ตอนที่ 9

1131 คำ
“แค่โรงแรม พี่วีก็แทบไม่มีเวลาให้หนูกับลูกแล้ว ถ้าต้องไปบริหารที่นั่นอีก วันหนึ่งเราจะเจอหน้ากันถึงชั่วโมงไหมคะ” พรรณดาราเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดสามี ขยับกายหันหลังให้เขาอย่างแง่งอน ลำพังกิจการโรงแรมขนาดใหญ่และธุรกิจอีกหลายอย่างที่เขาเป็นเจ้าของ เขาก็ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้เธอกับลูกแล้ว นี่เขายังจะซื้อกิจการใหม่เพิ่ม แถมยังเป็นกิจการที่กำลังมีปัญหา เชื่อได้เลยว่าเวลาอันน้อยนิดที่เขาเคยมีให้เธอกับลูกต้องถูกแย่งไปแน่นอน “หนูพรรณ...” กวีถอนหายใจเบาๆ เจรจาธุรกิจว่ายากแค่ไหนเขาก็ทำเสร็จมาแล้วนักต่อนัก แต่เจรจาให้เมียยอมตามใจนี่ยากชะมัด “แล้วไหนจะยายมยุรีแม่หม้ายเนื้อหอมวัยสี่สิบกะรัตที่ถือหุ้นอยู่อีกตั้งสี่สิบเปอร์เซ็นต์นั่นอีก” พรรณดาดาราพูดเสียงขึ้นจมูก ก็ได้...เธอยอมรับก็ได้ว่า ที่เธอง้องแง้งอยู่เนี่ยไม่ใช่เพราะไม่ชอบธุรกิจกลางคืนอย่างเดียวหรอก แต่เธอไม่อยากให้สามีใกล้ชิดกับมยุรี เธอเคยเจอยายแม่หม้ายนั่นสองสามครั้งในงานเลี้ยงระดับจังหวัดที่ไปกับสามี ยายนั่นเป็นแม่หม้ายไฟแรงสูง ที่พร้อมจะช็อตผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ แล้วถ้าได้มาทำงานใกล้ชิดกับพ่อของลูกเธอก็คงมิวายอยากจะช็อตเขาแน่ๆ ขนาดทุกทีที่พบกันมีเธออยู่ด้วย แต่สายตาเจ้าหล่อนก็ยังมองสามีของเธอราวกับจะกลืนกิน แม้จะเชื่อใจสามีว่า เขาไม่มีวันนอกลู่นอกทาง แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาใกล้ชิดกับยายนั่น มันหงุดหงิดหัวใจ “ที่คัดค้านอยู่นี่ เพราะหึงใช่ไหม” กวีขยับเข้าใกล้ อุ้มเมียรักมานั่งบนตัก เขาและเธอนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเมียนั่งหน้าตูมอยู่บนเตียงแล้ว เลยต้องมานั่งปรับความเข้าใจกันหน่อย กวีโอบกอดภรรยาไว้หลวมๆ วางคางเกยบนบ่าบอบบาง “นั่นก็ส่วนหนึ่งค่ะ” น้ำเสียงยังคงแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ “ดูเหมือนจะเป็นส่วนที่มีปัญหาที่สุด” กวีกระเซ้าภรรยา เมื่อหญิงสาวเบี่ยงหน้ามาถลึงตาใส่ เขาก็หอมแก้มเนียนไปหนึ่งฟอดใหญ่ “ก็หนูหวงพี่วี” พรรณดารายอมรับตรงๆ หญิงสาวหมุนตัวกลับมานั่งคร่อมตักแกร่ง ยกสองแขนขึ้นคล้องลำคอเขา แต่ใบหน้ายังคงบึ้งตึง “ไม่เชื่อใจพี่หรือ” กวีถามจริงจัง คนถูกถามส่ายหน้าน้อยๆ “หนูเชื่อใจพี่วี แต่ไม่เชื่อใจคนอื่น” “คนอื่นก็เป็นได้แค่คนอื่น พี่รักหนู อะไรที่ทำให้หนูต้องเสียใจพี่จะไม่มีวันทำเด็ดขาด คำสาบานในวันที่เราแต่งงานกันพี่จำได้ไม่เคยลืม” พรรณดาราหัวเราะคิกเมื่อเขาเอ่ยถึงถ้อยคำสาบานที่ถูกพี่ชายเธอบังคับให้เอ่ยออกมา ก่อนจะยอมให้เขาเข้าไปรับตัวเธอออกมาจากห้องเพื่อเข้าพิธี “ผมขอสาบานว่า จะรักและซื่อสัตย์ต่อหนูพรรณ จะดูแลทะนุถนอม จะให้เกียรติ และจะปกป้องหนูพรรณด้วยชีวิต หากวันใดที่ผมผิดคำสาบาน ทำให้หนูพรรณต้องเสียใจ ผมขอให้ฟ้าดินลงโทษ ให้มีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวัน” หลังจากเขากล่าวคำสาบานจบ เธอก็ได้ยินเสียงผู้ใหญ่หลายคนต่อว่าต่อขานพี่เพลิงว่าเล่นแรงไป แต่แล้วไงล่ะ พี่เพลิงของเธอหาใส่ใจไม่ แถมยังขู่สำทับเจ้าบ่าวของเธอก่อนจะเปิดประตูให้ด้วยว่า “จำคำสาบานของพี่ไว้ให้ดีๆนะ วันไหนที่พี่ทำให้น้องสาวผมเสียใจ หากฟ้าดินไม่ลงโทษพี่ ผมนี่แหละจะลงโทษพี่เอง”... “คุณแม่ขา” เสียงงัวเงียของน้องพริ้งทำให้คนเป็นแม่ที่ยืนเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอยู่ระเบียงกว้างตื่นจากภวังค์ หญิงสาวรีบกลับเข้าไปในห้อง แล้วเลื่อนประตูที่เปิดแง้มไว้ให้ปิดสนิท ก่อนจะเดินตรงไปยังเตียง นั่งลงฝั่งที่ลูกสาวนอนอยู่ เอื้อมไปเปิดโคมไฟที่โต๊ะข้างเตียง “ปวดฉี่ หรือว่าหิวน้ำคะ” พรรณดารายิ้มอ่อนหวาน ปัดเส้นผมยุ่งเหยิงออกจากใบหน้าเล็กๆ น้องพริ้งส่ายหน้าไปมาบนหมอน เด็กหญิงมองหน้าผู้เป็นแม่ตาแป๋ว “พรุ่งนี้ป๊ะป๋าจะมาอุ้มน้องพริ้งลงไปกินข้าวเช้าไหมคะ” คำถามของลูกทำให้คนเป็นแม่สะท้อนอยู่ในอก กระนั้นพรรณดาราก็ยังฝืนยิ้มให้ดูปกติที่สุด อาจจะเป็นเพราะสองวันที่ผ่านมากวีเป็นคนอุ้มลูกทั้งสองออกจากห้องนอนไปส่งที่โต๊ะอาหาร พอกลับมานอนที่บ้าน ลูกสาวเลยอยากให้เขามาทำแบบนั้นให้อีก “ป๊ะป๋าไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ แต่เดี๋ยวคุณแม่จะบอกลุงเพลิงมาอุ้มน้องพริ้งดีไหมคะ” เด็กหญิงทำหน้าเบ้คล้ายจะร้องไห้ “ลุงเพลิงไม่ใช่ป๊ะป๋าของน้องพริ้ง ลุงเพลิงเป็นพ่อของน้องพุ ลุงเพลิงก็ต้องไปอุ้มน้องพุสิคะ ฮึกๆ” พอลูกเริ่มสะอื้นร้องไห้ พรรณดาราก็ใจเสีย หญิงสาวรีบทอดกายลงนอนเคียงข้าง กอดร่างเล็กบอบบางแนบอก “ชู่ว์...ไม่ร้องนะคะคนเก่ง อย่างนี้ดีไหมคะ เอาไว้สัปดาห์หน้าเราไปนอนบ้านป๊ะป๋ากันอีก แล้วคุณแม่จะบอกป๊ะป๋าให้มาอุ้มน้องพริ้งไปที่โต๊ะอาหารทุกเช้าเลยนะคะ” “เราไปอยู่บ้านป๊ะป๋าทุกวันไม่ได้หรือคะ น้องพริ้งอยากให้ป๊ะป๋าอุ้มทุกวัน อยากกินข้าวต้มกุ้งคุณย่าทุกวัน แล้วก็อยากฟังคุณปู่เล่านิทานสนุกๆให้ฟังทุกวันด้วยค่ะ” น้องพริ้งพูดไปตามประสา เด็กหญิงไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงต้องพามาอยู่บ้านคุณตาคุณยาย ทำไมต้องมาอยู่กับลุงเพลิง “เอาไว้สัปดาห์หน้าคุณแม่จะพาไปนะคะ แต่ตอนนี้ดึกแล้ว น้องพริ้งต้องนอนก่อน เด็กดีต้องไม่ดื้อนะคะ” พรรณดาราจูบศีรษะเล็กเบาๆ หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาที่จะไหลออกมาไว้อย่างที่สุด “ก็ได้ค่ะ” ลูกสาวตัวน้อยพยักหน้ากับอกนุ่มของผู้เป็นแม่ พรรณดาราลูบศีรษะลูกเบาๆ กระทั่งมั่นใจว่าหนูน้อยหลับไปแล้ว เธอจึงขยับกายลุกขึ้นนั่ง ดึงผ้าห่มคลุมให้อย่างเบามือ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม