ตอนที่ 7
ห้องหอไร้รัก
พิธีวิวาห์อันเรียบง่ายที่โบสถ์เล็กๆ จบลงแล้ว มินตราก็ถูกพามายังคฤหาสน์ของกวินภพ รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าตัวคฤหาสน์ที่ใหญ่โตและหรูหราไม่แพ้คฤหาสน์ที่เธอเคยไปฝึกฝนการเป็นมันตราเลยแม้แต่น้อย
มินตราก้าวลงจากรถด้วยชุดเจ้าสาว บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยความเงียบสงบ ต่างจากความวุ่นวายในพิธีแต่งงานเมื่อช่วงบ่าย เธอเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกที่ปนเปกันระหว่างความตื่นเต้น ความกังวล ความโดดเดี่ยวและความกลัวที่จะต้องใช้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของกวินภพ ผู้ชายที่เธอเพิ่งจะได้พบหน้าเป็นครั้งที่สองและพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ แต่ความจริงแล้ว เธอเป็นเพียง ภรรยาสวมรอยที่ถูกบังคับให้มาแต่งงานด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
แม่บ้านพาเธอเดินกลับมาที่ห้องนอนขนาดใหญ่ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีขาวเทา เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นดูเรียบง่ายแต่มีราคาแพง บ่งบอกถึงรสนิยมที่ดีของผู้เป็นเจ้าของ
เตียงนอนขนาดคิงไซส์ถูกจัดวางอยู่กลางห้อง มีเพียงแสงสลัวๆ จากโคมไฟข้างเตียงที่ให้ความสว่าง บรรยากาศภายในห้องทำให้มินรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก มินตราก้าวเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวังราวกับกำลังย่างกรายเข้าสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย เธอรู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องปรับอากาศที่เย็นยะเยือก
แม่บ้านหันมาโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้มินตราอยู่ตามลำพังในห้องที่กว้างขวางเกินไปสำหรับเธอ หญิงสาวเดินไปที่หน้าต่างและแหวกผ้าม่านออกเพื่อมองออกไปข้างนอก แต่ก็ทำได้เพียงเห็นความมืดมิดและแสงไฟระยิบระยับที่ส่องมาจากตึกสูงไกลๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกขังอยู่ในกรงทองอันงดงามแต่กลับอึดอัด
มินตราเดินกลับมานั่งลงบนขอบเตียงตอนนี้ขาของเธอรู้สึกอ่อนแรงไปหมด หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอรู้ดีว่าคืนนี้คือคืนเข้าหอ คืนที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับกวินภพอย่างใกล้ชิด หญิงสาวรู้สึกประหม่าและกังวลอย่างบอกไม่ถูก ภาพของกวินภพในชุดสูทสีดำ ใบหน้าคมเข้ม และดวงตาที่นิ่งเฉยมันทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงและแทบจะลืมว่ากำลังสวมรอยเป็นใครอยู่
หญิงสาวไม่รู้ว่าเขาจะปฏิบัติต่อเธออย่างไร จะรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเธอกับมันตราหรือไม่ และเธอจะสามารถทำบทบาทนี้ต่อไปได้นานแค่ไหน
เสียงประตูห้องเปิดออก ทำให้มินตราสะดุ้งเล็กน้อย กวินภพเดินเข้ามาในห้องแล้วเดินเลยไปยังห้องแต่งตัวก่อนจะเดินกลับมาหาเธออีกครั้ง
“ห้องน้ำและห้องแต่งตัวอยู่ด้านนู้น ส่วนกระเป๋าคนใช้ที่บ้านของคุณเอามาให้ตั้งแต่เช้าแล้ว คนของผมจัดเข้าตู้แล้ว” เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบเย็นชา ไม่เหมือนคนที่เพิ่งจะแต่งงาน แต่มินตราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขามาก ยิ่งเขาทำเย็นชามันก็ดีกับตัวเธอ
“ขอบคุณค่ะ คุณภพ”
"คุณคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" กวินภพพูดกับเธอขณะมือก็ปลดเนกไทออกอย่างช้าๆ
มินตราพยักหน้าเธอไม่รู้จะตอบอะไร เพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
“คุณภพก็คงเหมือนกันใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามพลางใส่จริตลงไปในน้ำเสียงอย่างเต็มที่
“ผมไม่เท่าไหร่หรอก เดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำก่อนนะคุณคงยังต้องใช้เวลาถอดชุดอีกนาน ถ้าถอดคนเดียวไม่ได้จะเรียกแม่บ้านมาช่วยก็ได้ เห็นอินเตอร์คอมตรงนั้นไหม กดเรียกได้เลย” กวินภพชี้ไปทางเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ที่อยู่ภายในห้องนอน
“ค่ะ”
เขาถอดเนกไทออก แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ มินตราได้ยินเสียงน้ำไหลจากฝักบัวดังลอดออกมาจากห้องน้ำ เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ เธอใช้เวลาในช่วงที่เขากำลังอาบน้ำถอดชุดแต่งงานออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดคลุมอาบน้ำและมานั่งรอที่เก้าอี้อ่านหนังสือมุมห้อง
หญิงสาวนั่งทบทวนสิ่งที่ครูฝึกได้สอนมาทั้งหมด ทั้งบุคลิก ความชอบ และประวัติส่วนตัวของมันตรา รวมถึงวิธีการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในคืนนี้
เมื่อกวินภพออกมาจากห้องน้ำ เขาเปลี่ยนเป็นชุดนอนผ้าไหมสีเข้ม และเดินมานั่งลงข้างๆ เธอ มินตราชะงัก เธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่และกลิ่นกายของเขาโชยมาแตะจมูกเธอก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเขา
“ไปอาบน้ำเถอะ”
มินตรารีบลุกไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำค่อนข้างนานและคิดว่าถ้าออกมากวินภพน่าจะหลับไปแล้ว
แต่เธอคิดผิดเพราะเมื่ออกมาจากห้องก็เห็นเขานั่งพิงหัวเตียงในมือถือแท็บเล็ตและกำลังอ่านอะไรสักอย่างในนั้นด้วยความสนใจ
“ยังไม่ง่วงเหรอคะ”
“ปกติผมนอนดึกน่ะ คุณล่ะ”
“มิ้นต์นอนไม่เกิดเที่ยงคืนค่ะ” หญิงสาวตอบตามข้อมูลแต่ปกติถ้าเป็นตัวเธอเองจะนอนตั้งแต่สี่ทุ่มเพราะต้องตื่นเช้ามาช่วยป้าจันทร์ทำกับข้าวก่อนไปทำงาน
“มานั่งตรงนี้สิ” กวินภพเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ฟังเหมือนเป็นคำสั่งทำให้มินตราขยับตัวตามอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ราวกับมีพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังดึงดูดเธอเข้าไปหาเขา
เธอนั่งลงข้างๆ เขาอย่างเกร็งๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นจากร่างกายของกวินภพที่แผ่ซ่านเข้ามาใกล้ แม้จะมีระยะห่างแต่ความรู้สึกอึดอัดก็ยังคงมีอยู่เต็มเปี่ยม
“คุณคงรู้ว่าคืนนี้ว่าเราแต่งงานกันแล้วและคืนนี้ก็เป็นคืนแรกที่เราอยู่ด้วย” เขาพูดเรียบแต่แววตาที่ยากจะคาดเดา
มินตรายังคงก้มหน้าเธอพยายามคิดหาข้ออ้างที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้
เธอจำได้ว่าครูฝึกเคยบอกเธอว่ามันตราเป็นคนเจ้าชู้ และมีความสัมพันธ์กับผู้ชายหลายคน แต่เธอเองยังคงเป็นผู้หญิงบริสุทธิ์ เธอไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้เขาเชื่อและไม่รู้ว่าเขาจะจับได้หรือไม่ว่าเธอโกหก
"คือมิ้นต์เป็นรอบเดือนค่ะ" มินตรารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้าเมื่อต้องโกหกเรื่องส่วนตัวแบบนี้และหวังเธอหวังว่าเขาจะไม่จับได้
กวินภพชะงักเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่เธออย่างพิจารณา สายตาของเขาทำให้มินตรารู้สึกเหมือนถูกมองทะลุปรุโปร่ง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เธอพยายามแสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจที่สุดเท่าที่จะทำได้
กวินภพถอนหายใจออกมาเบาๆ ราวกับจะบอกว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่โซฟาตัวยาวที่อยู่กลางห้อง ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ มินตรามองตามเขาอย่างประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะยอมง่ายๆ แบบนี้ เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ยังคงกังวลว่าเขาจะจับได้ว่าเธอโกหกหรือไม่
“คุณนอนบนเตียงเถอะ”
มินตราอึ้งเธอไม่คิดว่าเขาจะใจดีถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอบคุณค่ะ” มินตราตอบเสียงเบา เธอรีบล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง พยายามสงบจิตใจที่เต้นรัวของตัวเอง เธออบเปิดผ้าห่อมออกหันไปมองกวินภพที่นอนอยู่บนโซฟา เขานอนนิ่งและคงหลับไปแล้ว