ตอนที่ 8

2742 คำ
​ บทที่ 8 เจนิตาบอกกับเด็กสาวรุ่นน้องแล้วเดินดุ่มๆออกจากเคาน์เตอร์ไป เมื่อจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยเจนิตาจึงเดินออกจากห้องน้ำเพื่อกลับมาทำหน้าที่ต่อ แต่ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ทันได้มองทางทำให้ชนโครมเข้ากับใครบางคน “ว้าย” เมื่อได้ยินเสียงร้องเจนิตาจึงรีบเข้าไปประคองร่างบางที่นั่งอยู่กับพื้น “ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทันมองเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณ” “นี่เธอทำไมไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือคนทั้งคนชนมาได้ยังไง” มินตราแหวให้เจนิตา “ดิฉันไม่ทันเห็นจริงๆค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เจนิตากล่าวขอโทษเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่เดินไม่ดูทาง “มัวแต่มองอะไรอยู่ล่ะยะ หรือว่ามัวแต่มองหาเหยื่อที่เป็นเสี่ยกระเป๋าหนัก” มินตรากล่าวดูถูกเจนิตาพร้อมกับเบะปากด้วยท่าทางน่ารังเกียจ เห็นดังนั้นจากที่พยายามขอโทษเพราะรู้สึกผิดกลับกลายเป็นความโกรธเข้ามาแทนที่ “นี่คุณพูดให้ดีๆนะ ฉันผิดฉันก็ขอโทษแล้วไงคุณไม่มีสิทธิ์มาพูดจาดูถูกฉันแบบนี้นะ” “ทำไม ฉันพูดแทงใจดำเธอหรือไงเด็กเสิร์ฟในคลับในบาร์มันจะมีเกียรติมีศักดิ์ศรีอะไรให้น่านับถือนักหนาทำไมฉันจะดูถูกไม่ได้” นางเอกสาวกำลังสวมบทนางร้ายนอกจออย่างที่ถ้าแฟนคลับมาเห็นคงจะอึ้งกิมกี่เลยทีเดียว “ไม่ว่างานอะไรมันก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีในตัวของมันเองทั้งนั้นแหละคุณ ทุกอาชีพต่างมีคุณค่าขึ้นอยู่กับว่าใครเลือกจะทำอะไรก็เหมือนที่คุณเลือกเป็นนางเอกในจอแต่ชีวิตจริงกลับตรงกันข้าม” “อ๊าย นี่แกว่าฉันเหรอ” มินตราเต้นเร่าเมื่อโดนสวนกลับอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเธอมาก่อน “ก็ยืนอยู่กันสองคนด่าหมาล่ะมั้ง” “กรี๊ด อีบ้าแกกล้าว่าฉันเป็นหมาเหรอ อย่าอยู่เลยแก” นางเอกสาวถลาเข้าหาเจนิตาที่ตั้งท่ารอรับอยู่แล้วแต่สงครามแม่เสือสาวสองตัวยังไม่ทันเริ่มก็มีกรรมการมาห้ามทัพซะก่อน “หยุดนะมีน” ตติยะส่งเสียงห้ามและรีบเดินเข้ามาดึงมินตราเอาไว้ “นี่มันเรื่องอะไรกัน” ตติยะมองสองสาวสลับกันไปมา “ก็แม่เด็กเสิร์ฟนี่น่ะสิคะเดินมาชนมีนล้มแล้วยังมาพูดจาไม่ดีกับมีนอีก มีนเจ็บจังเลยค่ะคุณเต้ขาสงสัยข้อเท้าจะแพลง” นางเอกสาวรีบออเซาะเรียกร้องความเห็นใจ “อ้าวคุณพูดแบบนี้ก็สวยสิ ทำไมไม่บอกไปด้วยล่ะว่าคุณกล่าวหาฉันว่ามัวแต่มองหาเสี่ยกระเป๋าหนักจนไม่มองทางทั้งๆที่ฉันขอโทษแล้วคุณกลับมาดูถูกฉันอีกต่างหาก ทำแบบนี้เขาเรียกแบ๊วหลุดนะคะคุณนางเอก” เจนิตาตอกกลับอยากไม่ไว้หน้า มินตรากัดริมฝีปากแน่นเพื่อระงับอารมณ์ทั้งๆที่อยากจะกรีดร้องเพื่อระบายความโกรธแต่เพราะอยู่ต่อหน้าตติยะเลยไม่สามารถทำแบบนั้นได้ “คุณเต้ดูสิคะ เด็กเสิร์ฟคนนี้ไร้มารยาทมากมาเถียงกับลูกค้าวีไอพีแบบนี้ได้ยังไงคุณเต้ต้องจัดการให้มีนนะคะ” นางเอกสาวรีบออดอ้อนเพราะมั่นใจว่าจะได้ผลเหมือนทุกครั้ง “เอาเป็นว่าให้มันจบไปเถอะนะเรื่องแค่นี้เอง” “แต่ว่า...” มินตราทำท่าว่าจะไม่ยอมแต่เมื่อเจอสายตาจริงจังของตติยะที่จ้องมองมาเธอจึงต้องเงียบเพราะนานๆทีเธอจะเห็นเขาทำหน้าขรึมจริงจังแบบนี้สักที “ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวนะคะเสียเวลาทำงานหมด ไปนะคะคุณนางเอกเสี่ยของคุณมาแล้วดิฉันไม่อยากจะขัดจังหวะ” เจนิตายิ้มยั่วก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้มินตรามองตามไปด้วยสายตาเคียดแค้น “ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันจะต้องเอาคืนเธอให้ได้นังเด็กเสิร์ฟ” “เดินไหวหรือเปล่ามีน” “ไม่ไหวค่ะ สงสัยเท้าจะแพลง” “ถ้าอย่างนั้นก็กลับเถอะ” ตติยะช้อนร่างบางขึ้นอุ้มและเดินออกไปที่ลานจอดรถ ดาราสาวแอบยิ้มกับตัวเองในความเอาใจใส่ของตติยะแบบนี้จะไม่ให้เธอหลงรักได้อย่างไร แค่เธอแกล้งว่าเดินไม่ไหวเขาถึงกับอุ้มเธอมาจนถึงรถเลยทีเดียวไม่เสียแรงที่ใช้มารยาออดอ้อนให้เขาหลงเชื่อ แล้วคืนนี้เธอก็คงจะได้นอนซบอกอุ่นๆของเขาไปจนเช้าดาราสาวคิดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ตติยะวางร่างบางลงที่เบาะหลังแล้วถอยออกมาพร้อมๆกับที่คนขับรถของเขาเดินเข้ามา “โชค เดี๋ยวนายช่วยไปส่งคุณมินตราที่คอนโดของเธอนะแล้วค่อยกลับมารับฉัน” “ได้ครับคุณเต้” มินตรามองทั้งสองคนอย่างงงๆ “อะไรกันคะคุณเต้ หมายความว่ายังไง” “ก็คุณขาเจ็บผมเลยอยากให้คุณพักจะได้หายไวๆ” “เอ่อ...แต่ว่ามีน...” “ไม่มีแต่ครับ คุณรีบกลับไปพักเถอะแล้วเจอกัน” ตติยะปิดประตูแล้วเดินกลับเข้าไปในคลับทิ้งให้มินตรากรีดร้องฟาดงวงฟาดงาอย่างขัดใจกับความคิดที่ว่าจะได้นอนซบในอ้อมกอดเขาอีกคืนเป็นอันพังทลายไม่มีชิ้นดี “กรี๊ดด เป็นเพราะแกคนเดียวนังเด็กเสิร์ฟ เลยทำให้ฉันพลาดที่จะได้อยู่กับคุณเต้ฉันเกลียดแกเกลียดๆๆ” โชคแอบมองพฤติกรรมของนางเอกละครที่เขาเคยเห็นในทีวีอย่างตกตะลึง เพราะสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้ช่างแตกต่างจากในทีวีเหลือเกิน “มองอะไรยะ รีบไปสิเดี๋ยวต้องกลับมารับเจ้านายเธอไม่ใช่หรือไง” นางเอกสาวแหวใส่คนขับรถ โชคจึงรีบพยักหน้ารับคำแล้วออกรถไปในทันที ตติยะเดินกลับเข้ามาในคลับอีกครั้งพลางสอดส่ายสายตามองหาเจนิตาก็พบว่าเธอกำลังดูแลแขกอยู่โต๊ะหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและดูท่าว่าจะสนิทสนมกับผู้ชายในโต๊ะนั้นเป็นอย่างดี “น้องๆ” เขาเอ่ยเรียกเด็กเสิร์ฟผู้ชายคนหนึ่งและกระซิบอะไรบางอย่างพร้อมยื่นธนบัตรสีม่วงเป็นสินน้ำใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเดิมที่เขานั่งดื่มกับมินตราก่อนหน้านี้ “พี่เจนครับ เครื่องดื่มถาดนี้ของโซนวีไอพีโซนหนึ่งครับ” เจนิตาทำหน้าเบื่อโลกเมื่อรู้ว่าจะต้องเข้าไปเสิร์ฟที่ห้องของตติยะและคู่ขาอีกครั้งทั้งๆที่เพิ่งปะทะคารมกันมาหมาดๆแต่ในเมื่อมันเป็นหน้าที่เธอก็ต้องทำ เจนิตายกมือเคาะประตูเป็นการให้สัญญาณเพราะไม่อยากเห็นภาพอุจาดตาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่ามีตติยะนั่งดื่มอยู่เพียงลำพังเท่านั้น “เขากลับไปแล้วล่ะ” ตติยะบอกเมื่อเห็นเจนิตากวาดสายตามองไปรอบๆห้อง “อะไรของคุณ” “ก็ผมเห็นคุณมองเหมือนหาใคร ก็คิดว่าจะหาคู่อริน่ะสิผมส่งเขากลับไปแล้ว” “นั่นมันก็เรื่องของคุณมาบอกฉันทำไม” “ก็เผื่อสายโหดอย่างคุณอยากจะเปิดศึกผมเลยบอกให้รู้ว่าคู่กรณีไม่อยู่แล้ว” “นี่คุณ ฉันไม่ใช่พวกอันธพาลชอบใช้กำลังนะ” “แต่ผมก็เห็นคุณเตะก้านคอลูกค้าหลับกลางอากาศมาแล้ว” “นั่นมันก็สมควรแล้วอยากมาทำชีกอกับฉันเอง แถมพวกมันก็เป็นฝ่าหาเรื่องฉันก่อนอีกต่างหาก” “ก็เพราะแบบนี้แหละผมถึงต้องส่งมินตรากลับไปก่อน” “เอ๊ะ...คุณพูดเหมือนคุณจะรู้ว่าคู่ขาของคุณเขา...” “ใช่ ผมรู้จักเขาดี แล้วเมื่อกี้ผมก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกได้ยินทุกอย่างผมเลยต้องรีบส่งเขากลับก่อนที่จะโดนคุณซ้อมไง” “นี่คุณฉันไม่ใช่พวกป่าเถื่อนแบบนั้นนะ ฉันไปทำงานดีกว่าพูดกับคุณแล้วอารมณ์เสีย” เจนิตาหันหลังเดินจ้ำอ้าวออกไปทันที “อ้าว เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะหนูไม่อยู่คุยกับเสี่ยก่อนเหรอจ๊ะ” ตติยะตะโกนไล่หลังอย่างขำๆเพราะเมื่อสักครู่เจนิตาเรียกเขาว่าเสี่ยเขาก็เลยรับสมอ้างเสียเลย แต่น่าเสียดายที่อีหนูอย่างเจนิตาไม่สนใจเสี่ยอย่างเขาน่าเสียดายจริงๆ ฝ่ายเจนิตาเมื่อกลับลงมาถึงด้านล่างก็กระแทกถาดลงบนเคาน์เตอร์อย่างโมโห “วันนี้มันเป็นวันอะไรของฉันกันเนี่ยเจอแต่คนกวนประสาท” “พี่เจนเป็นอะไรคะ วันนี้ดูท่าทางอารมณ์ไม่ดี” “พี่เจอคนกวนประสาทนิดหน่อยน่ะมิ้นท์ อย่าไปสนใจเลยพวกโรคจิต”หญิงสาวรุ่นน้องพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยก่อนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ เลิกงานคืนนั้นเจนิตาเตรียมตัวกลับบ้านตามปกติและเมื่อเธอขับรถออกมาทางหน้าคลับก็เจอกับตติยะที่ยืนพิงรถคุยโทรศัพท์อยู่เมื่อเห็นเธอเขาก็รีบวางสายแล้วเดินมาดักหน้ารถเธอเอาไว้ “นี่คุณ จะมายืนขวางหน้ารถทำไมถอยไปสิ” เจนิตาแหวเข้าให้แต่คนร่างสูงยังเฉย “ถ้าไม่หลบฉันจะชนแล้วนะ” “แน่ใจเหรอว่ากลับเองได้ให้ผมไปส่งไหมครับคุณผู้หญิง เผื่อว่าจะมีแฟนคลับตามคุณไปเหมือนครั้งที่แล้วไง” “โอ๊ย ไม่มีหรอกก็ตำรวจจัดการพวกมันไปแล้วนี่ ฉันเหนื่อยอยากพักกรุณาหลีกทางด้วยค่ะคุณตติยะ” “เชิญคร้าบ” ตติยะหลีกทางและผายมือเป็นการเชื้อเชิญทำให้ได้รับค้อนวงโตจากเจนิตาเป็นรางวัล ตติยะหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นอาการกระฟัดกระเฟียดของเธอ หญิงสาวขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งกลับที่พักโดยไม่รู้เลยว่ามีรถยนต์คันหรูขับตามมาตลอดทางจนเห็นว่าเธอถึงที่พักโดยสวัสดิภาพเขาจึงเร่งเครื่องจากไป ที่บ้านเติมรักขณะนี้แม่ใหญ่กำลังวุ่นวายในการหาโฉนดที่ดินซึ่งนางเก็บไว้ในตู้เซฟอย่างดีแต่วันนี้ขณะที่นางนำเอกสารสำคัญอย่างอื่นเข้ามาเก็บก็พบว่าโฉนดที่ดินได้หายไปมันจะหายไปได้อย่างไรในเมื่อเธอเป็นคนนำมาเก็บไว้เองกับมือและนอกจากเธอแล้วก็ไม่มีใครรู้รหัสตู้เซฟนี้นอกจาก... “อย่าให้เป็นอย่างที่แม่คิดเลยนะบัว” แม่ใหญ่รำพึงออกมาอย่างใจคอไม่ดีเพราะโฉนดอันนั้นสำคัญมากเพราะมันคือที่ตั้งของบ้านเติมรักที่เธอใช้เป็นที่พักอาศัยของเด็กๆแห่งนี้นั่นเอง ก่อนที่สามีจะเสียเขาได้ขอให้เธอโอนกรรมสิทธิ์บ้านแห่งนี้ให้เป็นของลูกสาวเพียงคนเดียว ซึ่งในตอนนั้นนางยังไม่ได้เปิดบ้านเป็นสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจึงไม่คิดขัดข้องนางจึงได้เซ็นต์ยกกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินให้กับบัวบูชาซึ่งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว แต่นางเห็นว่าบัวบูชายังไม่มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอนางจึงเก็บเอกสารอันนั้นเอาไว้แทนเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมแล้วเธอจึงจะมอบให้กับบุตรสาว แต่ตอนนี้เอกสารสำคัญที่เธอรักษาไว้อย่างดีได้หายไปเสียแล้ว และนางคิดว่าคงจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบัวบูชาเนื่องด้วยนางเคยใช้ให้บุตรสาวหยิบเอกสารในตู้เซฟโดยที่นางเป็นฝ่ายบอกรหัสให้โดยไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่คิดว่าลูกสาวจะทำแบบนี้นางรีบหยิบโทรศัพท์โทรหาบัวบูชาแต่ไม่สามารถติดต่อได้ แม่ใหญ่ทรุดลงนั่งอย่างหมดแรงและปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจให้ไหลริน เสี่ยซ้งรับโฉนดที่ดินบ้านเติมรักมาด้วยความปีติยินดีที่ความฝันของเขาใกล้จะเป็นจริงแล้ว เขาเพียรพยายามขอซื้อที่ดินตรงนั้นโดยให้ราคาอย่างงามแต่เจ้าของที่กลับปฏิเสธเงินก้อนโตเพียงเพราะต้องการใช้บ้านเป็นสถานที่รับเลี้ยงพวกเด็กเร่ร่อนถูกพ่อแม่ทิ้งช่างโง่เง่าเสียจริงๆ แต่ตอนนี้โชคเข้าข้างเขาเสียแล้วเมื่อบัวบูชาผู้เป็นลูกสาวกลับนำมันมาให้เขาเองเพราะต้องการช่วยชีวิตแฟนหนุ่มซึ่งติดหนี้พนันที่บ่อนของเขาไว้หลายล้านบาท เมื่อเขาขู่ว่าจะฆ่าแฟนหนุ่มทิ้งบัวบูชาก็รีบยื่นข้อเสนอโดยการเอาโฉนดที่ดินมาขายฝากไว้กับเขาก่อน เสี่ยซ้งรีบตกลงโดยไม่รอช้าเพราะรู้ดีว่าบัวบูชาไม่มีทางหาเงินมาไถ่ถอนคืนได้แน่ๆ เนื่องจากหญิงสาวไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งนอกจากแต่งตัวเฉิดฉายรอรับเงินค่าเช่าตึกแถวที่ผู้เป็นแม่แบ่งให้ใช้ในทุกๆเดือนเท่านั้น “นี่ไงคะโฉนดที่บัวบอกเสี่ยไว้ ทีนี้เสี่ยจะปล่อยพี่เมษได้หรือยัง” “แหม หนูบัวเห็นเสี่ยเป็นคนยังไงจ๊ะเสี่ยพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นสิ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปทำเรื่องขายฝากกันที่กรมที่ดินหลังจากนั้นเสี่ยก็จะปล่อยแฟนของหนูทันที ถือซะว่ายื่นหมูยื่นแมวนะหนูบัว” “แล้วตอนนี้พี่เมษเป็นยังไงบ้าง บัวอยากแน่ใจว่าเสี่ยไม่ได้ทำร้ายแฟนบัว” เสี่ยซ้งหันไปพยักหน้ากับลูกน้องเป็นเชิงสั่งให้นำตัวเมษาออกมาเพื่อยืนยันว่าชายหนุ่มยังปลอดภัยดี “พี่เมษ เป็นยังไงบ้างคะ” บัวบูชารีบถลาเข้าไปหาแฟนหนุ่มทันทีที่เขาถูกนำตัวออกมา “พี่ไม่เป็นไรจ้ะ ขอบคุณบัวมากนะครับที่ช่วยพี่เอาไว้ไม่อย่างนั้นพี่ต้องตายแน่ๆ” “ไม่มีทาง บัวไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายพี่เมษเด็ดขาด” บัวบูชาบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “เอาล่ะๆ หนูบัวคงเห็นแล้วนะว่าแฟนของหนูไม่ได้บุบสลายตรงไหน ทีนี้เรามาคุยเรื่องเงินๆทองๆกันดีกว่า” “ว่ามาเลยค่ะ บัวรอฟังอยู่”บัวบูชากอดอกด้วยมาดนางพญา “เมษเขาติดหนี้เสี่ยอยู่สองล้านบาท แต่โฉนดนี้เสี่ยตีราคาให้สิบล้าน” “สิบล้าน/สิบล้าน” บัวบูชาและคนรักอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตื่นเต้น “ใช่ สิบล้านบาทหนูบัวเลือกได้นะว่าจะขายฝากไว้แค่สองล้านหรือจะเอาสิบล้านเต็มมูลค่า” “บัวขอสิบล้านค่ะ” บัวบูชารีบตอบรับในทันที เสี่ยซ้งจึงหันไปยิ้มกับลูกน้องอย่างพึงพอใจเพราะมั่นใจว่าบัวบูชาและเมษาไม่มีทางหาเงินมาคืนได้ตามกำหนดเวลาแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นโฉนดที่ดินผืนนี้ก็จะเป็นของเขาในทันที “ตกลงตามนั้น พรุ่งนี้หลังจากไปทำสัญญาขายฝากที่กรมที่ดินแล้ว เสี่ยจะเซ็นเช็คให้หนูทันที” “ถ้าอย่างนั้นบัวขอตัวกลับเลยนะคะ” บัวบูชารีบขอตัวกลับเพื่อไปฉลองที่เธอกำลังจะกลายเป็นเศรษฐี “เชิญหนูบัวตามสบายเถอะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่กรมที่ดินนะ” “แน่นอนค่ะ”บัวบูชาหันไปส่งยิ้มให้เมษาคนรักที่เธอกำลังหลงอย่างหัวปักหัวปำ “พรุ่งนี้เจอกันนะคะพี่เมษ บัวจะมารับพี่กลับบ้านเราด้วยกัน” “จ้ะ พรุ่งนี้เจอกัน” เมษาตอบรับอย่างกระตือรือร้นกับจำนวนเงินที่บัวบูชากำลังจะได้รับ หญิงสาวกำลังหลงเขาอย่างหนักเพราะฉะนั้นเงินจำนวนนี้มันจะทำให้เขาสุขสบายและนำไปต่อทุนได้อีกนาน “ฮ่าๆๆ” เสี่ยซ้งหัวเราะอย่างสาสมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการบัวบูชาโง่กว่าที่คิดไว้ น่าสงสารมารดาของหญิงสาวที่มีลูกเลวๆแบบบัวบูชา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม