ตอนที่ 11
จับผิดไปทีละนิด
หลังจากช้อปปิ้งเสร็จแล้ว กวินภพก็พาเธอไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารฝรั่งเศสบรรยากาศหรูหรา มินตราชื่นชมบรรยากาศในร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีเสียงเพลงบรรเลงคลอเบาๆ สร้างความโรแมนติกให้กับมื้ออาหาร
“อาหารอร่อยไหม” กวินภพถามขึ้นขณะที่เธอกำลังตักซุปเห็ดเข้าปาก
“อร่อยมากเลยค่ะ มิ้นต์ไม่เคยทานอาหารอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย” มินตราตอบด้วยรอยยิ้มจริงใจ
กวินภพมองเธออีกครั้ง สายตาของเขาดูเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่างในตัวเธอ
“แต่ก่อนมิ้นต์ไม่ค่อยชอบอาหารฝรั่งเศส” เขาเอ่ยขึ้นลอยๆ และเมื่อเห็นสีหน้าเธอตกใจเขาก็แอบยิ้มที่มุมปาก ถ้าหากได้อยู่กับเธอบ่อยๆ ขาคงจับผิดเธอได้ไม่ยาก
มินตราชะงักไปเล็กน้อย เธอเกือบลืมไปแล้วว่าเธอกำลังสวมบทบาทเป็นมันตรา
“มิ้นต์ก็เพิ่งจะลองทานจริงจังครั้งแรกค่ะ ปกติก็ไม่ค่อยได้ทานเท่าไหร่ แต่พอได้ลองแล้วก็รู้สึกว่าอร่อยดีค่ะบางทีมันอาจจะเป็นเพราะมิ้นต์มีความสุขที่ได้มาทานกับคุณภพก็ได้นะคะ” เธอแก้ตัวไปตามน้ำ
กวินภพยิ้มแล้วกลับไปทานอาหารของตัวเองเงียบๆ แต่ในใจของเขาก็ยังคงมีคำถามมากมายผุดขึ้นมา
หลังอาหารเย็น กวินภพก็พาเธอไปฟังเพลงแจ๊สที่บาร์แห่งหนึ่ง มินตราไม่ค่อยได้ฟังเพลงแจ๊สบ่อยนัก แต่เธอก็รู้สึกเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงที่ไพเราะและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย กวินภพสั่งเครื่องดื่มมาให้เธอหนึ่งแก้ว ซึ่งเป็นม็อกเทลไร้แอลกอฮอล์
“ชอบเพลงแนวนี้ไหม” กวินภพถามขึ้น
“ชอบค่ะ มิ้นต์ไม่ค่อยได้ฟังเพลงแจ๊สบ่อยนัก แต่ก็รู้สึกว่ามันไพเราะดีนะคะ” เธอตอบตามความจริง
กวินภพมองเธออย่างสงสัยเพราะมันตราที่เขารู้จักไม่เคยบอกว่าไม่ชอบเพลงแนวนี้เพราะมันน่าเบื่อ เธอชอบเพลงจังหวะคึกคักแต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะกลัวเธอจะรู้ตัวเสียก่อน เนื่องจากวันนี้เขาจับผิดเธอได้หลายอย่างแล้ว
ชายหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบ พลางมองไปยังเวทีที่นักดนตรีกำลังบรรเลงเพลงอยู่ มินตราได้แต่นั่งเงียบๆ ปล่อยใจไปกับเสียงเพลง พยายามไม่ให้กวินภพจับผิดอะไรได้อีก
เมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนดึก มินตราก็รู้สึกเหนื่อยล้า เธอเดินเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็พบว่ากวินภพนอนอยู่บนเตียงแล้ว เธอค่อยๆ คลานขึ้นไปนอนข้างๆ เขา พยายามข่มตาให้หลับ แต่ใจก็ยังคงว้าวุ่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้
กวินภพเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน เขานอนพลิกตัวไปมา พยายามทบทวนเหตุการณ์ตลอดทั้งวัน มันตราในวันนี้แตกต่างจากมันตราที่เขารู้จักอย่างชัดเจน การแต่งตัวที่เรียบร้อยขึ้น ความชอบในอาหารฝรั่งเศสและเพลงแจ๊สที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าเธอไม่ใช่คนเดิม
ในหัวของกวินภพมีคำถามอยู่มากมายเธอเป็นใครกันแน่ทำไมถึงมาสวมรอยเป็นมันตราและใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้
กวินภพพลิกตัวหันไปมองมินตราที่นอนหลับอยู่ข้างๆ เธอหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้าของเธอดูไม่มีพิษภัย ทำให้เขารู้สึกสับสนมากขึ้นไปอีกว่าผู้หญิงที่ดูไร้เดียงสาคนนี้ จะสามารถสวมรอยเป็นคนอื่นได้อย่างแนบเนียนถึงเพียงนี้
เขายังคงไม่ปักใจเชื่อในสิ่งที่เห็นทั้งหมด เพราะเขารู้ว่าบางทีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองของคนเราก็สามารถทำให้คนหนึ่งเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ แต่ความสงสัยในใจก็ยังคงมีอยู่ เขาต้องการหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรลงไป
เขาตัดสินใจที่จะไม่ซักไซ้อะไรเธอในตอนนี้ เพราะเขายังคงรอข้อมูลจากยงยุทธ แต่ก็คิดไว้แล้วว่าพรุ่งนี้เขาจะพาเธอไปทานอาหารค่ำกับครอบครัวและหวังว่ามารดาของเขาจะรู้สึกอะไรบ้าง
เช้าวันเสาร์มินตราก็ยังคงตื่นนอนแต่เช้า เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่หญิงสาวหลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้าจากการออกไปข้างนอกเมื่อวาน หรืออาจจะเป็นเพราะความรู้สึกคุ้นชินกับการนอนข้างกวินภพมากขึ้น เธอลุกจากเตียงอย่างเบาที่สุด จัดการธุระส่วนตัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
กวินภพยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง มินตราเดินเข้าไปใกล้ มองใบหน้ายามหลับของเขาที่ดูผ่อนคลายและอบอุ่น ต่างจากตอนที่ตื่นที่มักจะดูเคร่งขรึมและเข้าถึงยาก เธอรู้สึกเครียดเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวานเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้กวินภพดูเหมือนจะเริ่มสงสัยในตัวเธอมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอคิดว่าเขาไม่น่าจะจับผิดได้
เธอเดินลงมายังห้องรับแขก ป้ากัลยากำลังจัดดอกไม้อยู่ มินตราเลยเข้าไปชวนคุย
“คุณมิ้นต์สนใจเรื่องต้นไม้ด้วยเหรอคะ” ป้ากัลยาถามด้วยรอยยิ้ม
“ค่ะ มิ้นต์ชอบดอกไม้ค่ะ เห็นแล้วรู้สึกสดชื่นดี” มินตราตอบตามความจริง
“ถ้าอย่างนั้นคุณมิ้นต์อยากจะปลูกดอกไม้ไหมคะ”
“ดีเลยค่ะ มิ้นต์อยากลองปลูกมานานแล้ว” มินตราตอบด้วยความตื่นเต้น
บทสนทนาของทั้งสองคนดำเนินไปอย่างเป็นกันเอง จนกระทั่งกวินภพเดินลงมา มินตรายิ้มทักทายเขา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณภพ”
ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยกันเหมือนทุกวัน จากนั้นกวินภพก็เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
“มิ้นต์นึกว่าวันนี้คุณภพหยุดงาน”
“อันที่จริงก็หยุดแต่วันนี้มีนัดตีกอล์ฟกับลูกค้า แต่ตอนเย็นผมจะเข้ามารับไปทานข้าวเย็นที่บ้านใหญ่”
“บ้านใหญ่เหรอคะ”
“พ่อกับแม่ชวนไปทานข้าวเย็นน่ะ ไปนะแล้วเจอกันเย็นนี้”
มินตรากำลังเป็นกังวลเพราะการไปบ้านใหญ่ของกวินภพหมายถึงการที่เธอจะต้องพบกับบิดามารดาของเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลกว่ามากเพราะเธอไม่รู้ว่าพ่อแม่ของกวินภพมีนิสัยอย่างไร และเธอจะสามารถทำตัวให้เหมือนมันตราได้ดีแค่ไหน
เมื่อกวินภพออกไปจากบ้านแล้วมินตราก็โทรศัพท์ไปหาลุงสันติเพราะอยากจะได้ข้อมูลเพิ่ม
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกหนูมินตรา ยัยมิ้นต์ไม่ได้สนิทกับพ่อแม่ของคุณภพ เธอเคยเจอไม่กี่ครั้งเอง”
“พวกเขาเป็นคนยังไงคะ”
“เท่าที่รู้ก็เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีนะ ลุงไม่ค่อยสนิทกับแม่ของเขาหรอกที่เจอก็แต่พ่อของคุณภพเขาก็เป็นเหมือนนักธุรกิจทั่วๆ ไป ที่จริงจังกับงานและไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย”
“ถ้าเขาถามถึงธุรกิจของคุณลงล่ะคะ”
“บอกเขาไปว่าเพิ่งกลับไม่นานเลยยังไม่ได้เข้าไปช่วยงาน แต่ลุงว่าเขาคงไม่ถามหรอกน่าสบายใจได้”
“ค่ะคุณลุง” เพราะเป็นการคุยโทรศัพท์ที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยมินตราเลยเรียกเขาว่าคุณลุงและเมื่อเรียนออกไปแล้วก็ทำให้เธอคิดถึงลุงกับป้าขึ้นมาทันที
หญิงสาวรีบโทรไปหาป้าจันทร์และบอกว่าตอนนี้เธอกำลังทำงานแทนมันตราและเธอสบายดี เมื่อป้าจันทร์บอกว่าเอาเงินก้อนแลกที่ได้ไปใช้หนี้แล้วมินตราก็ดีใจมากและคิดว่ามันคุ้มแล้วที่ยอมมาสวมรอยเป็นน้องสาวฝาแฝด
คุยเสร็จแล้วมินตราก็เดินไปเลือกเสื้อผ้า เธอเลือกชุดเดรสสีเทาอ่อนดูเรียบร้อย ซึ่งเป็นชุดที่กวินภพเพิ่งซื้อให้เมื่อวาน