มินตราหรือมินครูสาววัย 25 ปี เดินออกจากบ้านไม้ยกพื้นสูง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสพร้อมสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่
หญิงสาวเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของเธอไม่ไกล ในทุกในเธอจะตื่นตั้งแต่เช้าช่วยป้าจันทร์ทำกับข้าวและทานข้าวด้วยกันก่อนจะออกจากบ้าน
วันนี้เป็นวันพฤหัสบดีทางโรงเรียนมีนโยบายให้ครูและนักเรียนสวมชุดที่ทำจากผ้าไทย หญิงสาวสวมชุดผ้าฝ้ายที่ตัดเย็บด้วยฝีมือของป้าจันทร์ ป้าที่รับเธอมาเลี้ยงเป็นลูกตั้งแต่เธอยังเด็ก
มือเรียวถือปิ่นโตสำหรับมื้อกลางวัน ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นหางม้า มีปอยผมเล็กน้อยปรกข้างแก้ม เผยให้เห็นใบหน้ารูปไข่ นัยน์ตาคู่โตสีน้ำตาลเข้มเปล่งประกายสดใส เธอติดโบผูกผมทำจากเศษผ้าที่เหลือจากการตัดชุด
"ป้าจันทร์ ลุงชิด มินไปโรงเรียนแล้วนะคะ" เสียงหวานใสเอ่ยบอกกล่าวกับพ่อและแม่บุญธรรมที่กำลังง่วนอยู่กับการดูแลแปลงผักสวนครัว ป้าจันทร์เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มตอบ
“ขับรถดีๆ นะลูก แล้วอย่าลืมกินข้าวกลางวันให้หมดล่ะ” ป้าจันทร์กำชับด้วยความเป็นห่วงในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก
"ค่ะป้าจันทร์ ลุงกับป้าก็อย่าลืมกินข้าวด้วยนะคะเย็นนี้มินอาจกลับช้าหน่อยนะคะ ว่าจะแวะซื้อของในตลาดนัดสักหน่อย ลุงกับป้าอยากได้อะไรไหมคะ” หญิงสาวหมายถึงตลาดนัดหน้าอำเภอที่จะมีทุกวันพฤหัสบดี
“ไม่ล่ะจ้ะ ป้าเพิ่งไปตลาดนัดมาเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง”
“แล้วลุงล่ะคะมีอะไรอยากได้ไหม”
“ไม่มีเหมือนกันจ้ะ หนูรีบไปเถอะ ไปแต่เช้าจะได้ไม่ขับรถเร็ว” ลุงชิดบอกด้วยความเป็นห่วง
เมื่อบอกลาลุงกับป้าแล้วหญิงสาวก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับก่อนจะเคลื่อนรถออกจากหน้าบ้าน
รถยนต์คันเล็กที่เธอขับมานั้นเป็นรถมือสองที่ซื้อมาในราคาไม่แพงมากนัก เดิมทีมินตราไม่ได้อยากซื้อเลยเพราะโรงเรียนที่เธอสอนอยู่นั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ถ้าจะขี่รถจักรยานยนต์ไปก็ได้ แต่พอถึงฤดูฝนก็จะต้องลำบากหน่อย หญิงสาวเลยตัดสินใจซื้อเพื่อความสะดวกในการไปทำงาน
เธอขับรถไปตามถนนลูกรังที่ทอดตัวผ่านทุ่งนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา อากาศยามเช้าบริสุทธิ์และสดชื่น กลิ่นดินและกลิ่นหญ้าหลังฝนตกเมื่อคืนยังคงลอยอบอวลในอากาศ ทุกวันของเธอเป็นเช่นนี้ ไม่หวือหวา ไม่เร่งรีบ แต่เต็มไปด้วยความสุขสงบในแบบฉบับของตัวเอง เมื่อออกจากหมู่บ้านก็เข้าสู่ถนนใหญ่ขับต่อไปอีกสักพักก็ถึงโรงเรียนที่เธอสอนอยู่
เมื่อมาถึงโรงเรียนเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆ ที่กำลังเล่นกันอยู่ในสนามก็ดังขึ้น มินตรารถใต้ต้นมะม่วงใหญ่หน้าอาคารเรียน
“สวัสดีครับ/ค่ะครูมิน” เสียงของเด็กๆ ทักทาย เมื่อเธอปิดประตูลงจากรถ ครูสาวส่งยิ้มกว้างทักทายพร้อมลูบศีรษะเด็กๆ อย่างอ่อนโยน
ชีวิตของมินตราดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ห่างไกลจากความวุ่นวายของสังคมเมือง เธอไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักชายหญิง เพราะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่แสนบริสุทธิ์แห่งนี้มาตลอด เธอไม่เคยรู้จักความสัมพันธ์ซับซ้อน หรือความปรารถนาที่เร่าร้อน มีเพียงความรักที่มอบให้ครอบครัวบุญธรรม เพื่อนร่วมงาน และเด็กๆ ในความดูแลของเธอเท่านั้น
หลังเลิกเรียนมินตราแวะตลาดนัดเล็กๆ ประจำอำเภอที่เปิดแค่ช่วงเย็นเพื่อซื้อวัตถุดิบทำอาหารเย็นให้ป้าจันทร์และลุงชิด เธอเดินเลือกซื้ออาหารทะเลสดๆ ที่นานๆ จะมีมาขาย ปลาทูแม่กลองตัวอวบอ้วน และขนมหวานไทยๆ ที่ป้าจันทร์ชอบ ก่อนจะกลับถึงบ้านในช่วงหกโมงเย็นพอดี
ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าสาดแสงสีส้มแดงฉาบท้องฟ้า เธอจอดรถและก้าวลงจากรถพร้อมกับถุงกับข้าวในมือ
มินตราแปลกใจเล็กน้อย เมื่อบริเวณหน้าบ้านมีรถเก๋งคันหรูสีดำจอดอยู่เป็นภาพที่ดูขัดตามาก รถหรูกับบ้านไม้หลังเล็กดูยังไงก็ไม่เข้ากันเลยจริงๆ
นอกจากรถคันหรูแล้วยังมีชายฉกรรจ์สองคนในชุดสูทสีเข้มยืนอยู่ข้างประตูรถด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่กลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม
หัวใจของหญิงสาวเริ่มเต้นแรง สัญชาตญาณบางอย่างบอกเธอว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
หนึ่งในสองคนก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆ ดวงตาคมกริบมองมาทำให้มินตรารู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว เส้นขนทั่วร่างลุกชันอย่างควบคุมไม่ได้ เธอไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต คนที่ดูน่ากลัวและเป็นทางการจนน่าอึดอัด
ทุกก้าวที่เขาย่างเดินเข้ามา เหมือนก้าวแห่งชะตากรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้า ใบหน้าบึ้งตึงของเขาทำให้มินตรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
"คุณคือมินตราใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถาม แม้จะเป็นคำถาม แต่กลับฟังดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
มินตราพยักหน้ารับอย่างงงๆ หญิงสาวกำถุงกับข้าวในมือแน่นจนข้อนิ้วขาวขึ้น เหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร มาจากไหนและต้องการอะไรจากเธอ
“เรามีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ” ชายคนนั้นกล่าวต่อ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ดวงตาเย็นชาจับจ้องมาที่เธอ
“ฉันไม่รู้จักคุณนะคะเราจะคุยอะไรกัน” เธอถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เราไม่รู้จักกันก็จริง แต่คุณคงรู้จัก มันตราน้องสาวของคุณ” เขาตอบเสียงเข้ม
คำว่ามันตราที่เขาพูดออกมานั้นทำให้มินตรารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเพราะไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว ถุงกับข้าวในมือร่วงหล่นลงพื้น อาหารทะเลที่ตั้งใจจะนำไปทำอาหารกลิ้งเกลื่อนไปบนดิน มันตราน้องสาวฝาแฝดที่ถูกอีกครัวน่ำกันไปตั้งแต่เกิด มินตรารู้จักชื่อนี้ดีจากคำบอกเล่าของป้าจันทร์ที่ว่าเธอมีน้องสาวฝาแฝดอีกคน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ยินชื่อนี้จากคนแปลกหน้า และในสถานการณ์ที่ดูไม่น่าไว้ใจเช่นนี้
ในหัวมินตราเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อัดแน่น เธอไม่รู้ว่ามันตราอยู่ที่ไหน เธอถึงไม่เคยพบหน้ากันเลย และตอนนี้เขาจะมาคุยเรื่องนี้กับเธอทำไมหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันตรากันแน่