ดร.ภรรณิภาเอ่ย
“คุณภัค… จอดรถร้านขายยาตรงหน้านั่นให้หน่อยค่ะ”
พลับเพากวาดตามองหน้าต่าง เห็นร้านขายยา แต่ยังไม่ได้ตอบทันที
ดร.ภรรณิภาเอ่ยต่ออย่างเป็นห่วง
“พลับ!.. เพา พลับลูก… ปวดท้องไม่ใช่เหรอลูก?”
พลับเพาสะดุ้ง ตกใจเล็กน้อย
“อ่อ… ค่ะ… หนู… หนูไปซื้อเองค่ะ คุณแม่”
ดร.ภรรณิภายิ้มบาง เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
เมื่อเธอก้าวลงรถ พลับเพาผลักประตูกระจกใสเบาๆ เสียงกระดิ่งเล็กๆ ดังกรุ๊งกริ๊งต้อนรับ กลิ่นยาผสมกับกลิ่นแอร์เย็นเฉียบลอยมาแตะจมูก
เธอก้าวเข้าไปอย่างเก้ๆ กังๆ สองมือบีบกระเป๋าสะพายแน่น รู้สึกเหมือนทุกสายตาในร้านจะหันมอง ทั้งที่จริงๆ ไม่มีใครสนใจ
“เอ่อ…” พลับเพาเงยหน้าขึ้นสบตาเภสัชกรสาวที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ ใบหน้าเธอร้อนวูบ ริมฝีปากแห้งผาก
“คือ… มี… ยาคุม… ฉุกเฉินไหมคะ?”
เภสัชกรสาวเงยหน้าขึ้น มองเด็กสาวตรงหน้าเพียงแวบเดียว ก่อนยิ้มอ่อนโยน
“มีค่ะ น้องต้องการแบบเม็ดเดียว หรือแบบสองเม็ดเอ่ย?”
พลับเพากัดริมฝีปากแน่น เสียงเบาเหมือนกระซิบ
“เอ่อ… แบบเม็ดเดียวก็ได้ค่ะ”
เภสัชกรพยักหน้า ก่อนหยิบกล่องยาออกมาจากชั้นวางด้านหลัง วางลงบนเคาน์เตอร์เบาๆ
“ตัวนี้เป็นยาคุมฉุกเฉินนะคะ วิธีใช้คือ ทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ยิ่งภายใน 24 ชั่วโมงยิ่งได้ผลดีค่ะ แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมงนะคะ”
เธออธิบายต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง ไม่ตัดสิน
“ถ้าเกิดคลื่นไส้ อาเจียนภายในสองชั่วโมงหลังทาน ต้องกินซ้ำใหม่อีกหนึ่งเม็ดนะคะ แล้วช่วงนี้อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือประจำเดือนคลาดเคลื่อนบ้าง อย่าตกใจไปค่ะ”
พลับเพาก้มหน้าฟัง มือสั่นเล็กน้อยขณะหยิบเงินส่งให้ รู้สึกโล่งใจที่อีกฝ่ายพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ
"ขอบคุณนะคะ..."
พลับเพาก้าวออกจากร้านขายยาอย่างเร่งรีบ ก้มหน้าก้มตาเดินกลับไปยังรถที่คุณภัคกับ ดร.ภรรณิภานั่งรออยู่ เธอเปิดประตูแล้วขึ้นรถทันที ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาแม่
อีกด้านหนึ่ง…
แม่เล็กกับภีมร์ก็กำลังขับรถกลับบ้านหลังจาก ภีมร์แต่งตัวเสร็จ
ส่วนทางฝั่งคุณภัคกับ ดร.ภรรณิภา พาพลับเพาไปตักบาตรยามเช้าตามประเพณี ก่อนจะขับรถกลับบ้านทันทีเช่นกัน
โชคชะตาพาให้ รถของครอบครัวพลับเพามาถึงก่อนใคร เธอรีบขอตัวขึ้นห้องทันที อ้างว่าจะไปเก็บของ แล้วค่อยลงมาทานอาหารเช้าพร้อมกันทีหลัง
พลับเพาหันมายิ้มบางๆ ให้แม่กับคุณภัค ก่อนพูดเสียงนุ่ม
“แม่คะ… เดี๋ยวพลับขอตัวขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะลงมาทานข้าวเช้าค่ะ”
ดร.ภรรณิภามองลูกสาวอย่างแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับ
“จ้ะลูก ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวแม่จัดโต๊ะไว้ให้”
พลับเพาก้มศีรษะเล็กน้อย ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้ม แต่ในใจกลับเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เธอเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนชั้นบนทันที ราวกับต้องการหลบสายตาทุกคน
ไม่ทันไร… รถของแม่เล็กกับภีมร์ก็ค่อยๆ เลี้ยวเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน
ดร.ภรรณิภา กับคุณภัคที่ยืนอยู่หน้าประตูหันไปมองเกือบพร้อมกัน สายตาเพ่งไปที่ร่างสูงซึ่งก้าวลงจากรถ
ภัควัฒน์ชะงักไปนิด ดวงตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นลูกชาย
“ภีมร์… มาตั้งแต่เมื่อไร?” น้ำเสียงกึ่งตกใจ กึ่งดีใจ
เจ้าภีมร์ที่ยังมีแววเหนื่อยล้าจากเมื่อคืน สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสบตาพ่อ ความรู้สึกผิดแล่นวาบเข้ามาในใจ เขารีบเดินเข้ามาหาพ่อ กอดแขนและเอ่ยเสียงอ้อนทันที
“พ่อ… ภีมร์คิดถึงพ่อครับ เลยรีบกลับมา ไม่บอกก่อน…”
รอยยิ้มสดใสถูกแต่งขึ้นกลบความกังวลในใจ ถึงแม้ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อคืนเขาทำผิดพลาดอะไรลงไป นอกจากเขา… และพลับเพา
แม่เล็กรีบก้าวเข้ามา ยิ้มหวานพลางเอ่ยเสียงสดใสกลบเกลื่อน
“หลานภีมร์กลับมาดึกนิดหน่อยเองค่ะคุณพี่… พอดีเข้าไปในงานแต่งงานด้วย เมื่อวานเห็นพี่สองคนกำลังยุ่งๆ รับแขกผู้ใหญ่กันอยู่ เลยไม่อยากรบกวน”
เธอหัวเราะเบาๆ ทำท่าเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ “ก็เลยให้ภีมร์ขึ้นไปพักก่อนน่ะค่ะ… ไม่ว่าหลานใช่ไหมคะ คุณพี่?”
คำพูดฟังดูเรียบง่ายเหมือนเป็นการเล่าทั่วไป แต่แท้จริงแล้วเป็นการแก้ตัวแทนหลานชาย เพื่อให้พ้นสายตาสงสัย
ดร.ภรรณิภายิ้มอ่อน พูดเสียงนุ่ม
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นเราไปทานข้าวเช้ากันดีกว่า เชิญค่ะ”
แม่เล็กกับภีมร์หันมองหน้ากันแวบหนึ่ง ในใจทั้งคู่โล่งอก รอดแล้ว…
ทว่าในวินาทีนั้นเอง ภีมร์พลันหันไปสบตา ดร.ภรรณิภา รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่กลับนึกไม่ออกว่าที่ใด…
ตัดมาที่บนห้องของพลับเพา...
เธอนั่งก้มหน้าบนเตียง หยิบเม็ดยาคุมฉุกเฉินกลืนลงไป พร้อมเสียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ น้ำตาคลอ
“เฮ้อ… พลับเอ๊ย… เสียตัวทั้งที ดันไปเสียให้คนขี้เมาในงานแต่งของคุณแม่… ขอเถอะ อย่าได้เจอกันอีกเลย”
เธอปาดน้ำตา ริมฝีปากสั่น
“ส่วนภีมร์… เราคงเป็นได้แค่พี่น้องกันเท่านั้น ฉันไม่คู่ควรกับเธอแล้ว… ฉันมัน… เสียไปแล้ว”
น้ำตาไหลอาบแก้มซ้ำอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงสาวใช้ดังขึ้นหน้าประตู
“คุณหนูคะ โต๊ะอาหารพร้อมแล้วค่ะ”
พลับเพารีบเช็ดน้ำตา สูดลมหายใจลึก
“ค่ะ… เดี๋ยวพลับลงไป”
ด้านล่าง...
ภีมร์นั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาแอบชะเง้อมองบันไดหลายครั้ง เหมือนรอใครสักคน คำถามค้างคาในใจ ลูกเลี้ยงของพ่อไปไหนกันนะ…
แต่เขาไม่กล้าเอ่ยถามออกมา
ภัควัฒน์หันไปมองลูกชาย ก่อนถามตรงๆ
“ภีมร์… มองหาใครอยู่รึเปล่า?”
ภีมร์สะดุ้งนิด ดวงตาหลุกหลิกยังไม่ทันได้ตอบ ดร.ภรรณิภาก็ยิ้มบางแล้วเอ่ยต่อ
“มองหาพลับเพาใช่ไหมจ๊ะ? …พลับคงดีใจมากแน่ๆ ที่ภีมร์กลับมา เธอพูดถึงภีมร์ให้อาฟังบ่อยเลยนะ”
เพียงเอ่ยชื่อ พลับเพา เท่านั้นเอง… หัวใจของภีมร์แทบหยุดเต้น เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ ริมฝีปากแห้งผาก
“…คุณอา… เป็นคุณแม่ของพลับเพาเหรอครับ?”
“ใช่จ้ะ” ดร.ภรรณิภาตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
คำตอบสั้นๆ กลับเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ ภีมร์หน้าซีดเผือด หายใจติดขัด เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังถล่มลงมา เพราะเมื่อคืน… ภายใต้ฤทธิ์เหล้าและคำยุยงใส่ไฟของแม่เล็ก เขาเผลอทำสิ่งที่เลวร้ายที่สุดลงไปกับผู้หญิงคนนั้นพลับเพา
เขากำหมัดแน่น ซ่อนอาการสั่นสะท้านไว้ใต้โต๊ะ ไม่มีใครรู้ความจริง นอกจากเขา… และเธอ
จนกระทั่ง
เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังลงมาจากบันได
ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน พลับเพาก้าวมาถึงโต๊ะอาหาร… ใบหน้ายังแดงก่ำจากการเช็ดน้ำตา แต่ฝืนยิ้มไว้ สบตากับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พลับเพาเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ช้อนสั่นเล็กน้อยในมือ ใบหน้าเธอร้อนวูบ ตาเหลือบไปเห็นเขา… ภีมร์
ภีมร์ที่นั่งตรงข้ามกับเธอ เงยหน้าช้าๆ ดวงตาสบกับพลับเพาในวินาทีนั้น ใจเต้นแรงจนเหมือนจะกระแทกอก ใบหน้าแทบชา น้ำเสียงในใจสั่นสะท้าน
พลับเพาสะดุ้งเล็กน้อย แต่รีบก้มหน้าก้มตาเข้าหาอาหาร ปากสั่นเบา เธอไม่กล้าสบตาใคร แม้แต่กับเขา
ทั้งสองคน…
นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เงียบสนิท
ไม่กล้าพูด ไม่กล้าหายใจแรง ไม่กล้าทำอะไรที่อาจดึงดูดความสนใจจากพ่อ แม่ และแม่เล็ก
สายตาที่บังเอิญสบกันในวินาทีนั้น ทำให้หัวใจของทั้งคู่แทบหยุดเต้น
ใบหน้าชาของทั้งสองเหมือนถูกแข็งเป็นน้ำแข็ง ภายใต้ความเงียบ… เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ร้อนรน และความเจ็บปวดที่เก็บไว้มานาน
ผู้ใหญ่รอบโต๊ะยังคงพูดคุยเรื่องอาหารและเรื่องทั่วไป พลับเพาและภีมร์ต้องฝืนตัวเองให้เข้ากับบรรยากาศ ทั้งที่ข้างใน… ทุกอย่างแทบระเบิดออกมา
พลับเพาพยายามฝืนยิ้ม ขณะตักอาหารเข้าปากทีละคำ แม้ใจจะเต้นแรงทุกครั้งที่สบตาภีมร์ตรงข้าม
เธอค่อยๆ ทานอาหารอย่างเงียบๆ ไม่กล้าพูดมาก แต่ก็พยายามให้เหมือนปกติ พ่อ แม่ และแม่เล็กคุยกันรอบโต๊ะ พลับเพาฟังไปด้วย แต่สมาธิกลับไปอยู่ที่เขา
เมื่อทานอาหารเสร็จ พลับเพาล้วงมือหยิบผ้าเช็ดปาก ก้มหน้าแล้วพูดเสียงนุ่ม
“พลับขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ"
ภีมร์รีบเอ่ยขึ้นทันที ใจเต้นแรง “งั้น… ผมขอตัวเหมือนกันนะครับ… อยากอาบน้ำที่บ้าน”