“พี่มารับกลับบ้าน” เพลิงตะวันมองสบตาน้องสาว พูดด้วยน้ำเสียงติดดุ
“ค่ะ พี่เพลิง พี่พร้อม น้องพริ้งคะ ขึ้นไปเอากระเป๋าบนห้องกับคุณแม่เถอะ”
พรรณดารารับคำพี่ชาย แล้วหันไปเรียกลูกทั้งสองให้ขึ้นไปเอากระเป๋าด้วยกัน เมื่อสามแม่ลูกออกไปจากห้องรับประทานอาหารแล้ว กวีจึงยืนขึ้นมองสบตาอดีตพี่เมียด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมต้องมารับ กูไปส่งลูกเมียเองก็ได้”
“แต่ผมไม่อยากให้พี่ไปเหยียบที่ไร่ว่ะ” เพลิงตะวันสวนกลับทันควัน
“แล้วทีมึงมาเหยียบบ้านกูล่ะ”
“ถ้าน้องกับหลานของผมไม่ได้อยู่ที่นี่ คิดเหรอว่าผมอยากจะมาเหยียบ อ้อ...” เพลิงตะวันเว้นจังหวะการพูด เขายิ้มดูแคลนไอ้คนที่เคยทำให้น้องสาวเขาเสียใจ
“ถึงแม้ผมไม่อยากมาเหยียบบ้านนี้เท่าไร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นมาเหยียบหน้าใครสักคน บอกตรงๆว่าผมอยากมามาก”
“ไอ้เพลิง!”
“พอๆ ตาวีนั่งลงกินข้าวได้แล้ว พ่อเพลิงทานข้าวต้มด้วยกันก่อนสิ” คุณย่ากิ่งแก้วรีบห้ามทัพหนุ่มเลือดร้อนทั้งสอง ท่านโบกไม้โบกมือเป็นเชิงห้ามปราม เมื่อสองหนุ่มหันไปทางผู้สูงวัยที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองเห็นสายตาตำหนิของคุณปู่กัมพล กับอาการส่ายหน้าของคุณย่ากิ่งแก้วก็พากันยิ้มเจื่อน ก่อนจะหันมามองสบตาเขม่นกันอีก แต่ด้วยความเกรงใจผู้สูงวัยจึงได้แต่พากันขึงตาใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ครู่เดียวหลังจากขึ้นไปเอากระเป๋า พี่พร้อมกับน้องพริ้งก็สะพายเป้ใบเล็กของตนเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารก่อนคุณแม่ พรรณดาราหิ้วกระเป๋าตามลูกเข้ามาติดๆ
“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่เพลิง” พรรณดาราบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้พี่ชาย
“ผมขอตัวพาน้องกับหลานกลับก่อนนะครับคุณลุงคุณป้า” เพลิงตะวันยกมือไหว้ลา แล้วเข้าไปรับกระเป๋าในมือน้องสาวมาถือไว้ เขาเดินออกไปรอข้างนอกก่อน เพราะกลัวว่าจะอดเหยียบหน้าใครบางคนไม่ได้จริงๆ พรรณดารามองตามพี่ชายอย่างเข้าใจ หญิงสาวหันกลับมายิ้มให้ผู้สูงวัยทั้งสอง
“หนูกลับก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่ สวัสดีค่ะ” หญิงสาวประนมมือไหว้อ่อนน้อม เสร็จแล้วจึงรุนหลังลูกทั้งสองให้ไปไหว้ลาคุณปู่คุณย่า
“พี่พร้อม น้องพริ้งไหว้ลาคุณปู่คุณย่าก่อนค่ะลูก” พรรณดาราบอกลูก เด็กทั้งสองว่าง่าย รู้ความ รีบเข้าไปหาคุณปู่คุณย่า ประนมมือน้อยป้อมๆไหว้อย่างน่าเอ็นดู คุณปู่คุณย่าต่างกอดหอมหลานด้วยความรักใคร่สุดหัวใจ คำอวยพรดีๆพรั่งพรูออกจากปาก พร้อมทั้งเอ่ยให้หลานกลับมาหาตนบ่อยๆ
“แล้วพร้อมจะพาน้องพริ้งกลับมาหาคุณปู่คุณย่าอีกนะครับ” พี่พร้อมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าขึงขัง
“ย่าจะรอนะลูก” คุณกิ่งแก้วน้ำตารื้น อยากจะรั้งหลานให้อยู่ต่ออีกสักวัน แต่ก็เคารพการตัดสินใจของอดีตลูกสะใภ้ ดีแค่ไหนแล้วที่เขายังพาหลานมาหาแทบทุกสัปดาห์ ทั้งที่จะไม่พามาก็ได้เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขา
กว่าคุณปู่คุณย่าจะกอดลาหลานจนพอใจ แล้วยอมปล่อยออกมาจากบ้าน ก็ใช้เวลาพอสมควร พอสามแม่ลูกเดินมาถึงรถกระบะคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้าน ปรากฏว่าเจ้าของรถกลับไม่อยู่ที่รถซะแล้ว
“อ้าว! ลุงเพลิงหายไปไหนแล้วล่ะคะคุณแม่” เด็กหญิงหันมาถามมารดา คิ้วเล็กขมวดมุ่น เอียงคอทำหน้าสงสัย
“อืม...อาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้ค่ะ รอลุงเพลิงแป๊บนึงนะคะ” พรรณดาราบอกลูก แต่ก็อดกังวลใจไม่ได้ เมื่อกี้ตอนเดินออกมาจากห้องรับประทานอาหาร เธอก็ไม่เห็นอดีตสามีเหมือนกัน กลัวเหลือเกิน กลัวว่าสองคนนั้นจะมีเรื่องกันอีก
“ช่วยด้วยค่า! ช่วยด้วย!”
เสียงตะโกนมาจากทางหลังบ้านทำให้พรรณดารารีบหันไปมองทางต้นเสียง เธอเห็นเด็กรับใช้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา พอมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอก็ละล่ำละลักบอกลิ้นแทบพันกัน
“คุณหนูพรรณขา คะ...คุณวีค่ะ คุณวีแย่แล้ว”
“คุณวีเป็นอะไร! เกิดอะไรขึ้น!” พรรณดาราถามด้วยความตกใจ
“คุณวีกับคุณเพลิงชกกันอยู่ในสวนหลังบ้านค่า” สาวใช้ชี้นิ้วไปทางที่เธอเพิ่งวิ่งมา
“ฝากพี่พร้อมกับน้องพริ้งด้วยนะ อย่าให้ไปทางหลังบ้านเด็ดขาด”พรรณดาราสั่งก่อนจะรีบวิ่งไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากให้เด็กมารับรู้ถึงความบาดหมางของป๊ะป๋ากับลุงเพลิง เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่ลูกเธอทั้งรักและเคารพ เด็กๆไม่ควรเห็นภาพแย่ๆแบบนั้น
เมื่อวิ่งมาถึงสวนหลังบ้าน พรรณดาราก็แทบลมจับ สภาพหน้าตาทั้งอดีตสามีและพี่ชายต่างก็แตกยับเยิน ต่างคนต่างได้เลือดได้แผล เห็นแล้วหญิงสาวถึงกับปรี๊ดแตก
“พี่วี! พี่เพลิง! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงตวาดดังลั่นทำให้หนุ่มฉกรรจ์เลือดร้อนทั้งสองหยุดกึก เมื่อเห็นพรรณดารายืนขึงตามองมา ต่างคนก็ต่างพากันรีบหันหน้าหนีเจ้าของเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน
“ทำไมถึงไม่ทำตามที่เคยสัญญาไว้กับหนู” พรรณดาราถามนักมวยทั้งสองด้วยน้ำเสียงห้วนจัด
“พี่ขอโทษ” เพลิงตะวันหันกลับมามองน้องสาวด้วยสายตาสำนึกผิด
“พี่ขอโทษ” กวีเองก็เอ่ยคำขอโทษเสียงอ่อนอย่างคนที่รู้ตัวว่าผิด
“โตๆกันแล้ว ทำไมไม่คุยกันด้วยเหตุผลคะ เอะอะก็ใช้แต่กำลัง นี่ถ้าพี่พร้อมกับน้องพริ้งมาเห็นป๊ะป๋ากับลุงเพลิงชกกันพวกแกจะรู้สึกยังไง แล้วถ้าพวกแกถามว่าทำไมป๊ะป๋ากับลุงเพลิงถึงต้องชกกัน พี่ทั้งสองคนจะตอบคำถามของลูกหนูว่ายังไงคะ”
พรรณดารากำมือแน่นด้วยความโมโห นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สองคนนี้มีเรื่องชกต่อยกัน พี่เพลิงนั้นอารมณ์ร้อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และอีกคนนั้นก็ขี้กวนยียวนประสาทไม่เคยยอมใครเหมือนกัน พอได้พบเจอกันทีไรก็แปลงร่างเป็นหมาบ้ากัดกันทุกที
“ไอ้เพลิงมันเริ่มก่อน”
“เริ่มอะไร พี่อย่ามาใส่ร้ายผมนะโว้ย ผมแค่บอกว่าต่อไปจะให้น้องกับหลานมาที่นี่แบบไปกลับไม่ให้ค้างแล้วเท่านั้น พี่ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เสือกปรี่เข้ามาชกหน้าผมซะงั้น”
“ก็มึงทำหน้าตาเยาะเย้ยกวนตีน”
“กวนตีนเชี่ยอะไร หน้าหล่อๆแบบผมเนี่ยนะ จะทำหน้ากวนตีนได้ พี่แม่งใส่ร้ายผมชัดๆ”