“เล่นอะไรกันเป็นเด็กๆ”
ดวงตาคมตวัดมองพะแพงก่อนกล่าวออกมาเสียงดุ โดยหารู้ไม่ว่าตอนนี้ตนได้ตกเป็นเป้าสายตาให้กับคนทั้งร้าน มีบางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ จะไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาคนรอบข้างได้ยังไง ในเมื่อคนหนึ่งก็เป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงรูปหล่อผู้เป็นเจ้าของอาณาจักรหัสวอนันต์ ส่วนอีกคนเป็นถึงนายแบบชื่อดังที่มีใบหน้าสวยหวานจนทั้งชายและหญิงเป็นต้องใจละลาย แม้ว่าช่วงนี้จันทร์เจ้าจะห่างหายไปจากวงการถ่ายแบบ แต่หลายคนยังคงจดจำคนตัวเล็กได้
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว” พะแพงยกมือขึ้นยอมแพ้
“เข้าไปนั่งในร้านกันเถอะ”
กิดากรตัดบท แต่ทว่าสายตายังคงส่งไปล้อเลียนเพื่อนที่ยังไม่คลายอ้อมกอดจากภรรยาตัวน้อย
คาเฟ่นี้เป็นของปันเอง ด้วยความที่ชื่นชอบของหวานและได้รับการสนับสนุนจากผู้เป็นสามีตนจึงเปิดร้านนี้ขึ้น กลุ่มของเขามีอยู่ 4 คน เขาคือคนแรกที่แต่งงาน มีสามีที่แสนดีและลูกชายวัย 3 ขวบ วัยกำลังน่ารักน่าชัง ตั้งแต่เปิดร้านมาน้อยครั้งมากๆ ที่พระรามจะแวะมาพูดคุย อาจจะด้วยเพราะไม่ชอบของหวานและงานที่ยุ่ง จึงทำให้ปันได้เจอเพื่อนสนิทคนนี้แบบนับครั้งได้ ที่เจอบ่อยๆ ก็คงจะเป็นกรกับพะแพง สองคนนี้เป็นหุ้นส่วนแบรนด์เสื้อผ้าด้วยกัน
“พี่ราม จันทร์เอาอันนี้ด้วยได้ไหม” เสียงหวานหูกระซิบถามสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ
พะแพงกับกรหันมาสบตากันก่อนจะลอบยิ้ม พะแพงค่อนข้างเอ็นดูจันทร์เจ้ามานานแล้ว แม้ว่าเมื่อก่อนน้องจะยังทำนิสัยไม่ค่อยดี หรือถ้าจะพูดให้ถูกพะแพงคือแฟนคลับจันทร์เจ้า…ชื่นชอบการถ่ายแบบของน้องมานานแล้ว
“สั่งมาแล้วจะกินหมดไหม”
“กินหมด จันทร์กินหมด”
“พี่ให้แค่ 3 ชิ้น”
“5 ชิ้นได้ไหม คนกันเอง”
“ฮ่าๆๆ”
เพราะอยู่ในโซนที่ลับสายตาคน พะแพงจึงกล้าหัวเราะออกมาเสียงดัง แอบฟังสามีภรรยาคู่นี้เถียงกันงุ้งงิ้งมาตั้งนาน แต่มาเผลอหลุดหัวเราะในประโยค คนกันเอง
เอออ น้องจันทร์เจ้าช่างต่อรองได้น่าเอ็นดูจริงๆ ยิ่งตอนนี้น้องน่ารักขึ้น เธอก็ยิ่งอยากหิ้วน้องกลับบ้านไปเลี้ยงดู อยากตบตูดป้อนนม อยากจูงมือพาไปโรงเรียน โอ๊ยยย เมียเพื่อนทำไมน่ารักจังงง
ดวงตากลมสวยราวกับตากวางช้อนขึ้นมองพี่พะแพงที่อยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดังจนเขาตกใจ เนี่ยๆ เสียสมาธิสั่งเค้กเลย คนตัวเล็กเม้มปากอย่างใช้ความคิดเมื่อมีเค้กที่อยากกิน 5 ชิ้น แต่ผู้เป็นสามีอนุมัติเพียง 3 ชิ้น
เลือกยากกกก
เขาเพิ่งรู้ว่าที่นี่เป็นร้านของพี่ปัน ก็ยังว่าทำไมพี่รามถึงพามาที่นี่แทนคาเฟ่ที่อยู่ข้างบริษัท คงกะจะมาอุดหนุนเพื่อนด้วยแหละ แต่ในความทรงจำเขาไม่มีพี่พะแพงกับพี่ปันอยู่เลย อาจจะเพราะจันทร์เจ้าคนเก่าไม่รู้จักมั้ง…ร่างบางครุ่นคิด
“เอา 5 ชิ้นก็ได้นะน้องจันทร์ เดี๋ยวอีก 2 ชิ้นพี่ห่อกลับบ้านให้”
ผู้เป็นเจ้าของร้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดีปนเอ็นดู
“จริงเหรอพี่ปัน!”
คนตัวเล็กเอ่ยดีใจราวกับเด็กตัวน้อยๆ ที่ได้ของเล่น การกระทำนั้นยิ่งทำให้ปันนึกเอ็นดู เพราะทำให้นึกถึงลูกชายวัย 3 ขวบของเขา
“จริง แต่ขอพระรามก่อนนะ” ปันว่ายิ้มๆ
อาการดีใจราวกับเด็กๆ หายไป จันทร์เจ้ามีสีหน้าหมองลงเมื่อรู้ว่าถึงยังไงก็ต้องขอสามีก่อน แต่เขาจะไม่ยอมแพ้! เพื่อเค้กกก
ใบหน้านวลเนียนหันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าตรงนี้มีแค่พวกเขาเท่านั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ปฏิบัติการอ้อนสามีเพื่อเค้ก 5 ชิ้นวาบเข้ามาในหัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบขึ้นมองพะแพง กร และปัน เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนไม่ได้ใส่ใจตนจึงเริ่มแผนการทันที โดยหารู้ไม่ว่าทั้งสามคนเพียงแค่ทำเป็นไม่สนใจเท่านั้น…
จันทร์เจ้าค่อยๆ ปีนขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง ร่างสูงตกใจกับการกระทำของร่างเล็กอย่างที่ไม่ทันได้ตั้งตัว มือหนาค่อยๆ โอบรัดเอวบางไว้ ไม่ให้น้องตกลงไปที่พื้น การกระทำเหล่านั้นทำเอาสามคนที่เหลือเบิกตาโพลง แต่ต้องทำเนียนเป็นไม่สนใจ ไม่สนใจเล้ยย แต่เอียงหูฟังแล้วนะว่าเขาคุยอะไรกัน
“จันทร์ขอ” คนตัวเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
“ขออะไร” พระรามขานรับ มือแกร่งยังคงไม่ปล่อยจากเอวเล็กบาง
“ขอเค้ก 5 ชิ้น”
“...”
“นะๆ”
“...”
“กินที่นี่ 3 ชิ้น อีก 2 ชิ้นห่อกลับบ้าน นะๆ”
“...”
พระรามทอดสายตามองคนตัวเล็กที่ออดอ้อนอยู่บนตัก ปากเล็กจิ้มลิ้มนั้นเอื้อนเอ่ยขอเค้ก 5 ชิ้นอย่างไม่ลดละ ริมฝีปากบางสวยที่ขยับขึ้นลง ทำให้ร่างสูงไม่อาจละสายตาออกไปไหนได้ อยากลิ้มรสความหวานล้ำจากริมฝีปากคนตรงหน้านั้นอีกสักครั้ง
“นะๆ เดี๋ยวกลับบ้านจันทร์ให้จุ๊บๆ 3 ครั้ง” เสียงหวานเอ่ยกระซิบในประโยคสุดท้าย
“ตกลง”
“เย้ๆ พี่ปัน จันทร์ขอสั่งเค้กเพิ่มครับ”
ใบหน้าสวยที่ล้อมรอบไปด้วยเส้นผมสีน้ำตาลเงางามดูมีความสุขเหลือเกินเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ จนลืมไปว่าตนยังคงนั่งอยู่บนตักของผู้เป็นสามี…
“อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ครับ” จันทร์เจ้าจิ้มลงไปยังสมุดเมนูของหวานในมือให้ปันดู
“ไอ้เจ้าเล่ห์” เสียงแว่วจากกิดากรทำให้พระรามต้องตวัดสายตาขึ้นมอง
“ไอ้เสือไม่ทิ้งลาย ร้ายเหลือเกินนะมึงงง” พะแพงว่า
เมื่อได้รับคำสรรเสริญจากเพื่อนทั้งสอง พระรามเพียงแค่มองนิ่งๆ ก่อนใบหน้าเย็นชาจะยกยิ้มขึ้นยังมุมปากจนเพื่อนทั้งสองต้องสรรเสริญเขากันอีกรอบ
“น้องจันทร์ไม่ควรอยู่กับมัน กูจะเอาน้องกลับบ้าน”
“กูจะแจ้งงง ไอ้นี่มันร้ายยยย”
เวลาผ่านไปไม่นาน เค้กทั้งสามชิ้นก็มาวางอยู่บนโต๊ะ จันทร์เจ้าสะบัดหูหางทิพย์อย่างชอบใจ ท่อนแขนเรียวเล็กคว้าส้อมขึ้นตักเค้กตรงหน้าเข้าปาก เมื่อรสชาติอร่อยเป็นที่ถูกใจ ดวงตาสีน้ำตาลก็พราวระยับราวกับมีดวงดาวนับล้านอยู่ในนั้น ดวงตาเป็นประกายจนผู้ที่พบเห็นนึกเอ็นดูเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า กิดากรกับพะแพงหันมาจับมือกันไว้เพื่อข่มใจไม่ให้หิ้วเมียเพื่อนใส่กระเป๋ากลับบ้าน
ด้านร่างสูงของพระรามก็ยกกาแฟขึ้นดื่ม แต่ก็ไม่สามารถละสายตาไปจากคนตัวเล็กได้เลย ในใจของร่างสูงตบตีกันอีกครั้งเพื่อไม่ให้พุ่งเข้าไปฟัดภรรยาตัวน้อย
“น้องจันทร์จะมีถ่ายแบบอีกทีเมื่อไหร่”
พะแพงเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
“จันทร์ไม่รู้เลยครับ เมื่อก่อนจันทร์มีผู้จัดการไหม?”
พะแพงไม่กล้าตอบว่าผู้จัดการคนเก่าของจันทร์เจ้าลาออกไป เพราะทนพฤติกรรมของจันทร์เจ้าในเมื่อก่อนไม่ได้ เรื่องนี้ทุกคนในวงการถ่ายแบบรู้ เธอที่พอจะรู้จักคนในวงการนี้ก็พลอยรู้ไปด้วย แล้วอีกหนึ่งความสงสัยคือ…น้องจันทร์ทำราวกับจำเรื่องของตัวเองไม่ได้เลย หรือเป็นผลจากการหมดสติที่กิดากรเล่าให้ฟังกันนะ
“น้องจันทร์น่าจะต้องหาผู้จัดการคนใหม่นะจ๊ะ”
“อ่าา”
“ให้พี่แพงเป็นให้ไหม”
“ไปสนใจธุรกิจตัวเองเถอะ” พระรามว่าเสียงเรียบ
“ขัดจ๊างงงง” พะแพงแขวะเสียงสูง
“จันทร์ขอไปเข้าห้องน้ำได้ไหม”
“ได้สิจ๊ะ ให้พี่ไปส่งไหม?”
“จันทร์ไปเองได้ครับ เดี๋ยวจันทร์มานะ” ประโยคแรกพูดกับพี่พะแพง แต่ประโยคหลังบอกกับคนตัวสูงหน้านิ่ง
“อืม”
แม้จันทร์เจ้าจะบอกว่าเดี๋ยวมานะ แต่คำว่าเดี๋ยวของแต่ละคนคงไม่เท่ากัน เมื่อร่างสูงหลุบสายตามองนาฬิกาข้อมือแล้วพบว่าผ่านไปหลายนาทีแล้ว แต่ภรรยาตัวน้อยของเขายังไม่กลับมา ความตึงเครียดบนใบหน้าหล่อเหลาเริ่มเด่นชัดจนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
“เดี๋ยวกูไปตามน้องเอง”
“ไม่ต้อง”
กิดากรที่กำลังจะลุกขึ้นหยุดชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงกดต่ำจากพระราม
“เดี๋ยวกูไปเอง”
กล่าวจบร่างสูงก็หยัดกายลุกขึ้น ฝ่ามือแข็งแกร่งขยับเนกไทเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเท้าไปยังบริเวณห้องน้ำ และทันทีที่ไปถึงร่างสูงถึงกับกัดฟันกรอด ดวงตาดุดันมองคนสองคนที่โอบกอดกันอยู่ มือหนากำหมัดแน่นก่อนจะสาวเท้าอย่างรวดเร็วเข้าไปหาคนทั้งคู่ แล้วกระชากร่างเล็กออกจากพันธนาการนั้น
จันทร์เจ้าตกใจเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นสามี ก่อนหน้านี้เขาขอตัวออกมาห้องน้ำ ในระหว่างที่กำลังจะเดินกลับไปที่เดิม เขากลับเซ่อซ่าสะดุดขาตัวเอง คิดว่าจะต้องเจ็บตัวจากความไม่ระมัดระวังของตัวเองแน่ๆ แต่กลับมีท่อนแขนแข็งแกร่งเข้ามาโอบรัดเขาไว้ก่อนที่จะล้มลง แล้วเขาก็ไม่คิดว่าพระรามจะออกมาตาม…
“คุณจันทร์ทำท่าจะล้มครับ ผมเลยเข้ามาช่วย”
พระรามไม่แปลกใจที่คนตรงหน้ารู้จักภรรยาของตน เพราะจันทร์เจ้าเป็นนายแบบ การที่จะมีคนรู้จักย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่เขาไม่สบอารมณ์ที่คนตรงหน้ามาโอบกอดภรรยาของเขาแม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นอุบัติเหตุ
“ขอบคุณครับ”
พระรามกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“คุณจันทร์เจ็บตรงไหนบ้างครับ”
ผู้หวังดีหวังจะเข้ามาสำรวจร่างเล็กที่ได้ช่วยเหลือ แต่ร่างสูงใหญ่ที่ปล่อยบรรยากาศกดดันกลับผลักไหล่หนาให้ถอยห่าง
“ภรรยาผม ผมดูแลเองได้ครับ ขอบคุณ”
กล่าวจบก็หันหลังเดินจากไป โดยมือหนาไม่ลืมที่จะโอบกระชับรอบเอวบางให้คนด้านหลังได้เห็น