ตุบ!
"สัญญาที่คุณถามหา รายละเอียดและข้อตกลงรวมถึงกฎต่างๆ ฉันพิมพ์ใส่ลงไปในนั้นหมดแล้ว ลองอ่านดูก่อนละกันว่าโอเคไหม"
ทันทีที่ถึงภายในห้องคอนโดสุดหรูที่กว้างขวางมากๆ สมกับฐานะเจ้าของห้างดังลูกเศรษฐีหมื่นล้าน มาร์ลินก็วางซองเอกสารสีน้ำตาลที่ในนั้นมีเอกสารสัญญาการตกลงระหว่างเธอกับเจ้าของห้องลงไปบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าโซฟา ก่อนจะหย่อนก้นสวยนั่งลงตามไปภายหลัง
แปลนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วจึงหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิดดูพร้อมอ่านรายละเอียดในกระดาษสีขาวทุกบรรทัด ในกระดาษมีข้อความที่น่าสนใจอยู่หลายบรรทัด อย่างเช่น เงินเดือนห้าแสนบาท และกฎห้าข้อที่ว่า…
ห้ามผู้ทำข้อตกลงมีหญิงอื่นไว้ในครอบครองระหว่างที่มีนางสาวมาร์ลิน อาร์โนกิจรุ่งเรือง (หากผู้ทำข้อตกลงมีหญิงสาวคนอื่นขณะที่มีนางสาวมาร์ลิน ข้อตกลงถือว่าเป็นโมฆะและต้องชดใช้ให้นางสาวมาร์ลิน อาร์โนกิจรุ่งเรืองเป็นจำนวนเงินสิบล้านบาท)
ห้ามผู้ทำข้อตกลงขืนใจนางสาวมาร์ลิน หากกระทำต้องเสียค่าปรับ หนึ่งล้านบาท
ห้ามผู้ทำข้อตกลงมีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวอื่นขณะที่มีนางสาวมาร์ลิน หากกระทำต้องเสียค่าปรับห้าล้านบาทและสัญญาจะสิ้นสุดแค่นั้น
และข้อสุดท้ายที่น่าสนใจก็คือ ห้ามผู้ทำข้อตกลงตกหลุมรักนางสาวมาร์ลิน หากตกหลุมรักอีกฝ่ายสัญญาจะเป็นโมฆะทันที
ตุบ!
"ดูเหมือนคุณจะร้อนเงินนะ มีค่าปรับเต็มไปหมดเลย อีกอย่างห้ามผมมีคนอื่นในขณะที่มีคุณ ถ้าพิมพ์มาแบบนั้นพรุ่งนี้ไปจดทะเบียนสมรสกับผมเลยไหม?"
มือหนาโยนซองเอกสารที่อ่านเสร็จแล้วกลับลงไปบนโต๊ะตามเดิม ก่อนจะลั่นคำพูดที่ทำให้เจ้าของสัญญาอย่างมาร์ลินที่นั่งเล่นโทรศัพท์ตอนที่อีกฝ่ายนั่งอ่านสัญญาอยู่ถึงกับชะงักละสายตามองอีกฝ่ายทันที ก่อนจะถลึงตาใส่ที่โดนแขวะแบบนั้น
ร้อนเงินเหรอ? เอาจริงๆ เธอไม่ได้ร้อนเงินหรอก เพราะฐานะที่บ้านเธอไม่ได้ยากจนอยู่แล้ว แต่ที่ต้องพิมพ์ลงไปแบบนั้น ทุกอย่างก็เพื่อป้องกันอีกฝ่ายไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นนั่นแหละ
เธอมาคิดๆดูแล้วก็แอบกลัวเหมือนกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนอื่นแล้วนำโรคมาติดต่อเธอ เพราะฉะนั้นป้องกันดีกว่าแก้ และการแก้ที่ดีที่สุดก็คือ เอาเรื่องเงินมาเป็นตัวแปรหลักไงล่ะ เพราะเงินมันมีอำนาจทำให้คนกลัวอยู่แล้ว ถ้ากลัวจะถูกปรับก็จะไม่ทำผิดกฎที่เธอสร้างไว้
"แล้วว่าไง คุณจะตกลงไหมล่ะ?" แปลนเงียบไปสักพัก เขาไม่ตอบอะไรคนตรงหน้าแต่เลือกที่จะจ้องหน้าอีกฝ่ายที่นั่งกอดอกพิงพนักโซฟานิ่งๆ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ก่อนจะตัดสินใจตอบสีหน้าเรียบกลับไป "...ตกลง"
"หึ แล้วทำเป็นนั่งคิดนาน"
"ผมมันพวกนักธุรกิจ จะลงทุนอะไรสักอย่างก็ต้องคิดถึงความเสี่ยงบ้างเป็นธรรมดา"
"แล้วเป็นไง สุดท้ายก็เลือกที่จะเสี่ยงกับฉัน บอกเลยนะถ้าเซ็นสัญญาแล้วอย่าคิดจะลองดีแหกกฎที่ฉันสร้างไว้ละ ไม่งั้นนายจ่ายค่าปรับบานแน่"
ค่าปรับแค่ไม่กี่ล้าน ถ้าเอาตามฐานะเขาแล้วเงินแค่นั้นมันไม่ได้ทำให้เขากลัวที่จะต้องเสียเงินให้ผู้หญิงตรงหน้าอยู่แล้ว ระดับแปลนราชภัทรลูกเศรษฐีหมื่นล้านมันไม่ได้สะท้านขนหน้าแข้งเลยสักนิด แต่ที่เขาทำเป็นคิดหนักก่อนตัดสินใจ เขาแค่แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่ได้รีบร้อนตกลงกับเธอจนเนื้อตัวสั่น เหมือนอยากได้เธอมาครอบครองขนาดนั้น
"ถ้าผมจะแหกกฎเงินแค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมกลัวที่จะต้องจ่ายหรอก แต่ผมจะไม่แหกกฎที่คุณสร้างละกัน"
"โอเค ดิล งั้นก็เซ็นเลย ทุกอย่างจะได้เรียบร้อย"
สิ้นสุดเสียงของมาร์ลิน มือหนาก็หยิบปากกาที่ถูกวางเตรียมพร้อมไว้ข้างๆ เอกสารขึ้นมาจรดลายเซ็นตรงตำแหน่งชื่อของตัวเอง ก่อนจะส่งต่อให้เจ้าของสัญญาเซ็นชื่อต่อ เมื่อลายเซ็นของทั้งคู่ประทับบนกระดาษเสร็จเรียบร้อยแล้วก็แบ่งเอกสารให้เก็บคนละใบเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันข้อตกลงระหว่างทั้งคู่
"ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย งั้นฉันกลับก่อนละกัน"
"เดี๋ยว ตกลงกันเรียบร้อยแล้วคืนนี้ก็อยู่กับผม"
"อยู่กับคุณ?" คิ้วสวยเลิกขึ้นเล็กน้อย
"ใช่ หน้าที่ของคุณคือบำเรอผมนะ ผมจ่ายต่อเดือนให้คุณตั้งครึ่งล้าน ไม่ใช่เงินน้อยๆ"
"ขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหม" เนื่องจากเธอแอบหนีหัวหน้าบอดิการ์ดออกมาจากเพนท์เฮ้าส์
บอกบอดิการ์ดที่บังเอิญเจอกับเธอแค่ว่าจะไปหาเมษาเพื่อนสนิท ไม่เกินเที่ยงคืนเธอจะรีบกลับ บอดิการ์ดที่เห็นเธอจึงยอมปล่อยเธอออกมา ถ้าเป็นหัวหน้าบอดิการ์ดเจอเองคงได้อุ้มเธอกลับเข้าไปในห้องนอนแล้ว
เธอต้องเล่าก่อนว่าเธอเป็นลูกสาวมาเฟียก็จริง แต่เรื่องการใช้ชีวิตเธอไม่ได้รับอิสระเท่าไหร่นัก เธอต้องอยู่ภายใต้กฎที่พ่อของเธอสร้างไว้ให้ ถ้าเดือนไหนพ่อของเธอไม่อยู่ในประเทศไทย กฎก็จะถูกใช้อย่างเคร่งครัด เธอห้ามเที่ยวกลางคืนเกินเที่ยงคืน ห้ามออกไปไหนคนเดียวในตอนกลางคืน หัวหน้าบอดิการ์ดเปรียบเสมือนพ่อคนที่สองของเธอเพราะรับคำสั่งและทำตามโดยตรงมาจากพ่อเธอเท่านั้น เธอสั่งอะไรไปอีกฝ่ายจะไม่ทำตามแม้แต่ข้อเดียว คนเดียวที่อัดฉีดเงินยากที่สุดก็ลุงหัวหน้าบอดิการ์ดนี่แหละ
เธอจึงกังวลอย่างที่เห็น
"คุณกังวลอะไร" นัยน์ตาคมแอบจับพิรุธสีหน้าที่ดูกังวลของอีกฝ่าย มาร์ลินตอนนี้เธอดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายเธอก็ปรับสีหน้ากลับไปเป็นปกติก่อนจะหันมาสบตากับเขาแล้วพูดบางอย่างออกมา
"เปล่า ถ้าฉันจะยื่นข้อเสนออีกข้อให้คุณ เพื่อให้เรื่องมันง่ายคุณจะยอมไหม"
"อะไร?"
"เป็นแฟนกำมะลอของฉัน"
"หึ เพื่ออะไร ทำไมผมต้องทำแบบนั้น" ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มขำทันทีที่ได้ยินข้อเสนอที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากอีกฝ่ายออกมา
เป็นแฟนกำมะลอของเธองั้นเหรอ? ทำไมเขาต้องเป็น ในเมื่อเรื่องราวตอนนี้มันไม่ได้บังคับให้ต้องทำแบบนั้นสักนิด เขาแค่สนใจเธอจ่ายเงินให้เธอแล้วเรียกเธอมาบำเรอ มันมีอะไรติดขัดตรงไหนที่ทำให้เธอลำบากจนต้องยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นแฟนกำมะลอ
"ถ้าอยากให้ฉันอยู่กับคุณได้เต็มที่ คุณก็ต้องยอมฉันในเรื่องนี้ เพราะฉันไม่สามารถอยู่เกินเที่ยงคืนได้"
"ทำไม"
"พ่อจะดุเอา"
"พ่อดุ? เดี๋ยวนะนี่คุณอายุเท่าไหร่กันแล้ว คงไม่ใช่สิบเจ็ดสิบแปดหรอกใช่ไหม?"
"ถ้าคุณไม่ยอม งั้นเราก็ยกเลิกเรื่องนี้ไปซะ"
"คุณก็บอกเหตุผลที่ผมต้องเป็นสิครับ ผมจะได้ตัดสินใจถูก"
"ถ้าพ่อรู้ว่าคุณเป็นแฟนฉัน ทุกอย่างมันจะง่าย เข้าใจยัง พ่อจะเข้าใจว่าฉันมีคุณเป็นแฟนวันไหนที่ฉันหายไปไม่กลับก็คือฉันมาอยู่กับคุณไง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉันคุณก็จะเป็นคนแรกที่พ่อฉันพุ่งตัวมาหา"
"เดี๋ยวๆ ฟังดูทะแม่ง ๆ แฮะ"
"ไม่ทะแม่งหรอกน่า รีบๆ ตัดสินใจเถอะ" ใบหน้าสวยขมวดรำคาญรีบเร่งอีกฝ่ายให้ตัดสินใจ แปลนที่นั่งมองใบหน้าสวยอยู่ตลอดเลยเงียบนั่งครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วตอบกลับไปในที่สุด
"โอเค ผมยอมก็ได้"
"เคร"
"แล้วคืนนี้คุณอยู่กับผมได้ไหม"
"ได้ แต่ไม่เกินเที่ยงคืน" คนหน้าหล่อกลอกตามองบนใส่ทันที ก่อนจะใช้นิ้วมือนวดขมับของตัวเองอย่างปวดหัวกับคำตอบของอีกฝ่าย ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาถอดสูทตัวนอกออกระหว่างเดินหนีเข้าไปในห้องนอนด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
มาร์ลินที่เห็นดังนั้น จึงรีบลุกขึ้นเดินตามไปด้วยทันทีที่เห็นท่าทางและสีหน้าของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา เธอต้องรีบไปเอาอกเอาใจสักหน่อย เพราะตอนนี้แปลนคือสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอได้ลองอะไรใหม่ๆ และใช้ชีวิตได้เต็มที่ขึ้น เธอเชื่ออย่างนั้น เพราะฉะนั้นเธอจะปล่อยให้ความสุขลอยหายไปไม่ได้
สึบ!
"คุณหงุดหงิดอะไรหรือเปล่าถึงได้เดินหนีฉันมาแบบนี้ หืม?"
แขนเล็กโอบกอดร่างหนาจากทางด้านหลังไว้ ก่อนจะแนบใบหน้ากับแผ่นหลังไว้อย่างออดอ้อน แต่สิ่งที่ร้ายกาจกว่าท่าทางออดอ้อนของเธอก็คือ มือนุ่มที่กำลังลูบกล้ามหน้าท้องแข็งแรงของเขานั่นต่างหาก
เนื่องจากตอนนี้คนตัวสูงได้ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกทุกเม็ดแล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้ถอดเสื้อเชิ้ตออก จึงทำให้มือนุ่มแสนซนป้วนเปี้ยนแถวกล้ามหน้าท้องของเขาได้อย่างอิสระ
"หยุด ถ้าคุณจะล้วงลงไปข้างในนั้น แทนที่คุณจะได้กลับเลย คุณจะได้กลับเช้าพรุ่งนี้แทน เพราะฉะนั้นอย่าปลุกมันดีกว่า" มือหนาหยุดมือเล็กที่กำลังจะล้วงเข้าไปในกางเกงของเขาไว้ เขารู้ว่าเธอจะทำอะไรจึงห้ามไว้ก่อน ก่อนจะหมุนตัวหันไปเผชิญหน้ากับคนตัวเล็กกว่าในเวลาต่อมา
แต่ทันทีที่ร่างสูงหมุนตัวหันมาเผชิญกับคนตัวเล็ก รอยยิ้มเย้ายวนและสายตาแพรวพราวก็ถูกใช้งานจากเจ้าของนิ้วเรียวที่กำลังกรีดกรายบนแผงอกแข็งแรงทันที
"คุณสอนฉันใช้ปากได้นะ"