วันต่อมา...
พอเขาขับรถมาจอดหน้าคอนโดมิเนียมหรูของนาเนียร์แล้ว ก็นั่งรอเพื่อนในรถพร้อมกับเล่นโทรศัพท์รอไปด้วย
และในระหว่างเล่นอยู่นั้นหางตาก็ชำเลืองไปเห็นเพื่อนสาวที่กำลังเดินมาที่รถของเขาพอดี ชายหนุ่มจึงวางโทรศัพท์ไว้คอนโซลรถ แล้วขยับมานั่งดี ๆ จับพวงมาลัยมองอีกคนที่เปิดประตู แล้วเข้ามานั่งพร้อมกับปิดมันกลับจนดังสนั่นไปหมด
"ปิดแรงขนาดนั้น เดี๋ยวมันก็หลุดหรอก" ควันหลงพูดออกมายังไม่ใส่ใจมากนัก
"ถ้ารถแพงขนาดนี้แล้วมันหลุดง่าย ก็ขายมันทิ้งซะ" นาเนียร์ตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเล่น โดยพอเขาเห็นแบบนั้นก็สตาร์ตรถขับออกมา พร้อมกับส่ายหน้าไปมากับการกระทำของคนด้านข้าง
"ถึงมันจะแพง แต่เราใช้โดยไม่รักษา จะแพงขนาดไหนก็อยู่กับเราได้ไม่นาน" เขาพูดออกไปเพื่อให้เพื่อนของตัวเองคิดได้ เพราะถึงรถคันนี้เขาจะซื้อมาแพง อะไหล่รถค่อนข้างที่จะแข็งแรง แต่ถ้าเราไม่รักษาวันนึงมันก็ต้องพังลง
"ขอโทษ ฉันคิดน้อยไปหน่อย" นาเนียร์เอ่ยขอโทษเขาอย่างรู้สึกผิด
ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่เลือกที่จะถามคำถามใหม่กับเธอ "กินข้าวเช้ามาหรือยัง"
"ยังเลย" คนที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่ส่ายหน้าปฏิเสธ
"หาอะไรกินก่อนไปถึงมหาลัยไหม เธอมีสอบตอนเช้าไม่ใช่หรือไง" ชายหนุ่มถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง
"ไปกินที่โรงอาหารคณะดีกว่า"
โดยพอหญิงสาวตอบออกมาแบบนั้น ควันหลงก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรเพื่อนสาว แต่หันกลับมาสนใจการขับรถของตัวเองต่อ
"เมื่อวานโดนเด็กให้ดอกไม้เหรอ"
แต่หลังจากที่หยุดคุยกันไปสักพัก คนด้านข้างก็พูดขึ้นพร้อมกับยิงคำถามใส่เขา
ซึ่งควันหลงก็รู้สึกแปลกใจ ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องที่เกิดเมื่อวานได้ยังไง จึงเอ่ยสอบถามไป
"เธอรู้ได้ยังไง"
"เห็นเพจมหาลัยโพสต์"
นาเนียร์ไม่พูดเปล่าแต่กลับยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอโชว์ข่าวที่เพจมหาลัยเป็นคนโพสต์มาให้เขาดู ซึ่งชายหนุ่มพอเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรดี
"ไม่ชอบแล้วทำไมไม่บอกน้องมันดี ๆ ไปโยนทิ้งแบบนั้นน้องเขาจะรู้สึกยังไง"
"ยัยนั่นบอกเฉย ๆ ไม่รู้เรื่องหรอก เธอก็น่าจะรู้"
"แต่นั่นมันลูกพี่ลูกน้องเพื่อนนายนะ"
"แล้วไง จะเป็นใครฉันก็ไม่สน" เพราะถึงยัยเด็กนั่นจะเป็นถึงลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนสนิทอย่างราชา เขาก็ไม่สนใจ
"โอเค ไม่สนก็ไม่สน อย่าให้เห็นว่าไปตามง้อน้องเขานะ ฉันคนหนึ่งล่ะที่จะรอซ้ำนาย"
"ไม่มีวันนั้นแน่นอน" ควันหลงตอบเพื่อนไป พร้อมกับขับเข้ามาในรั้วมหาลัยที่ตัวเองเรียนอยู่ ขับมาเรื่อย ๆ จนมาจอดอยู่บริเวณลานจอดรถของคณะ ซึ่งพอเครื่องยนต์ดับลง นาเนียร์ก็รีบเปิดประตูเดินลงไปทันที
พอเห็นเพื่อนเดินออกไปแล้ว ตัวเองก็รีบเปิดประตูพร้อมกับก้าวออกมายืนสำรวจดูเสื้อผ้าของตัวเองว่าเรียบร้อยดีไหม โดยพอจัดการเรียบร้อยแล้ว กำลังจะเดินตามนาเนียร์ไปที่โรงอาหารแต่ก็โดนเรียกดักไว้ก่อน
"พี่ควันหลงครับ"
พอเห็นแบบนั้น ชายหนุ่มก็รีบหันไปตามเสียงก็พบว่าเป็นรุ่นน้องหนุ่ม ที่กำลังเดินถือแฟ้มเอกสารมาทางเขา
"มีอะไร"
"ช่วยเซ็นเอกสารให้ก่อนครับ พอดีอาจารย์ให้ผมมาล่าลายเซ็นรุ่นพี่ปีสี่"
โดยพอได้ยินรุ่นน้องพูดแบบนั้น ควันหลงก็หยิบแฟ้มเอกสารมาอ่านรายละเอียดต่าง ๆ ภายในด้านในกระดาษ ซึ่งพออ่านเสร็จแล้วก็เซ็นกำกับ แล้วยื่นกลับให้รุ่นน้องเหมือนเก่า
"ขอบคุณนะครับพี่"
"อืม" เขาตอบกลับอีกฝ่ายไป แล้วรีบเดินตรงมายังโรงอาหาร เพื่อจะทานข้าวเช้า
ควันหลงเดินมาถึงโรงอาหาร ก็เห็นเพื่อนสาวอย่างนาเนียร์ที่กำลังหันซ้ายหันขวาเหมือนกับกำลังหาอะไรอยู่
ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็รีบเดินเข้าไปทักอีกฝ่ายทันที
"มองหาใคร"
"น้องภีม"
"ใครคือน้องภีม" ควันหลงถามออกไป เพราะไม่รู้สึกคุ้นชื่อที่เพื่อนพูดออกมาเลย
"แกไม่รู้จักหรอก น้องเขาเพิ่งเข้ามา"
"เด็กใหม่เธอเหรอ"
"ยังไม่ใช่ แต่อนาคตไม่แน่" นาเนียร์ก็ยังหันซ้ายหันขวาเพื่อมองต่อไป
"หยุดมองหาเหยื่อได้แล้ว เธอมีสอบตอนเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ นี่มันแปดโมงครึ่งแล้วนะ รีบไปกินข้าวได้แล้ว"
พอเขาพูดออกไปแบบนั้น นาเนียร์ก็รีบก้มมองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองทันที
"ทำไมเวลามันเดินเร็วจังเลยเนี่ย เมื่อกี้เพิ่งเจ็ดโมงอยู่เลย"
"ไปกินข้าวได้แล้ว ส่วนน้ำไม่ต้องไปซื้อ ฉันเห็นไอ้ราชาซื้อไว้ให้เธอแล้ว" เพราะระหว่างที่เขาเดินมาหานาเนียร์ เขาบังเอิญหันไปเห็นราชาที่ถือขวดน้ำมาด้วยหลายขวด ซึ่งเดาได้ไม่ยากเลยว่าเพื่อนชายนั้นซื้อมาเผื่อเขากับอีกคนข้างหน้าที่ยืนอยู่
"งั้นฉันไปกินข้าวก่อน นายก็รีบไปซื้อซะ" พูดเสร็จ นาเนียร์ก็รีบเดินไปนั่งที่โต๊ะข้างราชา
ส่วนเขาก็เดินมาที่ร้านอาหารตามสั่งร้านประจำของตัวเอง
"เอาเหมือนเดิมไหมลูก"
"ครับป้า"
ทางด้านวิเวียน พอแยกตัวกลับราชาแล้ว หญิงสาวก็รีบเดินมาที่คณะเรียนของตัวเอง
โดยพอมาถึงก็รีบมองหาเพื่อนสาวทั้งสอง จะมองหายังไงก็ไม่เจอ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเวียงพิงค์ ซึ่งรอสายไม่นานปลายสายก็กดรับ
(ว่าไงวิ)
"อยู่ไหน"
(บนรถเมล์น่ะ)
"อ้าว ยังไม่ถึงมหาลัยอีกเหรอเนี่ย" หญิงสาวบ่นพึมพำออกมา พร้อมกับเดินลงมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ
(วิถึงแล้วเหรอ)
"ก็ใช่น่ะสิ แล้วพิมพ์สุขก็น่าจะยังไม่มาด้วย เพราะยังไม่เห็นเหมือนกัน"
(รอนิดนึงนะ ฉันใกล้ถึงแล้ว)
"โอเค ฉันก็นั่งรออยู่หน้าคณะนี่แหละ แค่นี้แหละ" เธอตอบคนปลายสายไป พร้อมกับกดตัดสาย
และในตอนนั้นเอง หางตาของเธอชำเลืองไปเห็นเพื่อนสาวตัวเล็กอย่างพิมพ์สุขกำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในคณะพอดี
ซึ่งพออีกฝ่ายเห็นเธอก็รีบเดินเข้ามานั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"นึกว่าจะไม่ทันแล้ว"
"ไม่ทันอะไรล่ะ เหลืออีกตั้งครึ่งชั่วโมงกว่าจะเข้าเรียน"
"จริงเหรอ ถ้ารู้งี้ไม่รีบแบบนี้หรอกนะ" พิมพ์สุขตอบเธอพร้อมกับหัวเราะแก้เก้อ
"แล้วทำไมไม่ดูเวลาในโทรศัพท์ล่ะ"
"โทรศัพท์เราพังน่ะ เผลอทำตกเมื่อวานตอนทำงาน"
"แล้วแบบนี้เธอจะไม่ได้ใช้ใช่ไหม"
"ก็ใช่ เราต้องรอเงินเดือนจากการทำงานก่อน ถึงจะมีไปซื้อโทรศัพท์ใหม่"
"เอากับฉันก่อนไหมล่ะ"
"มะ...ไม่เป็นไร เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อวานเอง จะให้เรายืมเธอได้ยังไงล่ะ"
"เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานแล้วยังไง ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ" ถึงจะเพิ่งรู้จักกันเมื่อวาน แต่เธอก็ไว้ใจอีกฝ่ายว่าจะไม่เบี้ยวเธอแน่นอน เพราะถึงเบี้ยวไปจริง วิเวียนก็ไม่ได้คิดเสียดายเงินไม่กี่หมื่นแค่นั้นหรอก
"ไม่เป็นไรจริง ๆ ถึงมี เราก็ไม่ได้ใช้อะไรมากหรอก แต่ขอบคุณมากนะ"
"อืม ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนก็บอกได้ ฉันยินดีที่จะช่วย ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน"
"โอเค แล้วนี่เวียงพิงค์ยังไม่มาอีกเหรอ"
"ยังเลย เมื่อกี้ฉันโทรหาบอกว่าอยู่บนรถเมล์"
"อ๋อ"