ตอนที่สอง ผู้ถูกเลือก

2519 คำ
พิจิกากลับมาปรึกษากับผู้จัดการส่วนตัวเกี่ยวกับงานของเครือบริษัทเจมส์ ไดมอนด์โดยเน้นไปที่ร้านเพชรมิราเคิล เจ็ม โดยเฉพาะเจาะจงเพราะข้อมูลที่บิดาให้คนส่งมาให้นั้นบ่งชัดว่าเจมส์ ไดมอนด์มีร้านเพชรในเครือมากมายก็จริงแต่บริษัทที่อาเธอร์เป็นคนจัดการเองคือร้านมิราเคิล เจ็ม และเพชรเลิฟไดมอนด์ก็เป็นสิทธิของร้านด้วยเป้าหมายที่บิดาแจ้งมาทำให้พิจิกาตัดสินใจที่จะมาพูดเรื่องการติดต่อขอร่วมงานกับมิราเคิล เจ็มโดยตรง ความเป็นนางแบบดังของหล่อนทำให้หล่อนได้รับงานติดต่อเข้ามาอย่างมากมายนับตั้งแต่หล่อนได้ถ่ายงานแรกซึ่งเป็นงานโฆษณาครีมทาผิวปรากฏบนบิลบอร์ดขนาดใหญ่ทั่วเมืองและได้รับตีพิมพ์ลงในนิตยสารแฟชั่นระดับอินเตอร์เผยแพร่ไปทั่วโลกหลังจากนั้นสินค้าต่างๆ ก็ล้วนควานหาตัวนางแบบหน้าคมผิวสีน้ำผึ้งสวยและเป็นเจ้าของรอยยิ้มหวานอย่างพิจิกาและเสนองานให้มาตลอด เมื่อหล่อนก้าวเข้ามายืนบนเวทีระดับโลกเป็นผลให้งานมากมายที่ถูกเสนอมาไม่อาจรับได้หมดจึงเหลือไว้เพียงแต่งานใหญ่ๆ ที่ผู้จัดการจัดให้ได้ลงตัวเหมาะกับเวลาที่หล่อนมีพอย้อนกลับมาคุยถึงเรื่องการเดินแบบให้กับมิราเคิล เจ็มที่ลาสเวกัสและงานใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของอาเธอร์หล่อนไม่แปลกใจเลยว่าหล่อนจะต้องย้อนกลับมาสนใจงานที่ผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนได้ปฏิเสธไปแล้ว... “ฉันไม่เข้าใจแต่ไหนแต่ไรเธอไม่เคยสนใจว่าจะรับงานไหนเธอให้ฉันตัดสินใจมาตลอดไม่ใช่หรือไง” ลอร่า สเวนสัน เพื่อนสนิทสมัยเรียนแฟชั่นดีไซน์ในนิวยอร์กและรับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของพิจิกาถึงกับสงสัยขณะนั่งไล่อ่านอีเมลติดต่องานจากมิราเคิล เจ็ม “เธอก็รู้ว่าฉันเพิ่งกลับไปดูอาการของแม่ที่แท้จริงของฉันมา” พิจิกานั่งตรงหน้าลอร่า... มองหน้าเพื่อนสาวที่เป็นเจ้าของบริษัทเอเจนซี่ด้วยความลำบากใจที่ครั้งนี้หล่อนไม่อาจเล่าความจริงให้เพื่อนฟังได้หมด ทุกเรื่องที่ผ่านมาหล่อนไม่เคยปกปิดลอร่าสักเรื่องเดียวแม้แต่เรื่องที่รู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อแม่ที่ให้กำเนิดหล่อนก็รับความจริงไม่ได้และประท้วงด้วยการออกมาอยู่นอกบ้าน ลอร่าก็เป็นคนที่คอยปลอบใจด้วยเหตุด้วยผลอยู่ข้างๆ ไม่ให้หล่อนทำอะไรในทางที่ผิดแต่ลอร่าสอนให้หล่อนระบายความโกรธความเสียใจด้วยการมุงานจนทำให้หล่อนได้เป็นนางแบบโด่งดังในตอนนี้... พิจิการู้สึกผิดที่ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี... “ตอนแรกฉันนึกว่าเธอจะงดรับงานทุกอย่างเพื่อไปดูอาการของแม่เสียอีกนะ” “ฉันก็อยากจะทำอย่างนั้นแต่ว่าแม่ของฉันไม่สบายเพราะว่าความเครียดหากท่านรู้ว่าฉันต้องเลือกที่จะทิ้งงานทุกอย่างเพื่อไปดูแลท่านท่านคงเสียใจมากฉันเลยกลับมาทำงานและตั้งใจจะรับงานของมิราเคิล เจ็มเพราะว่าแม่ของฉันท่านชอบเพชรมากฉันอยากเป็นนางแบบของแบรนด์นี้แม่ฉันจะได้สนใจงานที่ฉันทำและผ่อนคลายเผลอๆ ท่านอาจจะได้ซื้อเพชรในราคาพิเศษหากฉันได้เป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์นี้จริงๆ” “ความจริงงานนี้มันก็น่าสนใจเขาเสนอให้เธอไปเดินแบบที่ลาสเวกัสที่จะเปิดตัวคอลเลกชันเพชรสีชมพูเซ็ตใหม่พร้อมกับเปิดตัวร้านเพชรที่ใหญ่บิ๊กเบิ้มระดับเวิลด์คลาสในโรงแรมกาสิโนปีเตอร์สันพาเลซแต่ตามตารางเธอจะต้องไปเดินแบบงานใหญ่ที่แอลเอสามวันก่อนวันงานที่พวกเขาเสนอมา ฉันกลัวว่าเธอจะรับงานมากจนไม่ได้พักเลยไม่รับงานนั้นและกำลังจะเสนองานให้นางแบบรุ่นน้องไปแทน” ลอร่าชี้แจงตารางให้พิจิกาได้ดูสามวันก่อนหน้าวันที่มีงานแสดงเพชรและประมูลเพื่อการกุศลของมิราเคิล เจ็มที่ลาสเวกัส พิจิกาต้องเดินแบบงานเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลกชันล่าสุดของแบรนด์ลา เชน่าซึ่งเป็นงานใหญ่ไม่แพ้กัน ปรกติลอร่าจะไม่รับงานใหญ่ติดๆ กันให้พิจิกาเพราะว่าป้องกันไม่ให้หล่อนเหนื่อยและยิ่งงานที่ไม่ได้อยู่รัฐเดียวกันต้องเผื่อเวลาสำหรับการเดินทางและพักผ่อนด้วย... ตารางงานของหล่อนจึงไม่ติดกันมากนัก... “ฉันจะรับงานนั้นเธอกลับไปบอกคนที่ติดต่อมาได้ไหมลอร่า... ฉันต้องการงานนั้น” เสียงพิจิกาสั่นพร่านิดหน่อยเพราะความตื่นเต้น... คำว่าเพชรสีชมพูที่ ลอร่าเอ่ยถึงนั่นคงรวมถึงเพชรเลิฟไดมอนด์ของมารดาหล่อนและหล่อนถูกเชิญให้ไปสวมเพชรนั้นเดินแบบหญิงสาวคิดถึงเรื่องงานประมูลคิดไปถึงโอกาสที่อาจจะโชคดีได้สลับเพชรในงานด้วยหล่อนจะเลือกงานนั้นโดยที่ไม่แคร์อะไรทั้งนั้นต่อให้ต้องยกเลิกงานอื่นแล้วต้องชดเชยค่าปรับเพื่องานนี้หล่อนก็จะทำ... “จริงๆ คิวเธอก็ว่างรับงานนั้นนะแต่รับงานไปแล้วเธอจะไม่ได้พักเลยเธอจะยกเลิกงานอื่นหรือว่าเธอจะไม่พัก...” ปลายนิ้วลอร่าเลื่อนไปมาบนหน้าจอแท็บเล็ตอเนกประสงค์ของตนเองไม่กี่ครั้งหล่อนก็เข้าถึงแอปพลิเคชันสมุดโน้ตที่โหลดมาไว้เพื่อบันทึกตารางงานของพิจิกาโดยเฉพาะ... “ฉันไม่พักก็ได้... ช่วงนี้ฉันพักผ่อนเยอะแล้วแน่นอนว่าร่างกายของฉันพร้อมลุยงาน” “เธอไม่บอกฉันก่อนเลยว่าเธอต้องการรับงานเกี่ยวกับเครื่องเพชร มีเสนอมาหลายที่ทีเดียว... แล้วว่าแต่เธอต้องการจะรับเป็นพรีเซนเตอร์ของมิราเคิล เจ็มเลยไหมทางนั้นติดต่อมาเหมือนกัน... ถ้าเธอต้องการฉันจะถอนรายชื่อเธอที่เพิ่งส่งเข้าร่วมพิจารณาเป็นพรีเซนเตอร์ของร้านเครื่องประดับอีกร้านไปก่อน” พิจิกานั่งคิดถึงอนาคตอยู่ครู่เดียวก็พยักหน้าตอบรับสิ่งที่ลอร่าถาม... หล่อนต้องเอาตัวเข้าไปอยู่ในวังวนของมิราเคิล เจ็มจนกว่าจะได้เพชรเลิฟไดมอนด์คืนมา... “นี่ถ้าเธอไม่บอกว่าแม่ของเธอชอบเพชร... ฉันคงคิดว่าเธอเจาะจงไปเป็นนางแบบให้มิราเคิล เจ็มด้วยเหตุผลเหมือนนางแบบสาวๆ ในสังกัดของฉันแล้ว” เพราะว่าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากลอร่าจึงเชื่อทุกอย่างที่พิจิกาพูดเสมอเจ้าตัวเปรยๆ กับพิจิกาแล้วพิจิกาก็หันมาหาลอร่าแล้วก็ถามถึงความหมายของสิ่งที่เพื่อนได้พูดไป “เหตุผลของน้องคนอื่นที่อยากร่วมงานกับมิราเคิล เจ็มน่ะเหรอ... นอกจากอยากดังอยากได้เงินแล้วจะมีอะไรอีกล่ะ” “เธอนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว” ลอร่าส่ายหัว... ไม่ได้ต่อว่าพิจิกาจริงจังนักเพราะว่าพิจิกาไม่ค่อยสนใจเรื่องในวงการมากนักหล่อนรู้น้อยไปเสียด้วยซ้ำถ้าไม่เอาข่าวอะไรมาเล่าให้ฟังก็คงจะไม่สนใจรับรู้เพราะเจ้าตัวเอาแต่มุ่งมั่นกับงานและเวลาที่เหลือก็เอามาศึกษาเทรนด์แฟชั่นเสมอๆ ไม่ยอมปล่อยเวลาว่างให้สูญเสียไปกับการค้นหาเรื่องกอสซิปในวงการเลยสักครั้ง “ก็อาเธอร์เจ้าของร้านเพชรในมิราเคิล เจ็มนี่น่ะสิ... เขาเป็นหนุ่มทรงเสน่ห์ที่สุดที่ใครๆ ก็อยากได้โอกาสไปดินเนอร์กับเขาสักมื้อเพื่อสานสัมพันธ์ต่อ... ผู้หญิงทุกคนอยากเอาตัวเข้าไปใกล้เขาเพราะว่าเขาเพียบพร้อมสุดๆ การได้ทำงานในมิราเคิล เจ็มเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้อยู่ใกล้เขามากขึ้น... ใครก็อยากได้งานนี้ทั้งนั้น” “อย่างนั้นหรือ” พิจิการับฟังไม่กังขาทุกวันนี้ผู้ชายที่ฐานะชาติตระกูลดีย่อมมีแรงดึงดูดเสมอ... หล่อนไม่รู้จักอาเธอร์แต่รู้เลาๆ ว่าร้านเพชรของเขาอยู่ในเครือบริษัทด้านจิวเวลรี่ที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษและมีความมั่นคงสูง... หล่อนนึกถึงอาเธอร์ออกก็แค่ตอนที่คิดว่าเขามีเพชรเลิฟไดมอนด์อยู่ในมือและเป็นคนที่เว็นเวิร์ธไปเจรจาขอซื้อเพชรคืนแล้วไม่สำเร็จจนเกิดการต่อสู้กันขึ้นแล้วอาเธอร์ก็ใช้ความเหนือกว่าไม่ไว้หน้าเว็นเวิร์ธเขาประกาศจะประมูลเพชรที่มีความสำคัญมากกับคนคนหนึ่งที่เขาไม่ถูกใจให้การกุศลแทนที่การขายให้กับคนคนนั้น... หล่อนรับรู้อย่างนี้แล้วหล่อนก็คิดว่าเขาเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากกว่าจะเป็นชายหนุ่มที่น่าหลงใหลเข้าใกล้... “ถ้ามีคนต้องการแก่งแย่งเพื่องานนี้ขนาดนั้นแล้วเขาจะยังต้องการฉันอยู่ไหมนี่...” พิจิกาเริ่มไม่แน่ใจ “โอ้ว... เดี๋ยวสักครู่นะที่รักคนของมิราเคิล เจ็มส่งเมลกลับมาที่ฉันแล้ว...” ลอร่าเพิ่งส่งอีเมลไปหาทางนั้นได้ไม่นานว่าพิจิกาให้คิวพวกเขาได้... พวกเขายังจะต้องการหญิงสาวไปเป็นนางแบบเครื่องเพชรที่ลาสเวกัสหรือไม่... อีกฝ่ายตอบอีเมลมายาวเหยียดจนลอร่าต้องยุติการสนทนามาอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ... “เขาบอกว่า... ตอนแรกทางมิราเคิล เจ็มเจาะจงว่าต้องการเธอไปเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของร้านและก็ยื่นข้อเสนอให้เธอไปเดินแบบเพชรสีชมพูที่เป็นไฮไลต์ของงานเขาเสนอเรามาแต่เราเพิ่งปฏิเสธเขาไป ทางนั้นไม่มีการทาบทามนางแบบคนไหนอีกแต่เปิดให้นางแบบไปยื่นโปรไฟล์และไปแคสเพื่อให้พวกเขาเลือกเอง... พวกเขาบอกว่าถ้าเธอตกลงรับงานจะยังคงเปิดแคสต่อไปและรับนางแบบทุกคนไปแคสเพื่องานนั้นแต่พวกเขาจะเลือกเธอสวมเครื่องเพชรชุดฟินาเล่อยู่ดีถ้าเธอตอบตกลง... โอ้ว เพื่อนของฉันดังมากเพียงนี้เชียวหรือ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการแค่เธอนะ... นางแบบคนอื่นรู้เข้าคงจะหมั่นไส้เธอน่าดู” ลอร่ายักไหล่ชินแล้วกับการพูดคุยกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่ต้องการนางแบบอย่างพิจิกาไปร่วมงานด้วย... เพราะตอนนี้หล่อนกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นสุดๆ “เราตอบตกลงเขาช้าไปหรือเปล่านะลอร่า... ฉันเสียใจแทนคนที่ต้องไปแคสจริงๆ พวกเขาไม่รู้เลยนะว่าจะเสียทั้งเวลาและเสียทั้งโอกาส” “ไม่เสียเวลาหรอกน่า... ยังไงพวกเขาก็ต้องเปิดแคสติ้งเพื่อเลือกคนที่ไปสวมเพชรชุดอื่นแล้วเดินแบบในงานอยู่ดีเพียงแต่สาวๆ พวกนั้นจะเสียโอกาสที่จะได้ใส่เครื่องเพชรชุดไฮไลต์ของงานเท่านั้นเอง... เจ้าของธุรกิจต้องมีสิทธิ์เลือกคนที่จะเป็นหุ่นโชว์สินค้าที่เขาคิดว่าจะทำให้สินค้าของเขามีชื่อเสียงและโดดเด่นอยู่แล้วล่ะ...” “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย... แต่ก็หวังว่าจะไม่มีใครหมั่นไส้ฉันหากฉันได้งานนั้นมาหรอกนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปด้วยความเสน่หาเจ้าของร้านเพชรแต่ฉันมีเหตุผลของฉันเอง” “ถึงจะโดนหมั่นไส้เธอก็ไม่แคร์อยู่แล้วนี่จ๊ะ...” ลอร่าหัวเราะ... “แต่อย่างน้อยเธอจะโดนคนคนหนึ่งไม่พอใจโดยที่เธอไม่อาจห้ามได้เลย... เพราะว่าตอนที่แคสงานมีคนพูดกันให้แซดว่านีน่าวิกเตอร์แฟนเก่าของอาเธอร์คือตัวเก็งนางแบบเครื่องเพชรชุดฟินาเล่...” “นีน่า วิกเตอร์ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ลาเชน่าที่ฉันต้องไปเดินแบบเสื้อผ้าให้ช่วงใกล้ๆ วันงานแสดงเพชรที่ลาสเวกัสนั่นน่ะหรือ” พิจิกานึกถึงนางแบบสาวทายาทมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งในสิบของอเมริกาที่เป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า ลา เชน่าที่ดังไปทั่วโลก... ไม่อยากจะเชื่อว่าทางมิราเคิล เจ็มจะเลือกหล่อนแทนที่ นีน่า วิกเตอร์ได้เมื่ออีกฝ่ายสวยและยังทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นขนาดนั้น... “ถูก... แต่ยัยนั่นตกกระป๋องชัวร์... เพราะตอนนี้ฉันตกลงกับทางนั้นและส่งสัดส่วนล่าสุดของเธอไปให้พวกเขาเรียบร้อยแล้วตอนที่เธอเดินแบบให้ลา เชน่าสงสัยฉันต้องให้การ์ดไปอยู่รอบๆ เธอสักสิบคนและฉันก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงไปคุมเองด้วยเสียดีกว่า... ถ้าแม่นั่นมีนิสัยแย่ขี้แพ้ชวนตีจนเกิดนึกอิจฉาเรื่องนี้จนอยากกลั่นแกล้งเธอขึ้นมาฉันจะได้ช่วยเธอทัน...” “โหดขนาดนั้นเลยหรือจ๊ะลอร่า” พิจิกาหันไปล้อเพื่อนน้ำเสียงรื่นเริงหล่อนรู้ว่าในวงการนี้ไม่ได้มีแต่ความสวยงามเพราะหล่อนก็ผ่านมันมาเยอะ... โดยเฉพาะหล่อนโด่งดังโดดเด่นข้ามหน้าข้ามตาทุกคนไปชนิดที่ว่าเป็นม้ามืดจากที่ไม่กี่เดือนก่อนหล่อนยังเป็นนางแบบโนเนมค่าตัวน้อยตารางงานว่างกลายมาเป็นคนที่อยู่เหนือสุดของพวกผู้หญิงเหล่านั้นจึงไม่ค่อยมีใครเป็นมิตรกับหล่อนอย่างจริงใจเท่าใดนักหล่อนโดนแกล้งหลังเวทีก็บ่อยครั้งแต่ลอร่าก็อยู่ข้างๆ และช่วยดูแลหล่อนตลอดจนหล่อนไม่หวาดกลัวโดยเฉพาะสิ่งที่ยังไม่เกิดหล่อนไม่ได้วิตกจริตกลัวไปก่อนให้เสียเวลาแน่นอนเพราะมันอาจจะไม่เกิดก็ได้... บางทีนีน่าวิกเตอร์อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามิราเคิล เจ็มเจาะจงเลือกพิจิกา... ลอร่าอาจจะคิดมากไปก็ได้ว่ามิราเคิล เจ็มจะยอมเสียชื่อด้วยการปล่อยเรื่องล็อบบี้ตัวนางแบบไว้แต่ปล่อยให้มีการแคสติ้งเกิดขึ้น... “ก็ไม่รู้ล่ะ เธอมันคนไม่สู้คน... ฉันต้องคอยดูแลเธอตลอดยังไงล่ะ” “ขอบใจนะลอร่า...” พิจิกาเอ่ยขอบคุณลอร่าจากใจจริง... นับตั้งแต่วันที่หล่อนซมซานออกจากบ้านมาหล่อนก็พึ่งลอร่าได้คนเดียวหล่อนยอมตอบตกลงเข้าสังกัดบริษัทของลอร่าและลอร่าเป็นฝ่ายสละเวลาจากการดูแลเอเจนซี่มาดูแลพิจิกาด้วยตัวเองเพราะรู้ว่าพิจิกาไม่ได้เจนสนามและไม่ได้ชินกับสังคมที่เต็มไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรดเหมือนตน... ลอร่าจึงเข้ามาดูแลและเลือกงานให้พิจิกาทั้งหมดจนได้เป็นนางแบบระดับโลกให้สาวก้านยาวหลายคนต้องอิจฉาเพราะมีใครที่ลอร่าสละเวลาที่มีค่ามากมายลงมาดูแลด้วยตัวเองขนาดนี้มาก่อน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม