บทที่ 2
เมื่อกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์เจนิตาอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนและทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งฝ่ามือเรียวสวยลูบไล้ครีมบำรุงผิวไปทั่วเรือนร่างภายใต้ชุดนอนบางเบาสีขาว ใครจะรู้ว่าภายใต้บุคลิกที่ดูทะมัดทแมงกระฉับกระเฉงจะเป็นหญิงสาวเซ็กซี่ด้วยขนาดหน้าอกคัพซี ผิวขาวอมชมพูเอวคอดกิ่วขาเรียวสวยไร้ไขมันส่วนเกินและเจนิตาก็ชื่นชอบการใส่บิกินีอวดหุ่นสวยๆเป็นชีวิตจิตใจ แต่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็นเพราะด้วยหน้าที่การงานเธอจึงไม่อยากทำตัวให้เป็นที่สะดุดตาเหล่าเสือสิงห์กระทิงแรดเท่าไหร่นัก จึงใช้วิธีแสดงตนให้คล้ายพวกทอมบอยห้าวๆเอาไว้เพื่อตบตาคนอื่นๆทำให้เธอรอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้จนถึงทุกวันนี้ ร่างเย้ายวนล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อนจะดับไฟและหลับสนิทภายในเวลาไม่นานหลังจากนั้น เจนิตารู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นๆของใครบางคนที่กำลังลูบไล้เรียวขานวลเนียนของเธอสูงขึ้นๆเธอรีบตะครุบฝ่ามือซุกซนนั้นเอาไว้ก่อนที่มันจะก้าวสู่จุดอันตรายที่เธอหวงแหน ร่างบางพลิกตัวนอนหงายแต่มองเห็นเจ้าของฝ่ามือไม่ชัดนักในความมืด
“ที่รัก” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกเธออย่างอ่อนหวาน
“ขา” เจนิตาขานรับคล้ายถูกมนต์สะกด
“ผมอยากมีลูก”
“เอ่อ...” เธอยังไม่ทันได้ตอบว่ากระไรเจ้าของฝ่ามือร้อนๆก็กระชากเธอขึ้นจากเตียง ในนาทีนี้เธอเห็นหน้าเขาชัดเต็มสองตา
“มาให้ทำลูกซะดีฮ่าๆๆ” เจนิตากรีดร้องออกมาสุดเสียงเพราะใบหน้าของผู้ชายที่คลอเคลียเธออย่างใกล้ชิดก็คือไอ้ไฮโซจอมหื่นที่เธอไม่ชอบขี้หน้านั่นเอง
“ม่ายยย ไอ้บ้ากามออกไปนะ ออกไป๊” เจนิตาสะดุ้งตื่นเหงื่อแตกพลั่กทั้งๆที่นอนในห้องแอร์เย็นฉ่ำ
“ฝันไปหรือนี่” เจนิตาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าตัวเองแค่ฝันไป แต่ช่างเหมือนจริงเหลือเกินเหมือนจนเธอตกใจ ร่างบางยกมือขึ้นพนมพร้อมวอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าประคู้นน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายอย่าให้ความฝันของลูกเป็นจริงเลยนะเจ้าคะอย่าให้ชีวิตของลูกอับจนถึงขนาดต้องคว้าคนแบบนายกะล่อนนั่นมาทำสามีเลยนะเจ้าคะ ถ้าเป็นแบบนั้นลูกยอมขึ้นคานไปจนตายเจ้าค่ะ” เจนิตายกมือท่วมหัววอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยกลัวว่าความฝันจะเป็นจริง เธอเหลือบมองดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลาเกือบตีห้าจึงล้มตัวลงนอนต่อเพราะกว่าจะได้เวลาเข้างานก็ช่วงบ่ายแก่ๆโดยลืมคำโบราณที่กล่าวไว้ว่าฝันค่อนรุ่งมักจะเป็นจริงดังฝัน เมื่อใกล้เวลาเข้าทำงานเจนิตาจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวและซิ่งมอเตอร์ไซค์คันเก่งไปยัง 66 CLUB ขณะที่รถติดไฟแดงอยู่นั้นสายตาเธอเหลือบไปเห็นรถสปอร์ตคู่กรณีคันเมื่อวานจอดอยู่ข้างๆเจนิตาเหลือบสายตามองไปภายในรถอย่างไม่ตั้งใจแต่ภาพที่มองเห็นเพราะรถคันนั้นติดฟิล์มไม่หนามากคือภาพชายหญิงกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มไม่อายฟ้าดินซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นยัยนมโตคนเมื่อวานที่พูดจาไม่เข้าหูเธอนั่นเอง
“ทุเรศนี่ขนาดกลางวันแสกๆยังทำได้ไม่อายฟ้าดิน” เจนิตาต่อว่าเบาๆโดยที่ชายหญิงสองคนนั้นไม่มีโอกาสได้ยินพอดีกับที่สัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟเขียวเธอจึงบิดคันเร่งทะยานไปข้างหน้าโดยไม่ได้สนใจชายหนุ่มหื่นกามกับหญิงสาวหน้าไม่อายอีกเลย
“อ้าวพี่เจนมาแล้วเหรอครับ” เก่งเด็กหนุ่มที่ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนเธอและคุ้นเคยกันดีหันมาเอ่ยทักทายในขณะที่คนอื่นๆในร้านกำลังมุงดูทีวีกันอย่างสนอกสนใจ
“หวัดดีจ้ะเก่ง มาเร็วนะเนี่ยวันนี้ ว่าแต่กำลังดูอะไรกันอยู่เหรอ”
“อ๋อ พวกพี่ๆเขากำลังดูพี่เอกแสดงคอนเสิร์ตอยู่ครับ” เด็กหนุ่มบอกกับเจนิตาและเดินไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆที่จ้องทีวีตาไม่กระพริบ เจนิตามองตามและยิ้มอย่างภูมิใจเป็นอย่างที่เธอและลดาวดีคิดไว้ไม่มีผิดทันทีที่เอกวุฒิและเพื่อนๆมีผลงานเพลงออกสู่สายตาประชาชน พวกเขาก็โด่งดังเป็นพลุแตกกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ในชั่วข้ามคืนรายการทีวีและนิตยสารต่างรุมล้อมที่จะได้สัมภาษณ์คิวทัวร์คอนเสิร์ตก็ยาวข้ามปีกันเลยทีเดียว
ด้วยงานที่รัดตัวทำให้เธอและเอกวุฒิไม่ค่อยได้เจอกันนัก แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงคือมิตรภาพและความห่วงใยที่พี่ชายคนนี้ยังมีให้เธอและลดาวดีเสมอมา ตอนนี้ทั้งเพื่อนรักและพี่ชายที่แสนดีต่างประสบความสำเร็จและมีชีวิตที่ดีกันไปหมดแล้วเหลือแต่เธอเพียงเท่านั้น เพราะคงจะทำงานกลางคืนแบบนี้ตลอดไปไม่ได้เห็นทีเธอคงต้องคิดขยับขยายเส้นทางชีวิตอย่างจริงจังเสียที คืนนี้ภายในคลับคลาคล่ำไปด้วยนักเที่ยวจนร้านที่กว้างขวางดูแน่นขนัดซึ่งจะเป็นแบบนี้ประจำทุกวันศุกร์สิ้นเดือน เจนิตาเดินสายเสิร์ฟเครื่องดื่มมือเป็นระวิงถึงจะเหนื่อยแต่เธอก็ยินดีเพราะยิ่งลูกค้าเยอะทิปก็จะเยอะตามไปด้วย เจนิตาวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะของนักเที่ยวกลุ่มหนึ่งซึ่งมีชายหนุ่มนั่งอยู่หลายคน ในขณะที่เธอกำลังจะหมุนตัวกลับก็ถูกฝ่ามือของใครคนหนึ่งคว้าแขนเรียวเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิน้อง อยู่คุยเป็นเพื่อนพี่ก่อนดีกว่า” น้ำเสียงอ้อแอ้ที่แสดงให้เห็นว่าคนพูดได้รับแอลกอฮอล์เข้าไปไม่น้อยเจนิตาแอบถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เพราะขนาดคลับหรูแห่งนี้รับเฉพาะลูกค้าระดับวีไอพีกระเป๋าหนักก็ยังมิวายเจอลูกค้ามารยาทแย่ๆ ทำให้เธอรู้ว่าคนเราไม่ว่าจะจนหรือรวยล้นฟ้าแค่ไหนเมื่อน้ำเมาเข้าปากก็กลายร่างเป็นคนละคนได้เหมือนกัน เธอยิ้มให้ชายหนุ่มที่จับแขนเธอเอาไว้อย่างใจเย็นก่อนจะค่อยๆดึงแขนออกช้าๆ
“ต้องขอโทษลูกค้าด้วยนะคะ ดิฉันต้องทำงานคงนั่งคุยเป็นเพื่อนไม่ได้” เจนิตาปฏิเสธอย่างสุภาพแต่กลับไม่เป็นผลเพราะชายขี้เมาคนนั้นยังพยายามยื้อยุดฉุดกระชากให้เธอนั่งลงข้างๆโดยมีเพื่อนๆช่วยเชียร์
“ทำไมจะไม่ได้ เดี๋ยวพี่จะจ่ายค่าเสียเวลาให้เป็นพิเศษเลยเท่าไหร่ก็ว่ามา น้องรู้ไหมว่าพี่เป็นใครพี่มีเงินเยอะนะจะบอกให้ แค่น้องนั่งเป็นเพื่อนพี่รับรองคืนนี้พี่จะทิปให้อย่างหนัก” เจนิตารู้สึกรังเกียจผู้ชายกลุ่มนี้เหลือเกิน แทนที่จะห้ามปรามเมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังรังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้แต่กลับช่วยกันส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน
“กรุณาปล่อยดิฉันเถอะค่ะ ดิฉันนั่งกับคุณลูกค้าไม่ได้จริงๆ” เธอยังพยายามใจเย็นอย่างสุดความสามารถแต่ความอดทนของเจนิตาก็หมดลงเมื่อชายหนุ่มขี้เมากระชากแขนเธอจนเซถลาไปนั่งบนตักเขาอย่างพอดิบพอดี ร่างบางผุดลุกขึ้นทันทีแล้วถาดสแตนเลสในมือก็ถูกยกฟาดเปรี้ยงเข้าที่ศีรษะชายขี้เมาเต็มแรง
เปรี้ยง!!! เสียงถาดกระทบศีรษะชายขี้เมาดังจนโต๊ะข้างๆหันมามอง เจนิตาเห็นชายคนนั้นสะบัดศีรษะไปมาอย่างมึนงงแล้วก็นึกสมน้ำหน้าอยากชีกอไม่รู้เวล่ำเวลา
“เฮ้ยน้อง ทำแบบนี้มันเกินไปนะ” เพื่อนร่วมโต๊ะผู้ชายขี้เมาหันมาต่อว่าเธอเมื่อเห็นว่าโต๊ะข้างๆพากันหันมามองและหัวเราะเยาะพวกเขาเหมือนเป็นตัวตลก
“แค่นี้ยังน้อยไปกับการที่เพื่อนคุณมาลวนลามฉัน ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวกรุณาเข้าใจไว้ซะด้วย” เจนิตาต่อว่าอย่างไม่เกรงกลัว นาทีนี้เธอไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้นเธอเกลียดนักหนาพวกผู้ชายที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงและชอบรังแกเพศที่อ่อนแอกว่า
“ทำแบบนี้ก็สวยสิน้อง อย่างนี้ต้องสั่งสอนซะแล้ว”
“เข้ามาเลย อย่าคิดว่าฉันจะกลัวนะ” เจนิตาท้าทายอย่างไม่หวั่นเกรงแม้คนตรงหน้าจะเป็นชายอกสามศอกที่แข็งแรงกว่า ชายตรงหน้ากระโจนใส่เจนิตาอย่างมุ่งหวังจะทำร้ายแต่เธอตั้งท่ารออยู่แล้วจึงเบี่ยงตัวหลบและถีบสุดแรงทำให้ชายคนดังกล่าวล้มหน้าคะมำไปที่พื้นทันที คนที่เหลือจึงเข้ามาช่วยเพื่อนแต่ถูกฤทธิ์จระเข้ฟาดหางของเจนิตากระเด็นไปคนละทิศละทาง ในที่สุดกลุ่มชายขี้เมาก็แพ้ราบคาบนอนร้องครวญครางอยู่ที่พื้นอย่างน่าสมเพช บรรดาไทยมุงต่างปรบมือส่งเสียงเชียร์เจนิตากันเป็นแถว เมื่อเจ๊หงส์วิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์จึงได้เห็นภาพลูกค้าขี้เมาถูกเด็กเสิร์ฟของเธอซัดจนหมอบราบคาบแก้วไปแล้ว
“ไม่รู้ซะแล้วว่าเล่นกับใคร” เจนิตาพึมพำ น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเธอนั้นมีความรู้ด้านมวยไทยพอสมควรเพราะมีโอกาสได้ไปเรียนที่ค่ายมวยแถวที่พัก ในฐานะที่เธอทำงานกลางคืนเจนิตาจึงตัดสินใจเรียนมวยไทยไว้ป้องกันตัวทั้งจากการโดนลวนลามจากแขกขี้เมาและการที่ต้องขับรถกลับบ้านดึกๆทุกคืน นอกจากนี้การเรียนมวยไทยทำให้เธอได้รับผลพลอยได้คือหุ่นที่กระชับและมีส่วนโค้งส่วนเว้าอันน่าหลงใหล สิ่งเหล่านี้ล้วนได้มาจากการออกกำลังกายทั้งสิ้น ซึ่งส่วนมากเธอเรียนเพื่ออย่างหลังมากกว่า น้อยครั้งที่เธอจะเจอแขกเมาแล้วลวนลามเนื่องจากคลับแห่งนี้เป็นสถานบันเทิงมีระดับคัดเฉพาะแขกเกรดเอจึงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าใดนัก ไม่รู้ว่าแขกกลุ่มนี้หลุดมาได้อย่างไรเธอทำงานมาหลายปีไม่เคยเจอแขกนิสัยแย่แบบนี้มาก่อนเลย
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเพื่อนสนิทคุณลดาจริงๆ” คีตภัทรพูดกับตติยะเมื่อทั้งสองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเพราะเขานั่งดื่มอยู่บริเวณชั้นสองของร้านซึ่งเป็นโซนวีไอพีสามารถมองเห็นด้านล่างได้อย่างชัดเจน
“ฉันก็คิดเหมือนแกนั่นแหละไอ้คีย์ คุณลดาอ่อนหวานน่ารักแต่ยายเด็กแว๊นนี่ซ่าส์ขนาดนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะคบกันได้ มิน่าล่ะถึงยังโสดจนป่านนี้ ก็ดุซะขนาดนี้ใครจะกล้าเอาทำแฟนวะ”
“มันก็ไม่แน่หรอกนะโว้ย อาจจะมีผู้ชายบางคนที่เขาชอบโหดๆซาดิสต์ๆแบบนี้ก็ได้”
“ใครจะชอบก็ตามใจเถอะ ผู้หญิงแบบนี้ฉันไม่เอาด้วยคนหรอกขืนคบเป็นแฟนถ้าฉันพูดอะไรผิดหูนิดหน่อยเจ้าหล่อนจะไม่เตะฉันคอหักเลยเหรอวะ” ตติยะเปรยอย่างขยาดจนเพื่อนสนิทหัวเราะลั่น
“นี่อย่าบอกนะว่าแกกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆแค่นี้” คีตภัทรแหย่เพื่อน
“ไม่ได้กลัวโว้ยแต่ฉันไม่อยากเสี่ยง แกไม่เห็นเหรอเจ้าหล่อนใช้จระเข้ฟาดหางซะไอ้หมอนั่นหมอบสนิทลุกไม่ขึ้นไปเลย ใครอยากลองของก็เชิญเถอะแต่ฉันขอบายยังไม่อยากตายก่อนวัยอันควรว่ะ”
“เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแกปฏิเสธผู้หญิงนะเนี่ย” คีตภัทรยังไม่เลิกแหย่ง่ายๆ
“แหมไอ้คีย์ เห็นแบบนี้ฉันก็เลือกนะหรือแกสนใจก็เอาสิ”
“ไม่ล่ะนี่ไม่ใช่สเป็คฉัน”
“อ้อ ฉันลืมไปสเป็คของคุณคีตภัทรต้องตัวเล็กๆอวบนิดๆผิวขาว หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นดูน่าทะนุถนอม” ตติยะพูดตามที่เคยเห็นผู้หญิงที่คีตภัทรควง ซึ่งล้วนจะมีลักษณะตามที่เขาว่าทุกประการ
“พอๆแกไม่ต้องมาวิจารณ์สเป็คฉันหรอก ใครจะไปเหมือนแกล่ะแค่คลำไม่มีหางก็เอาหมด”
“อ้าวไอ้คุณคีย์ ทำไมมาว่าเพื่อนสุดที่รักแบบนี้ล่ะครับผมไม่ได้หน้ามืดขนาดนั้นนะครับ ระดับตติยะซะอย่างแค่กระดิกนิ้วสาวๆก็พร้อมจะมากองแทบเท้าแล้วครับกระผม”
“เออ ฉันจะคอยดูวันไหนที่แกเจอของจริงชนิดที่ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้แล้วฉันจะขำให้ฟันร่วง”
“ไม่มีทางเว้ย” ตติยตอบอย่างมั่นใจ
“แกอย่าลืมนะว่าไอ้ธีก็เคยประกาศเป็นมั่นเป็นเหมาะอย่างนี้มาแล้ว สุดท้ายเป็นไงล่ะจากเสือร้ายกลายเป็นแมวเชื่องๆคลอเคลียเมียไม่เคยห่างจนลืมพวกเราไปแล้ว”
“ฉันขี้เกียจจะคุยกับแกแล้ว ขอตัวไปหาอะไรเจริญหูเจริญตาซะหน่อยดีกว่า” ตติยะขยิบตาให้เพื่อนสนิทและหยิบแก้วไวน์ติดมือเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหาผีเสื้อราตรีที่จะเป็นเหยื่อของเขาในค่ำคืนนี้ คีตภัทรมองตามเพื่อนไปอย่างเอือมระอาก่อนจะนั่งจิบบรั่นดีคนเดียวเงียบๆ หลังคลับปิดเจ๊หงส์เรียกเจนิตาเข้าไปคุยในห้องทำงานซึ่งเธอก็เตรียมใจไว้แล้วหากจะถูกต่อว่าที่ทำร้ายร่างกายลูกค้า แต่ที่เธอทำไปเพราะต้องการป้องกันตัวเองหวังว่าเจ๊หงส์จะเข้าใจ เจนิตาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจและเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเจ๊หงส์โดยมีเพื่อนร่วมงานคอยลุ้นเอาใจช่วยอยู่ภายนอก
“นั่งก่อนสิเจน” เจ๊หงส์เชื้อเชิญให้เธอนั่งด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองแต่อย่างใดที่เธอซัดลูกค้าจนหมอบราบคาบแก้ว
“รู้ใช่ไหมว่าเจ๊เรียกเจนมาทำไม” เจ๊หงส์ถามด้วยน้ำเสียงปราณี
“ทราบค่ะ”
“ที่เจ๊เรียกเจนมาไม่ใช่ว่าจะเรียกมาต่อว่าหรอกนะไม่ต้องกังวล เจ๊รู้ดีว่าเจนเป็นคนยังไงและเจ๊ก็ไม่สนับสนุนให้แขกมาทำรุ่มร่ามกับพนักงานของเจ๊อยู่แล้ว” เจนิตาถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แต่ที่เจ๊เรียกเจนมาก็เพราะว่าอยากจะเตือนให้เจนระวังตัวเอาไว้ เพราะลูกค้ากลุ่มที่เจนมีเรื่องด้วยเป็นลูกหลานของเสี่ยซ้งเ**กลัวว่าเขาจะย้อนกลับมาเอาคืนเลยอยากเตือนให้เจนระวังตัวเอาไว้เจ๊เป็นห่วง” เจ๊หงส์กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เจนิตารู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเจ้านายสาวเธอรู้จักเสี่ยซ้งเป็นอย่างดีชายแก่ร่างท้วมผู้เป็นเจ้าของบ่อนการพนันในซอยเดียวกันกับบ้านเติมรัก เขาเพียรพยายามที่จะขอซื้อที่ดินของแม่ใหญ่มาโดยตลอดแต่แม่ใหญ่ไม่ขายเพราะตั้งใจจะทำบ้านเติมรักต่อไปและเก็บเป็นมรดกไว้ให้ลูกสาวเพียงคนเดียว
“ขอบคุณค่ะเจ๊ เจนจะระวังตัว”
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ เจ๊ยกเลิกบัตรสมาชิกของเขาไปแล้วล่ะ เจ๊ก็ไม่ชอบเหมือนกันที่แขกมาก่อความวุ่นวายในคลับต่อไปเขาเข้ามาที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว เจ๊ห่วงแต่เจนนั่นแหละเดินทางกลับบ้านคนเดียวดึกๆต้องระวังให้มากดูท่าทางพวกเขาจะแค้นเจนน่าดูที่ถูกเล่นงานต่อหน้าคนเยอะขนาดนั้น”
“ขอบคุณเจ๊หงส์มากค่ะที่เตือน”
“จ้ะ เจ๊ก็เห็นเจนเหมือนลูกหลานคนหนึ่งไม่ต่างจากลดานั่นแหละ ไม่มีอะไรแล้วเตรียมตัวกลับบ้านเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้นเจนลาล่ะค่ะ” เจนิตายกมือไหว้เจ้านายสาวแล้วก้าวออกจากห้องไป
“เป็นยังไงบ้างพี่เจน เจ๊หงเขาว่าอะไรพี่หรือเปล่า” เก่งเด็กเสิร์ฟรุ่นน้องที่สนิทสนมกับเธอเป็นอย่างดีรีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะเก่ง เจ๊หงส์เขาไม่ได้ว่าอะไรเลยแค่เตือนให้พี่ระวังตัวเพราะดูท่าทางพวกนั้นแค้นพี่มากที่พี่เล่นงานมันหนักขนาดนั้น”
“นั่นน่ะสิพี่ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันพี่เจนกลับบ้านต้องระวังตัวนะครับผมเป็นห่วง” หนุ่มรุ่นน้องบอกเธอด้วยความห่วงใย
“ขอบใจมากนะจ๊ะ เราไปเตรียมตัวกลับบ้านกันเถอะพี่อยากจะนอนบนเตียงนุ่มๆเต็มทีแล้ววันนี้เหนื่อยสายตัวแทบขาดลูกค้าไม่รู้จะเยอะไปไหน” เจนิตาบ่นเบาๆและเดินนำรุ่นน้องไปทางหลังร้านเพื่อเตรียมตัวเปลี่ยนชุดกลับบ้านโดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ถูกเตือนนั้นจะเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างที่เธอไม่ทันตั้งตัว