ตอนที่ 10
ของขวัญวันแต่งงาน
เมื่อถึงเวลาสิบโมงกวินภพก็ขับรถมาจอดที่ร้านกาแฟที่นัดกับยงยุทธไว้ นอกจากงยุทธจะเป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุดแล้วชายหนุ่มยังเป็นทนายของบริษัทและเป็นคนกว้างขวางในการหาข้อมูลอีกด้วย
“มีอะไรวะภพ ดูเครียดๆ นะ” ยงยุทธทักขึ้นทันที
กวินภพสั่งกาแฟมาวางตรงหน้า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เขาสงสัยให้ยงยุทธฟัง
“ฉันรู้สึกว่ามิ้นต์ไม่เหมือนเดิม” กวินภพเอ่ยขึ้น
“หมายถึงยังไงวะ” ยงยุทธเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“หลายอย่างเลย ตั้งแต่ท่าทางการพูดจาแววตาและรอยยิ้มที่ดูจริงใจกว่าที่ฉันเคยเห็น” กวินภพอธิบาย
“นายคิดมากไปหรือเปล่า นายกับคุณมิ้นต์ไม่ได้สนิทกันมากก่อนแต่งนะ”
“มันก็ใช่ที่ฉันกับเธอไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้นิสัยของเธอบ้างและรู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน”
“แล้วมันต่างจากตอนนี้ยังไง”
“เมื่อคืนเธอบอกว่าเธอไม่ชินกับการนอนกับคนอื่นแล้วดูเหมือนจะตื่นเต้นที่นอนร่วมเตียงกับฉัน แต่พอฉันถามเธอก็ว่าเพราะฉันเป็นสามี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอเคยมีแฟนมาแล้วหลายคน ไม่น่าจะมีท่าทีเขินอายแบบนั้น”
“เธออายเหรอ”
“อือ นอกจากอายแล้วยังบอกฉันว่าเป็นรอบเดือน มันตลกไหมล่ะ แต่งงานมาสองคืนแล้วฉันกับเจ้าสาวยังไม่เคยมีอะไรกัน” กวินภพพูดอย่างหัวเสีย
“ที่ว่าเธอแปลกเพราะยังไม่ได้นอนกับเธอนี่เอง” ยงยุทธพูดพลางหัวเราะร่วน
“ไม่ใช่นะเว้ย ฉันไม่ได้บ้ากามขนาดนั้น ก็แต่เห็นท่าทางของเธอแล้วมันขัดตาน่ะ”
“แล้วนายคิดว่ายังไง”
“ฉันคิดว่าเธออาจจะไม่ใช่มิ้นต์” กวินภพเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตลกแล้วภพ มันจะเป็นไปได้ไงวะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เธอเปลี่ยนไปมากจนฉันรู้สึกได้ นายช่วยสืบเรื่องนี้ให้ฉันหน่อยได้ไหม ยงยุทธ สืบให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นใครกันแน่”
“จะเป็นใครได้ล่ะ หน้าเหมือนขนาดนั้น หรือว่าคุณมิ้นต์เธอมีแฝด” ยงยุทธตั้งข้อสังเกต
“แต่เท่าที่ฉันรู้จักครอบครัวลุงสันติท่านก็ไม่เคยพูดนะว่ามีลูกสาวอีกคน พ่อกับแม่ของฉันก็ไม่เคยพูดถึงเลย”
“ฉันจะลองสืบดูนะ แต่ไม่รับปากว่าจะได้อะไรหรือเปล่า”
“อือ ฝากด้วยนะ อย่าบอกเรื่องนี้กับใครล่ะ”
“รู้แล้วน่า มีอะไรคืบหน้าจะรีบแจ้งนายทันที”
ในแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับมินตรา กวินภพยังคงออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาในตอนเย็น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม และทุกคืนเขาก็ยังคงนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่านั้น มินตราพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
เช้าวันศุกร์ขณะที่มินตรากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด เสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น หญิงสาวกดรับสายด้วยความตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่กวินภพโทรหา หญิงสาวนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเขาโทรมาทำไม
“สวัสดีค่ะ”
“ผมเองนะมิ้นต์”
“คุณภพมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เย็นนี้ผมเลิกงานเร็วนะ ว่าจะพาออกมาช้อปปิ้งสักหน่อย เราจะทานข้าวนอกบ้านและไปฟังเพลงกันต่อเตรียมตัวให้พร้อมนะ ผมน่าจะถึงบ้านสักสี่โมง”
“ได้ค่ะ” เธอตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพราะไม่อยากให้เขามองว่าเธอเรื่องมาก
เมื่อวางสายจากกวินภพแล้วหญิงสาวก็คิดหนักแม้จะรู้ว่ามันตราตัวจริงชอบช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ แต่เธอไม่แน่ใจว่าการที่กวินภพพาไปช้อปปิ้งครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงหรือไม่ หรือเขาแค่ต้องการจะตามใจภรรยา
เมื่อกวินภพกลับมาถึงบ้านในตอนบ่าย มินตราก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกไปข้างนอก เธอสวมชุดเดรสยาวสีเขียวมิ้นต์อ่อนๆ ที่กวินภพซื้อให้เมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นชุดที่เรียบง่ายแต่ก็ดูดี กว่าชุดของมันตรา
“พร้อมแล้วใช่ไหม” กวินภพถามสั้นๆ เมื่อเห็นเธอเดินลงมา
“พร้อมแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้เขาสายตาที่มองซ่อนความกังวลเอาไว้
รถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง มินตรารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก่อนเธอไม่เคยเข้ากรุงเทพและมาเดินห้างใหญ่ๆ แบบนี้ แต่ลุงสันติก็ให้คนพาเธอมาเดินและเรียนรู้รสนิยมของมันตรา
กวินภพไม่ได้ใช้งานคนขับรถเพราะเขาอยากอยู่กับหญิงสาวตามลำพัง ระหว่างทางก็คอยเหลือบมองเธอเป็นอยู่บ่อยๆ
“เราจะไปซื้ออะไรก่อนดีล่ะ” กวินภพถามเมื่อเดินเข้ามาในห้างขนาดใหญ่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
“ไปดูเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ” มินตราสลัดความเป็นตัวเองทิ้ง เธอต้องซื้อต้องเลือกและให้เขาเป็นคนจ่ายทั้งที่จริงตัวของเธอนั้นเป็นคนขี้เกรงใจมาก
กวินภพก็เดินนำไปที่โซนเสื้อผ้าแบรนด์เนม มินตราเดินตามเขาไปเงียบๆ
“อยากได้เบรนด์ไหนล่ะ”
“มิ้นต์เลือกเสื้อผ้าเองมาเยอะแล้ว ตอนนี้ขอให้คุณภพเป็นคนช่วยเลือกให้ดีไหมคะ” มินตราทำเสียงอ้อนและคล้องแขนเขาอย่างประจบ
มินตราคิดว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีคือการผลักภาระให้เขาเป็นคนเลือก เพราะถ้าเธอเลือกเองก็คงเสียดายเงินมากและเขาต้องสงสัยแน่ว่าทำไมเธอต้องเลือกแต่ของถูกๆ
หญิงสาวสังเกตว่ากวินภพเลือกเสื้อผ้าให้เธออย่างพิถีพิถัน เขาหยิบเสื้อผ้าหลายชุดมาให้เธอเลือก ทั้งชุดเดรสหรูหรา เสื้อผ้าลำลองและชุดทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุดที่เรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ ต่างจากชุดที่มันตราเคยใส่ซึ่งเน้นความเซ็กซี่และโฉบเฉี่ยว
“ชอบชุดไหน” กวินภพถามขึ้นขณะที่เธอกำลังลองชุดเดรสยาวสีครีม
“สวยทุกชุดเลยค่ะ คุณภพเลือกให้ดีมากเลย” มินตราตอบตามความรู้สึก เพราะเสื้อผ้าที่เขาเลือกให้เป็นสไตล์ที่เธอชอบจริงๆ
“ไม่คิดว่าจะชอบชุดเรียบๆ แบบนี้”
มินตราชะงักไปเล็กน้อย เธอเกือบจะหลุดปากบอกว่านี่คือสไตล์ที่เธอชอบ แต่ก็รีบเปลี่ยนคำพูด
“ก็มิ้นต์คิดว่าตอนนี้มิ้นต์แต่งงานแล้ว ก็ควรจะแต่งตัวให้เหมาะสมกับสถานะใช่ไหมคะ คนอื่นจะได้ไม่มองว่าภรรยาคุณภพแต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศ” เธอพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่เธอเคยบอกเขาเรื่องการเปลี่ยนการแต่งตัว
กวินภพไม่ได้พูดอะไรต่อเขาแค่พยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเลือกชุดอื่นๆ เพิ่มเติม มินตราชะเง้อคอไปมองดูป้ายราคาที่ชุด และรู้สึกตกใจกับตัวเลขที่ปรากฏ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสื้อผ้าจะมีราคาแพงขนาดนี้
หลังจากเลือกเสื้อผ้าได้หลายชุด กวินภพก็พาเธอเดินต่อไปยังโซนเครื่องประดับและนาฬิกา มินตราได้แต่มองตามเขาไปเงียบๆ เธอเห็นเขาหยิบนาฬิกาเรือนหนึ่งขึ้นมาดู ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหราและมีราคาสูงลิ่ว
“ชอบไหม” กวินภพถามขึ้น
“สวยค่ะ” เธอไม่อยากตอบว่าชอบเพราะกลัวว่าเขาจะซื้อให้
“ลองใส่ดูสิ” เขายื่นให้เธอ
มินตรารับมาลองใส่ ข้อมือเล็กๆ ของเธอดูบอบบางเมื่อเทียบกับนาฬิกาเรือนหรู กวินภพมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจซื้อนาฬิกาเรือนนั้นให้เธอ
“คุณภพค่ะ มิ้นต์ว่ามันแพงไปหรือเปล่าคะ” หญิงสาวกระซิบ
“ผมว่าไม่แพงเลยนะ ถือว่าเป็นของขวัญให้คุณในวันแต่งงานก็ก็แล้วกันนะ ขอโทษทีที่ให้ช้าไปหน่อย” เขากระซิบกลับแต่ก็รู้สึกแปลกใจที่ภรรยาปฏิเสธ
“ขอบคุณค่ะคุณภพ” หญิงสาวยิ้มกว้างแม้รู้ว่าเขาซื้อให้เพราะคิดว่าเธอคือมันตราแต่เธอก็ดีใจ