทรมานใจสาวเธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงได้ติดอกติดใจตติยะนักหนาเพราะเขามีรูปร่างหน้าตาดึงดูดเพศตรงข้ามขนาดนี้นี่เอง ยามสายวันต่อมาลดาวดีและครอบครัวพากันมาเยี่ยมเธอคงจะเป็นตติยะนั่นเองที่ส่งข่าว ลดาวดีมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นสภาพของเพื่อนสนิท “โถ่เจนเจ็บมากหรือเปล่า ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้นะทำผู้หญิงไม่มีทางสู้ได้ลงคอ” ตติยะรู้สึกคันปากเหลือเกินเมื่อได้ยินคำว่าผู้หญิงไม่มีทางสู้ออกมาจากปากของภรรยาเพื่อนสนิท ลดาวดีคงจะไม่รู้ว่าสาเหตุที่เกิดเรื่องก็เพราะคนที่นอนนิ่งบนเตียงนี่แหละซัดผู้ชายอกสามศอกจนแน่นิ่ง ถ้าไม่ถูกรุมเขาเชื่อว่าเจนิตาเอาตัวรอดได้แน่นอน “ก็ไอ้พวกมารสังคมมันใช้วิธีหมาหมู่ไงลดา ไม่อย่างนั้นนะเจนไม่เป็นแบบนี้หรอกพูดแล้วมันน่าโมโหนัก” เจนิตาเอ่ยอย่างคลั่งแค้นจนลดาวดีต้องส่ายหน้า ขนาดว่าเจ็บขนาดนี้เจนิตายังไม่แสดงอาการอ่อนแอให้เห็นเลยแม้แต่น้อยต่างจากเธอที่เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน แต่หวาดผวาอยู่หลายวันจนธีรภัทรต้องคอยดูแลอยู่ไม่ห่างคงจะเป็นเพราะเพื่อนของเธอเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ต้องพึ่งตัวเองเลยทำให้เจนิตามีความอดทนแข็งแกร่งต่างจากเธอเป็นอย่างมาก “น้าเจนเจ็บมากไหมคะ” น้องลียาเอ่ยถามคุณน้าคนโปรดหลังจากกระตุกชายเสื้อให้ผู้เป็นแม่อุ้มขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ เจนิตายิ้มอ่อนโยนให้หลานสาว “ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอกค่ะ น้าเจนทนได้ขอบใจนะจ๊ะที่เป็นห่วงน้าเจน” ตติยะที่มองอยู่เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเห็นผู้หญิงจอมห้าวอย่างเจนิตาพูดคุยกับเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “เดี๋ยวลียาเป่าให้ค่ะ” จบคำพูดเด็กหญิงตัวน้อยก็เป่าที่แผลของคุณน้าจนแก้มป่องเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ธีรภัทรเมื่อเห็นว่าภรรยาและลูกสาวกำลังคุยกับเจนิตาอย่างเพลิดเพลินจึงพยักหน้าเรียกตติยะออกไปนอกห้องธีรภัทรเลือกร้านกาแฟในโรงพยาบาลเป็นที่นั่งคุยระหว่างรอภรรยาและลูกสาว “ไปไงมาไงแกถึงไปช่วยคุณเจนเขาไว้ได้วะไอ้เต้” ธีรภัทรถามเพื่อนอย่างสงสัย ตติยะจึงเล่าให้เพื่อนสนิทฟังทั้งหมดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น “โชคดีนะที่แกตามไป ไม่อย่างนั้นฉันไม่อยากคิดเลยว่าคุณเจนจะเป็นยังไง อีกอย่างลดารักเพื่อนคนนี้มากถ้าคุณเจนเป็นอะไรไปลดาคงทำใจไม่ได้ แล้วนี่ไม่รู้ว่าพวกมันจะกลับมาเล่นงานคุณเจนอีกหรือเปล่า” ธีรภัทรเปรยอย่างกังวลในความปลอดภัยของเจนิตา “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว รับรองว่ามันจะไม่มายุ่งกับเพื่อนเมียแกอีกแน่ๆ” ตติยะบอกกับเพื่อนสนิทเพราะหลังจากที่ส่งตัวคนร้ายให้ตำรวจเขาได้ให้ลูกน้องจัดการสืบประวัติของพวกมันทั้งหมด และพบว่าพวกมันเป็นลูกหลานของเสี่ยซ้งเจ้าของบ่อนการพนันที่มีอิทธิพลพอสมควร เขาจึงใช้เส้นสายทางฝ่ายมารดาซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงข่มขู่ไปว่าถ้าหากยังปล่อยให้หลานชายมาวุ่นวายกับผู้หญิงของเขาอีก บ่อนการพนันของเสี่ยซ้งก็จะอยู่ยากเช่นกันซึ่งเสี่ยซ้งจึงรับปากเป็นดิบดีว่าจะไม่ให้หลานชายมาก่อความวุ่นวายอีก ธีรภัทรเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างแปลกใจเมื่อได้ฟังดังนั้น “ทำไมแกถึงลงทุนช่วยคุณเจนขนาดนั้นวะ ทั้งๆที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่” ตติยะยักไหล่ทำทีว่าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก “คงเป็นเพราะฉันเห็นเขาถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาขนาดนั้นมั้งเลยอยากช่วย เป็นใครก็ต้องช่วยแหละวะ ทำไมถึงเลือกมาทำงานแบบนี้ก็ไม่รู้เจอแต่พวก เสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งนั้น งานดีๆมีเยอะแยะไม่รู้จักทำ” ตติยะบ่นออกมาเบาๆ “เห็นว่าทำมาตั้งแต่สมัยเรียนนะพร้อมๆกับลดานั่นแหละ คุณเจนเขาก็ไม่ใช่ไม่มีทางเลือกนะเขามีการศึกษาระดับปริญญาเหมือนกัน แต่คงทำเพราะความเคยชินอีกอย่างงานแบบนี้เงินดีนะเห็นลดาเปรยๆว่าเขาอยากเก็บเงินไปอีกสักพักก่อน” ธีรภัทรพูดตามที่ได้ฟังมาจากภรรยา “อืม เรื่องนั้นก็แล้วแต่เขาเถอะฉันถือว่าฉันได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำแล้วในฐานะพลเมืองดี”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม