ตอนที่ 8
แต่งงานแล้วงดเซ็กซี่
คืนแรกของการแต่งงานผ่านไปอย่างเงียบสงบ มินตรานอนไม่หลับตลอดทั้งคืน เธอพลิกตัวไปมาบนเตียง พยายามหลับตาลง แต่ภาพของคฤหาสน์หลังใหญ่ ใบหน้าของคุณสันติ และคำพูดของเขาที่ว่าเธอจะต้องสวมรอยเป็นมันตรายังคงวนเวียนอยู่ในความคิด เธอไม่รู้ว่าชีวิตในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร แต่เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เธอหลับตาลงอีกครั้ง พยายามจดจำภาพของป้าจันทร์และลุงชิด ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยของท่านทั้งสองยังคงเป็นพลังใจเดียวที่ทำให้เธอทำทุกอย่างให้สำเร็จ
เช้าวันรุ่งขึ้นมินตราลืมตาตื่นและมองไปรอบๆ ห้องแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งจะแต่งงานเมื่อวานและเมื่อคืนเธอกับเจ้าบ่าวก็นอนกันคนละที่ หญิงสาวพลิกตัวมองไปยังโซฟาที่กวินภพนอนหลับอยู่เมื่อคืนเขายังคงนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น
เธอค่อยลุกจากเตียงอย่างเบาที่สุด หญิงสาวพักผ้าห่มจัดเตียงอย่างเรียบร้อยตามนิสัยเดิมที่ทำเป็นประจำจัดการธุระส่วนตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
มินตรามองเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้แล้วถอนหายใจเพราะชุดที่คนของลุงสันติเตรียมให้ไม่มีชุดไหนที่เหมาะจะใส่อยู่ที่บ้านเลย
“ตื่นเช้าจังนะ”
“คุณภพ อรุณสวัสดิ์ค่ะ มิ้นต์ทำเสียงดังทำให้คุณหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกปกติผมตื่นเวลานี้” เขาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดออกกำลังกายมาถือไว้
“คุณต้องไปทำงานแต่เช้าเหรอคะ” เธอคิดว่ามันยังเช้าไปถ้าเขาจะออกจากบ้านในตอนนี้เพราะเขาเป็นถึงผู้บริหารคงไม่ต้องรับเข้างานให้ตรงเวลา
“เปล่าผมต้องออกกำลังกายก่อนไปทำงานนะ แล้วนี่คุณทำอะไรอยู่ตื่นนานแล้วเหรอ”
“ตื่นได้สักพักแล้วค่ะ มิ้นต์กำลังเลือกชุดอยู่ค่ะ แต่ดูเหมือนแม่บ้านจะเตรียมมาแค่ชุดสำหรับออกไปข้างนอก ไม่มีชุดที่จะใส่อยู่บ้านเลย” หญิงสาวชี้ให้เขาดูว่าในตู้เธอมีแต่เดรสหรือไม่ก็พวกสายเดี่ยวทั้งนั้น
“ลองเปิดอีกตู้สิ” เขาชี้ไปตู้ริมสุด
เมื่อหญิงสาวเปิดตู้ออกก็รู้สึกแปลกใจเพราะด้านในมีชุดผู้หญิงอยู่หลายแบบและดูแล้วมันเซ็กซี่น้อยกว่าชุดที่แม่บ้านของลุงสันติเตรียมไว้ให้
“ของใครคะ”
“ผมให้คนเตรียมไว้น่ะ มีหลายแบบเพราะไม่รู้ว่าคุณจะชอบแบบไหน”
“ถ้าเป็นแต่ก่อนมิ้นต์ชอบใส่พวกเดสหรือก็สายเดี่ยวค่ะ แต่ตอนนี้มิ้นต์แต่งงานแล้วแต่งตัวเซ็กซี่แบบนั้นคงไม่เหมาะเท่าไหร่คุณภพว่าจริงไหมคะ” หญิงสาวหันมาขอความคิดเห็น
“ก็จริงนะ ถ้าไม่ชอบชุดที่มีอยู่จะออกไปซื้อก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”
กวินภพเข้าไปในห้องน้ำและออกมาอีกครั้งด้วยชุดออกกำลังกาย
“ผมไปออกกำลังกายล่ะ อาหารเช้าบ้านนี้แปดโมงนะ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องแต่งตัวไป
มินตราเลือกที่จะสวมชุดลำลองเรียบๆ เสื้อเชิ้ตคอปกแต่งลายเล็กๆ ที่หน้าอกสีครีมกับกางเกงผ้าสีเข้มกว่าเสื้อ ซึ่งเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากมันตราอย่างสิ้นเชิง แต่เธอก็รู้สึกสบายใจที่สุดเมื่อได้เป็นตัวของตัวเองและเธอคิดว่าเหตุผลที่เปลี่ยนการแต่งตัวที่บอกกับกวินภพไปเขาจะเชื่อ
หญิงสาวรวมผมแล้วติดกิ๊บที่เธอเจอในตู้เสื้อผ้า ซึ่งคิดว่าคนของกวินภพน่าจะเตรียมไว้ พอทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็ลงมายังด้านล่าง หญิงสาวมองไปทั่วบ้านไม่เห็นใครเธอจึงเดินไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงคนคุยกัน มินตราเดินมาตามเสียงจนกระทั่งถึงห้องครัวที่ตอนนี้แม่บ้านคนเมื่อวานกำลังทำอาหารอยู่
“คุณผู้หญิงคะ มาทำอะไรตรงนี้” แม่บ้านคนเมื่อวานตกใจที่เห็นนายหญิงของบ้านเข้ามาถึงในครัว
“ป้าเรียกว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ อย่าเรียกแบบนั้นเลย” เธอยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับแม่บ้าน
“ป้าชื่อป้ากัลยานะคะคุณมิ้นต์”
“หนูชื่อเหมียวค่ะ เป็นคนใช้ที่นี่คุณมิ้นต์มีอะไรเรียกใช้เหมียวได้ตลอดเวลาเลยนะคะ เหมียวยินดีรับใช้ค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองคนนะ กำลังทำอาหารกันอยู่ใช่ไหม มีอะไรให้มิ้นต์ช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ชุดคุณมิ้นต์จะเปื้อนเอา คุณไปรอที่ห้องรับแขกก็ได้นะคะหรือถ้าเบื่อๆ จะเดินชมบ้านก็ได้นะคะ เมื่อวานคุณเพิ่งมาถึงคงยังไม่ทันได้ดูอะไร เช้าแบบนี้กุหลาบที่แปลงหน้าบ้านกำลังสวนเลยค่ะ”
“งั้นมิ้นต์ของไปเดินดูรอบๆ บ้านก่อนนะคะ”
“หญิงสาวเดินออกมานอกบ้านและไปยังแปลงกุหลาบที่ออกดอกบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมทำให้รู้สึกสดชื่นมาก
ระหว่างเดิมชมสวนกวินภพก็วิ่งผ่านมาพอดี เขาหยุดวิ่งแล้วเดินเข้ามาใกล้
“ชอบเหรอ”
“คะ สวยและหอมมาก มันสดชื่นดีค่ะ”
“ถ้าอยากได้ไปใส่แจกัญก็บอกลุงสว่างนะ ตอนนี้เขากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หลังบ้าน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้มันอยู่บนต้นแบบนี้ก็สวยดีค่ะ”
“งั้นก็ตามใจ” กวินภพออกวิ่งอีกครั้งส่วนหญิงสาวก็เดินดูไปทั้งบริเวณบ้าน
ไม่นานเธอกลับเข้ามาในห้องรับแขก พอถึงเวลาหารกวินภพก็เดินลงมาจากชั้นสอง เมื่อเดินผ่านก็พยักหน้าเล็กน้อย แต่มินตราก็เข้าใจลุกขึ้นตามเขาไปที่ห้องครัว
เธอเดินตามกวินภพลงไปที่ห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ โต๊ะอาหารยาวเหยียดที่ปูด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา มีอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ
กวินภพนั่งลงที่หัวโต๊ะ มินตรานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเขา บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบสงบ ไม่มีเสียงพูดคุย มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจานเบาๆ มินตรารู้สึกอึดอัดกับความเงียบนี้ เธอพยายามรักษากิริยามารยาทให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และพยายามทำตัวให้เหมือนมันตรา ซึ่งก็คือการไม่สนใจใครมากนักและทานอย่างรวดเร็ว
หลังจากอาหารเช้า กวินภพก็ลุกขึ้นยืน
“ผมจะไปทำงานแล้ว” เขาบอกสั้นๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หญิงสาวรีบลุกตามและเดินมาส่งเขาที่รถเพราะเรื่องนี้เธอเองก็ถูกฝึกมาเหมือนกัน
“ถ้าอยากออกไปข้างนอกก็บอกป้ากัลยานะ”
“ค่ะ” เธอยิ้มหวานให้เขาก่อนที่จะเข้าไปในรถ
หลังจากกวินภพไปทำงานแล้วมินตราก็กลับเข้ามาที่ห้องรับแขกหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาล็อกเอาท์ออกจากไอดีที่แกล้งว่าเป็นมันตราซึ่งไอดีนั้นเธอเพิ่งสมัครเมื่อสองสัปดาห์ก่อนและไม่มีอะไรมากนอกจากรูปของเธอที่เพิ่งถ่าย ถ้ากวินภพถามหญิงสาวก็จะบอกว่าเพิ่งสมัครใหม่และต้องการความเป็นส่วนตัวจึงไม่มีเพื่อนในนั้น
หญิงสาวล็อกอินเขาไอดีของตัวเองแล้วยิ้มเมื่อเห็นโพสต์ของเพื่อนครูที่ส่งคลิปเด็กๆ บอกว่ากำลังคิดถึงครูมินมาให้
“คุณมิ้นต์ต้องการอะไร ก็เรียกป้านะคะ ป้าจะทำงานอยู่แถวนี้”
“ป้ามีอะไรให้มิ้นต์ช่วยทำไหมคะ มิ้นต์ว่าอยู่เฉยๆ แบบนี้ต้องเบื่อแน่ๆ”
“ที่นี่มีห้องสมุดด้วยนะคะ คุณมิ้นต์จะเข้าไปใช้ก็ได้นะคะ”
“น่าสนใจนะคะ แล้วห้องนั้นอยู่ตรงไหนคะ”
“เดี๋ยวป้าพาไปค่ะ”
เธอเดินเข้าไปในห้องสมุดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย มินตรายิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นหนังสือหลากหลายประเภทวางเรียงรายอยู่บนชั้น เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่าน แล้วนั่งลงบนโซฟาหนังนุ่มๆ พยายามจะหลีกหนีจากความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่
แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำให้เธอต้องวางหนังสือลงแล้วกดรับเพราะคนที่โทรเข้ามาคือลุงสันติ
“สวัสดีค่ะ”
“เป็นยังไงบ้างเขาจับผิดได้ไหม”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วตอนนี้หนูทำอะไรอยู่”
“มิ้นต์อยู่ในห้องสมุดค่ะ”
“ไม่ได้นะ มันตราจะไปอ่านหนังสือแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็มันตราชอบออกไปช้อปปิ้งหรือไม่ก็ไปดื่มกาแฟตามคาเฟ่ดังๆ ถ้าเอาแต่อยู่บ้านคนจะสงสัย”
“ถ้าเขาสงสัยมิ้นต์จะบอกว่ามิ้นต์กำลังปรับตัวให้เป็นแม่บ้านที่ดีหลังแต่งงานดีไหมคะ มิ้นต์กลัวออกไปข้างนอกแล้วจะเจอคนรู้จักของมันตราค่ะ”
“เอางั้นก็ได้แต่อย่าให้ความแตกนะ เดือนหน้าคุณภพจะลงนามในสัญญาสร้างโรงแรมแห่งใหม่ ถ้างานนี้สำเร็จลุงจะกลายเป็นหุ้นส่วนของเขาอย่างสมบูรณ์”
“ค่ะ” หญิงสาวเข้าใจและอยากให้ถึงวันนั้นเร็วเพราะเงินก้อนที่สองจะถูกโอนให้กับป้าจันทร์ถ้างานสำเร็จไปอีกขั้น