ตอนที่พ่อพาแม่ไปรักษาความดันกับหมอ หมอเตือนเรื่องเส้นเลือดในสมองกับพ่อแล้ว... พ่อเลยรีบพาแม่ไปหาหมอและตรวจโชคดีที่เส้นเลือดที่แตกไม่ใช่เส้นเลือดใหญ่พ่อไม่อยากให้แม่ต้องเจอเรื่องเสียใจจนคิดมากให้ความดันขึ้นแล้วมีปัญหาอีก... ก่อนแม่จะเข้าไอซียูพ่อเลยสัญญาว่าจะเอาเพชรนั้นกลับคืนมาให้ได้”
พิจิกาน้ำตาคลอและหยดลงพร้อมกับน้ำตาบนดวงหน้าของบิดา... มารดาของหล่อนยึดติดกับเพชรเม็ดนั้นเพราะมีความทรงจำและมีความหมายมากมาย...
“อาเว็นเวิร์ธก็ทำกันได้ลงคอ” พิจิกาพึมพำ
“ตอนเกิดเรื่องนี้ขึ้นเว็นเวิร์ธก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำผิด” เอ็ดเวิร์ดเล่า“อาของลูกสืบจนไปพบว่าเพชรไปอยู่ในมือของบริษัทเจมส์ ไดมอนด์ด้วยราคาที่ไม่สูงขึ้นจากราคาขายมากนักเพราะว่าเศรษฐกิจประเทศอเมริกาไม่ดีแต่ความสวยงามล้ำค่าของเพชรทำให้มันได้รับความสนใจมากเลยไปตกอยู่ในมือของ อาเธอร์เจ้าของบริษัท เขาพอใจมันมากและไม่ได้ทำอะไรกับเพชรเพราะยังไม่มีแผนในหัว เว็นเวิร์ธไปหาอาเธอร์เพื่อเจรจาขอเพชรคืนแต่เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเว็นเวิร์ธกับอาเธอร์เพราะอาเธอร์เข้าใจว่าเว็นเวิร์ธจะไปขอเอาเพชรคืนโดยที่ไม่คืนเงินให้เลยเกิดเรื่องขึ้น เว็นเวิร์ธยิงอาเธอร์ไปหนึ่งนัดด้วยความบันดาลโทสะในวันที่ไปเจรจากัน”
“พระเจ้า... แล้วเกิดอะไรขึ้นจากนั้นคะ” พิจิกาหน้าไร้สีเลือด ไม่นึกว่าการเจรจาจะทำให้เกิดการนองเลือดคนมุทะลุอย่างอาของหล่อนไปเจรจาขอเพชรคืนด้วยวิธีใดก็ไม่รู้ถึงได้เกิดเรื่องฟังดูก็รู้ว่ามันไม่ง่ายบิดาของหล่อนถึงได้ดูเครียดเคร่งเช่นนั้น
“ทางนั้นเขาโกรธมากน่ะสิ เขามีเพชรอยู่ในมือด้วย ถ้าพ่อรู้ว่าเว็นเวิร์ธจะไปทวงคืนด้วยคำพูดที่ไม่ดีทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนผิดพ่อก็คงเป็นฝ่ายไปพูดแทนแล้วไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้เรื่องมันยากขึ้นอย่างนี้...”
“แล้วเราไม่ไปเจรจากับเขาใหม่หรือคะ”
“ไม่ได้แล้ว ทางนั้นแค้นมากเพราะเขาคิดว่าเขาเป็นคนซื้อมา เราจะไปเอาคืนมาดื้อๆ ไม่จ่ายเงินพอเขาไม่ให้เราก็ยิงเขามันเกิดเป็นปัญหาใหญ่แบบนี้ทางนั้นเลยไม่เจรจากับเราและจะจัดงานเปิดตัวว่าเขามีเพชรนั้นอยู่ในมือโดยไม่เกรงใจใคร ตอนนี้ราคาเพชรในตลาดกลางอยู่ที่เป็นพันๆ ล้านเห็นจะได้อันที่จริงจะว่าเขาไม่ได้เพราะเขาไม่รู้ว่าเพชรนั้นสำคัญทางจิตใจกับเราแค่ไหน ความจริงแล้วเพชรสีชมพูนั้นคือเพชรที่ตัดแบ่งจากโคตรเพชรของท่านตาลูก จะทำขึ้นมาใหม่อีกอันที่เหมือนเดิมก็ได้แต่แม่ของลูกย่อมจำตำหนิและเพชรที่ล้อมเลิฟไดมอนด์ได้ทุกเม็ดมันอาจจะไม่ได้ทำให้แม่รู้สึกดีขึ้นมา”
“แสดงว่าเราต้องทำทุกวิถีทางให้ได้เพชรกลับมาใช่ไหมคะ” พิจิกานึกถึงมารดาบังเกิดเกล้าที่แพทย์กำลังดูอาการอย่างใกล้ชิดในห้องไอซียู อาการตอบสนองของนางยังไม่แน่ชัดเพราะเพิ่งเกิดเหตุไม่นาน คงต้องดูต่อไปว่าท่านจะฟื้นกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าท่านฟื้นมาและรับรู้ได้ดีการได้เพชรคืนก็จะทำให้ท่านมีความสุขมากและไม่เครียดจนมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอีก
“ถูกแล้ว เพราะเพชรนี้มีความสำคัญกับแม่ของลูกมาก ถ้าไม่ได้มันคืนพ่อก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่เห็นแม่ต้องเสียใจทุกข์ทนทรมานโดยที่พ่อไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย”
เพชรสีชมพูที่หายากและเลอค่ายิ่งเป็นที่ต้องการของนายทุนโชคดีที่เพชรเลิฟไดมอนด์หรือเพชรสีชมพูรูปหัวใจของเขาถูกขายให้บริษัทเจมส์ ไดมอนด์ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่โตและมีเพชรดีๆ ในมือมากมาย เลิฟไดมอนด์จึงไม่ถึงคราวต้องถูกเปลี่ยนแปลงตัวเรือนนำไปตัดแบ่งหรือว่าเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ให้หัวใจของอัยราแตกสลาย เป็นเรื่องดีที่เพชรอันงดงามทั้งทางกายภาพและทางจิตใจอยู่ในกำมือของอัครวัตร อาเธอร์ พงษ์ภวเมธากุล ปีเตอร์สัน เจ้าของบริษัทเพราะเขารวยมากจนอยากเก็บเพชรเม็ดนั้นไว้เองไม่อยากขายให้ใคร... และมันก็เป็นโชคร้ายของเอ็ดเวิร์ดที่เจ้าของเพชรเลิฟไดมอนด์คนใหม่ชอบเพชรเม็ดนั้นมากจนไม่ยอมขายคืนให้เจ้าของที่แท้จริงอย่างเขาไม่ว่าเขาจะเสนอเงินไปเท่าไหร่
“คุณพ่อไม่ลองเจรจาขอซื้อกลับเองอีกครั้งคะ... ถ้าเขารู้ว่าเราคือเจ้าของที่แท้จริงหรือไม่ก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังเสนอราคาที่แพงกว่าตอนเขาซื้อนิดหน่อยเป็นค่าดอกเบี้ยเราน่าจะได้คืน....” หญิงสาวแนะนำบิดา
“สิ่งลูกบอกพ่อทำหมดแล้ว... แต่ว่ามันไม่ได้ผลแม้แต่จะเข้าถึงตัวอาเธอร์ก็ไม่ได้เขาคิดว่าพ่อคือเว็นเวิร์ธและเมื่อส่งคนอื่นไปเขาก็ไม่เปิดกว้างรับตอนนี้มันไปไกลจนเกินกู่กลับเพราะเขาประกาศว่ามีเพชรในมือและจะเปิดประมูลให้คนประมูลเพื่อการกุศลเหมือนจะบอกกลายๆ ว่าเพชรเม็ดนั้นไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลยเขาจะบริจาคฟรีๆ ก็ได้แต่ไม่มีทางให้เรา”
“โธ่... แล้วเราต้องทำยังไงดีคะ”
“พ่อคิดไว้ว่าจะต้องเข้าประมูลเพชรนั้น ถ้าต้องทุ่มสุดตัวก็ต้องทำและพ่อก็จะขอร้องให้ท่านลุงของลูกทำเลิฟไดมอนด์อีกอันขึ้นมาเพื่อสำรองไว้ ถึงไม่ได้น้ำงามเหมือนอันเดิมก็คงดีกว่าไม่ทำอะไรเลย... อีกแผนที่พ่อวางไว้คือพ่ออยากให้ลูกไปเดินแบบในงานประมูลนั้นพ่ออยากรู้ว่าใครจะประมูลมันไปและให้ราคาเท่าไหร่พ่อมีลิมิตอยู่พันล้านแต่พ่ออยากให้ลูกแฝงตัวเข้าไปสืบข่าวว่าจะมีคนมาประมูลหรือเปล่าเพราะเดี๋ยวเราจะล้มละลายเอาได้ถ้าไม่รู้ข่าววงในก่อนว่ามีคนต้องการประมูลแข่งเราหรือไม่ เพราะ ณ วินาทีนั้นพ่อต้องทุ่มสุดตัวเพื่อประมูลเพชรอยู่แล้ว...”
สายตาของบิดาที่ดูเป็นห่วงมารดาอย่างยิ่งยวดทำให้พิจิกาไม่คิดว่าเรื่องนี้คือเรื่องเล็กน้อย บิดาหล่อนรักภรรยามากจนขนาดยอมทุ่มทรัพย์สินทั้งหมดที่มีเพื่อความสุขสบายใจของคนที่ท่านรัก... หล่อนซึ่งเป็นลูกที่ถึงแม้เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองคือลูกที่แท้จริงของท่านทั้งสองแต่ก็รักและสนิทสนมกับพวกท่านมานานก่อนที่จะรู้ความผูกพันก็ย่อมมาก
สิ่งที่บิดาต้องการจะทำหล่อนจึงไม่คัดค้านแม้แต้น้อยและเห็นด้วยอย่างถึงที่สุด ความโกรธความน้อยใจที่เคยมีอันตรธานหายหมดเหลือเพียงแต่ความกตัญญูในหัวอกที่มันทำให้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะช่วยมารดาของตนเอง...
“แล้วเดือนต้องทำอย่างไรบ้างคะ”
“งานแสดงเพชรที่อาเธอร์จะจัดขึ้นกำลังต้องการนางแบบหลายคนเขาเพิ่งเซ็นสัญญากับโมเดลลิ่งที่ลูกสังกัดอยู่ถึงยังไงลูกก็ได้เดินแบบที่งานนี้อยู่แล้วลูกต้องทำตัวให้โดดเด่นที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้ได้สวมเพชรสีชมพูถ้าหากทำได้พ่อจะอาศัยเปลี่ยนเพชรที่ทำขึ้นมาใหม่กับเพชรเส้นนั้นในวันงานนั่นเลยแต่ถ้าไม่ได้พ่อก็จะประมูลเพชรนั่นถ้าไม่มีใครมาแข่งราคา แล้วพ่อก็มีแผนสำรองอีกแผนคือพ่ออยากให้ลูกคุยกับผู้จัดการส่วนตัวเรื่องขอสมัครเป็นนางแบบคนล่าสุดของร้านมิราเคิล เจ็มที่อยู่ในเครือของเจมส์ ไดมอนด์ที่กำลังถือกรรมสิทธิ์ครอบครองเพชรเลิฟไดมอนด์อยู่ หากเราประมูลไม่สำเร็จเรายังมีทางเข้าถึงเพชรได้”
ถ้าเป็นเมื่อเดือนสองเดือนก่อนสิ่งที่บิดาบอกอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับ พิจิกาแต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้หล่อนถูกเลือกให้เป็นนางแบบระดับท็อปเท็นของโลกในรอบปีนี้ด้วยรูปร่างหน้าตางดงามอันเกิดจากส่วนผสมที่มาจากหลายๆ เชื้อชาติทั้งทางฝั่งมารดาที่เป็นลูกครึ่งชาร์จา-ไทยบิดาเป็นลูกครึ่งชาร์จา-อเมริกัน วงหน้าที่คมคายดวงตากลมโตหวานซึ้งมีกรอบขนตาหนารับกับคิ้วโก่งตามธรรมชาติ จมูกโด่งสวยได้รูปราวกับปั้นแต่งด้วยประติมากรมือเอก เรียวปากบางเฉียบสีชมพูเข้มเป็นธรรมชาติบนสีผิวสีน้ำผึ้งอ่อนนวลเนียนเป็นสีเดียวกันทั้งตัวทำให้สีผิวหล่อนดูมีสุขภาพจนได้งานพรีเซนเตอร์เครื่องสำอางแบรนด์ท็อปไฟว์ของโลกแบรนด์หนึ่งโดยไม่ต้องแก่งแย่งกับใคร
โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ช่างภาพแฟชั่นทั่วอเมริกาขนานนามให้นางแบบหน้าใหม่ของวงการที่กำลังจะก้าวไปได้ไกลอย่างหล่อนว่าเป็นรอยยิ้มที่ทำให้โลกสว่างขึ้นมาทันตานั้นทำให้หล่อนต้องเลือกที่จะปฏิเสธงานมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาเพราะไม่อาจจัดคิวได้ทัน ความดังของหล่อนได้มาเพียงชั่วข้ามคืนหลังจากที่หล่อนหันหน้าเข้าวงการแฟชั่นอย่างแท้จริงเมื่อตอนที่มีปัญหาครอบครัวเพราะหล่อนต้องการทำงานที่หนักมากเพื่อให้ตนเองไม่ต้องฟุ้งซ่าน การมุมานะเรื่องงานครั้งนั้นทำให้หล่อนทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการอย่างรวดเร็วและเป็นที่ต้องการของสินค้าที่ต้องการนางแบบที่มาแรงอย่างหล่อนเป็นพรีเซนเตอร์ให้ และหนึ่งในงานที่เสนอมาต้องมีงานของร้านมิราเคิล เจ็มด้วยอย่างแน่นอน...
“คุณพ่อช่างวางแผนได้อย่างชาญฉลาดจริงๆ ค่ะเดือนหวังว่าเราคงได้เพชรคืนมานะคะ เราอาจจะสลับเปลี่ยนเพชรได้ยากในวันงานเพราะว่ามีคนคุ้มกันแน่นหนาแต่เดือนหวังว่าเราจะประมูลมันได้”
“พ่อก็หวังอย่างนั้น พ่ออยากได้เพชรนั้นคืนมาเหลือเกิน ความเลวร้ายทุกอย่างที่รายล้อมเราอยู่ย่อมต้องหายไปหลังจากที่เราได้เพชรนั้นกลับคืนมา” น้ำเสียงเศร้าๆ ของบิดาทำให้พิจิกาต้องกอดท่านไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจและเป็นการบอกท่านว่าหล่อนอยู่ข้างๆ ท่านเสมอไม่มีวันทอดทิ้งท่านไปอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวคุณพ่อรอเดือนอยู่ที่นี่ก่อนได้ไหมคะ... เดือนขอไปโทรศัพท์หาผู้จัดการก่อนจะได้คุยเรื่องงานทีเดียว” หญิงสาวขอตัวกับบิดาเพราะต้องรีบโทรไปเคลียร์กับผู้จัดการให้เลื่อนคิวให้หล่อนพร้อมยินยอมจ่ายค่าปรับที่จะเกิดขึ้นเพราะหล่อนต้องการที่จะหยุดงานของช่วงนี้จนกว่าจะเห็นมารดาฟื้นขึ้นมาและพ้นขีดอันตรายไปแล้ว...
พ้นร่างลูกสาวคนเล็กของเขาไปแล้วเอ็ดเวิร์ดก็ถอนหายใจเพื่อปลดปล่อยความเครียดทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ในหัวอกออกมา.. ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองตามลูกสาวไปความรู้สึกผิดที่ต้องดึงหญิงสาวเข้ามาตกอยู่ในอันตรายท่วมท้นในอก
ไม่นานนักมีชายสูงวัยพร้อมบอดี้การ์ดเกือบสิบคนเดินเข้ามายืนตรงหน้าเอ็ดเวิร์ด
“ผมพูดตามที่ท่านสั่งไว้ทุกอย่าง... หวังเพียงแต่ว่าเมื่อเราทำทุกอย่างตามที่ท่านต้องการพวกเราทั้งหมดจะปลอดภัย”
“นายไม่มีสิทธิ์ต่อรองเอ็ดเวิร์ด คนที่ควบคุมทุกอย่างทั้งหมดคือฉัน... ถ้าไม่อยากตายหมู่ทั้งครอบครัวก็ทำตามที่ฉันสั่ง พอฉันได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วพวกนายถึงจะได้สะกดคำว่าปลอดภัย จำเอาไว้”
ชายผู้ทรงอำนาจที่ควบคุมคำพูดและการกระทำทุกอย่างของเอ็ดเวิร์ดไว้หัวเราะเยาะและมองเอ็ดเวิร์ดด้วยสายตาที่เกลียดชังอย่างไม่ปกปิด... รู้สึกดีเหลือเกินที่ตอนนี้อยู่เหนือเอ็ดเวิร์ดหลายขุมและรู้สึกดีที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องเอาลูกสาวสุดที่รักเข้ามาร่วมแผนการรับความเสี่ยงพร้อมๆ กับมัน
ดี... เขาอยากให้มันทุกข์อยากให้มันเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายไปก่อนอัยราได้ยิ่งดี...
เสียงหัวเราะของคนที่เดินจากไปกลุ่มใหญ่ทำให้เอ็ดเวิร์ดกำมือแน่น... เกลียดความกดดันนี้เหลือเกินแต่เขาบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ชายผู้เป็นตัวแทนแห่งความร้ายกาจจากนรกคนนี้... เขาหวังมาตลอดว่าความดีที่เขาทำมาตลอดชีวิตจะชนะความชั่วร้ายของปิศาจในร่างคนอย่างมันให้ได้...
พิจิกาคุยกับผู้จัดการเรียบร้อยแล้วเดินกลับเข้ามาหาบิดาแค่เห็นท่านนั่งร้องไห้เครียดเคร่งอยู่ก็รู้ว่าท่านกดดันเป็นอย่างมากเพราะท่านไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้หล่อนเห็นเช่นนี้แม้แต่สักครั้งเดียวความเครียดครั้งนี้ของบิดามันคงมากมายหลายเท่าตัวหล่อนรีบเข้ามากอดปลอบบิดาอีกรอบและเอ่ยให้กำลังใจ...
“คุณพ่อคะคุณพ่อร้องไห้ทำไมหรือคะ... เรามีทางออกนะคะอย่าเครียดไปมากกว่านี้อีกเลย ...เดือนบอกผู้จัดการแล้วเขาต้องช่วยให้เดือนได้เข้าไปอยู่ในงานและเป็นพรีเซนเตอร์ตามแผนของคุณพ่อได้แน่นอนค่ะ...”
เอ็ดเวิร์ดได้แต่พยักหน้ารับเพราะเครื่องดักฟังของคนที่ชั่วร้ายราวกับผุดจากนรกติดตั้งไว้ที่เขาตลอดเวลาทำให้เขาไม่อาจพูดสิ่งใดที่อยากพูดได้เลยหูตาราวกับสับปะรดของพวกมันที่สอดแนมเขาอยู่ทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่จะเขียนโน้ตเล่าความจริงให้ลูกสาวฟังเพราะนอกจากจะเสี่ยงที่พวกมันจะรู้พิจิกาต้องมีท่าทีที่แข็งกระด้างจนถูกจับได้และไม่ยอมให้ความร่วมมือทำให้เขาไม่อาจพูดได้... มันทรมานอย่างยิ่งยวดเหลือเกินที่พูดไม่ได้ว่าตอนนี้เขาไม่อยากให้ลูกสาวได้เพชรสีชมพูนั้นมาเลยเพราะนั่นมันจะหมายถึงหายนะอันยิ่งใหญ่...
แต่หากเพียงแค่พูดคัดค้านคำสั่งของผู้ที่ควบคุมเขาอยู่หรือแม้แต่แง้มความเป็นจริงให้ลูกสาวฟังจนไม่ยอมทำตามแผนของมันหลายชีวิตที่เป็นคนสำคัญต่อเขาและสำคัญมากที่สุดของประเทศชาร์จาจะต้องถูกทำลายลงไปทีละคนทีละคนอย่างน่าอาดูร...
เอ็ดเวิร์ดจึงอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างจากถูกหมุดปักตรึงเท้าไว้กับพื้นเจ็บปวดหนักหน่วงหากแต่ต้องฝืนก้าวเดินต่อไป ...
เอ็ดเวิร์ดได้แต่หวังเพียงว่าเรื่องมันคงจะจบลงเร็วๆ โดยไร้ซึ่งการสูญเสีย