ตลอดช่วงเช้าและบ่ายมุกดายุ่งอยู่กับการทบทวนวิดีโอพรีเซนต์ เอกสาร และเช็กความพร้อมของคอมพิวเตอร์ เธอจะไม่ทำพลาดเหมือนวันนั้นอีกแล้ว สมุดจดบันทึกกับปากกามาร์คเกอร์หลากสีหยิบใส่กระเป๋าเตรียมไว้พร้อมเสร็จสรรพ
“มุก ฮาร์ดดิสก์สำรองอยู่ในกระเป๋านะ” แพรไหมบอกคนที่กำลังวุ่นอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังรันโปรแกรมอย่างขะมักเขม้น
“ฉันแก้โค้ดให้อ่านง่ายที่สุดแล้วถ้าไม่เข้าใจก็โทรมาถาม”
แพรไหมคือมือฉมังที่เก่งเรื่องการเขียนโปรแกรมมากที่สุดในกลุ่ม
เจ้าเอยเป็นฝ่ายดาต้าเบสคอยเก็บรวบรวมข้อมูลและทำเรื่องบัญชีส่วนมุกดาไม่ค่อยเก่งเท่าเพื่อนทั้งสองคนเธอเรียนซอฟต์แวร์แต่ดันมีฝีมือด้านกราฟิกดีไซน์และการตัดต่อวิดีโอนอกจากนี้ยังพ่วงตำแหน่งมาร์เก็ตติ้งของบริษัทMOP softอีกด้วย
“อื้อ”
“มุก โปรเจคร้านอาหารคุณพงษ์เขาจ่ายเงินมาครบแล้วนะ”
เจ้าเอยตะโกนมาจากโต๊ะทำงาน เรียกได้สามสาวกำลังวุ่นวายสุดๆต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงกดกริ่งหน้าประตูออฟฟิศดังขึ้น มุกดาผงกหัวขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์มองไปยังกระจกบานใสที่มองเห็นทะลุออกไปข้างนอก
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นธนัชพี่ชายข้างบ้านที่กำลังโบกมือหย่อยๆเมื่อเห็นมุกดามองมา
“มาได้ไงคะเนี้ย”
มุกดาเดินไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้ใหม่
“พี่มาพบลูกค้าแถวนี้เลยแวะเอาขนมที่มุกชอบมาฝาก มีของแพรกับของเอยด้วยนะ”
“ขอบคุณค่าพี่นัท” เจ้าเอยตอบรับพร้อมกับยกน้ำเย็นมาให้รุ่นพี่ของเพื่อน ส่วนแพรไหมทำเพียงยกมือไหว้
แพรไหมมีนิสัยประหลาดอย่างหนึ่งคือเธอค่อนข้างขี้อายไม่พูดไม่สบตากับคนแปลกหน้าเว้นแต่เวลาอยู่ในโลกออนไลน์ถึงจะแสดงตัวตนออกมา
เมื่อก่อนมุกดากับเจ้าเอยเคยแซวอยู่บ่อยๆว่าแพรไหมเป็นโรคกลัวมนุษย์ แรกๆอาจจะแปลกแต่พอนานๆไปพวกเธอก็ชิน
“ยินดีครับ ว่าแต่งานเยอะเหรอเห็นยุ่งๆกัน”
“ก็นิดหน่อยค่ะ”
มุกดาเดินนำพี่ชายข้างบ้านให้มานั่งที่โซฟารับแขก ส่วนเธอเดินไปนั่งบนโซฟาอีกตัวที่อยู่ตรงข้ามเขา
“ตามสบายนะคะ” เจ้าเอยเอาน้ำเย็นมาเสิร์ฟ
“ขอบคุณครับ”
คนตัวเล็กยิ้มบางๆแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองปล่อยให้มุกดาคุยกับพี่ชายข้างบ้านเป็นการส่วนตัว
“แล้วเรื่องพรีเซนต์เป็นไง ช่วงนี้พี่ก็ยุ่งๆเหมือนกันไม่มีเวลาติดตามเรื่องนี้เลย”
“มุกนัดพรีเซนต์อีกครั้งแล้วค่ะ อีกอย่างพี่นัทไม่ต้องคอยช่วยหรอก บอกตามตรงมุกเกรงใจ เดี๋ยวพี่นัทจะโดนมองไม่ดี”
“ใครจะมองแบบนั้นล่ะมุกคิดมากน่า พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อยแค่ติดตามผลเฉยๆ แต่ถ้ามุกไม่สบายใจงั้นพี่ไม่ตามจากทางโน้นแล้วมาถามมุกโดนตรงดีกว่า” ธนัชบอก
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่นัท” มุกดารู้สึกของคุณเขาจริงๆ ถ้าหากไม่มีธนัชคอยแนะนำเธอก็คงไม่มีโอกาสได้เข้าไปเสนอผลงานกับบริษัทใหญ่
“ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ พี่รู้จักมุกมาตั้งแต่ตัวเล็กๆแค่นี้” เขายกมือขึ้นเหนือเอวนิดเดียว ย้ำว่าเมื่อสมัยเด็กมุกดาเป็นเด็กหญิงตัวเล็กไม่เหมือนตอนนี้ที่โตเป็นสาวเต็มวัย ส่วนสูงก็เพิ่มมากกว่าเมื่อก่อนราวกับหุ่นนางแบบและยังสวยขึ้นมากๆอีกด้วย
“โห่ ขอร้องอย่าล้อเรื่องตอนเด็กมุกจำไม่ได้แล้ว”
“ครับๆพี่ไม่ล้อกลัวมุกร้องไห้ขี้แยอีก”
“พี่นัท! มุกไม่ได้ขี้แยสักหน่อย” พึ่งบอกอยู่หยกๆว่าอย่าล้อ มุกดาเชิดหน้าขึ้นแกล้งงอนพี่ชายข้างบ้านที่เอาแต่หัวเราะชอบใจ
“โอเคๆไม่ล้อแล้ว ว่าแต่เย็นนี้มุกว่างไหมพี่มีร้านอาหารเด็ดๆบรรยากาศดีติดริมน้ำอยากพามุกไป”
“ขอโทษนะคะพี่นัทเย็นนี้มุกมีนัดแล้ว”
หนุ่มหน้าตี๋ดูผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ส่งยิ้มให้ ซ่อนความรู้สึกไว้ในใจเงียบๆ
“อ้าวเหรอ ไม่เป็นไรพี่เห็นว่าบรรยากาศดีเลยอยากแนะนำ”
“ขอบคุณค่ะ ไว้ถ้ามุกสะดวกจะโทรไปบอก จะพายัยเอยกับยัยแพรไปด้วยช่วงนี้ทำงานหนักเกิน”
“อืมได้สิ ไว้มุกว่างค่อยโทรมาแล้วกัน”
มุกดาคุยกับธนัชต่อได้สักห้านาทีพี่ชายข้างบ้านก็ขอตัวกลับเพราะมีสายด่วนจากลูกค้าโทรตาม
มุกดาเดินไปส่งเขาที่หน้าประตูออฟฟิศพอเดินกลับมาก็เจอสายตาล้อเลียนของสองแสบเพื่อนสนิท
“อิจฉาจังมีคนชวนไปดินเนอร์ริมน้ำ บรรยากาศงี้สวี๊ทสวีท” เจ้าเอยทำท่ากอดกับแพรไหมด้วยความรัก จนมุกดาเห็นแล้วนึกหมั่นไส้ ตีแขนของเจ้าเอยและแพรไหมไปคนละที
“แอบฟังคนอื่นคุยกันนิสัยไม่ดี”
“ไม่ได้แอบสักหน่อย มันได้ยินเองเนาะแพร” แพรไหมพยักหน้าเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“พอเลยทั้งคู่ ฉันไปดีกว่าถ้ากลับแล้วก็อย่าลืมล็อกประตูกันดีๆล่ะปิดไฟปิดแอร์ด้วย”
“ปฏิเสธดินเนอร์กับพี่ชายข้างบ้านไปหาแฟนเก่าเขย่าใจ ฮอตไม่ไหว” เสียงแซวยังคงไล่หลังมา
มุกดาหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาท่าทางน่าเกลียดใส่เพื่อนตัวแสบที่หัวเราะคิกคักชอบใจ แล้วเดินกลับมาเก็บเอกสารและของสำคัญใส่กระเป๋า เธอมีนัดกับแฟนเก่าตอนเวลาหนึ่งทุ่มต้องรีบออกไปก่อนที่รถจะติด