เวลาต่อมา...ลุงสิงห์พาเหมยมาที่รถยนต์คันหรูราคาหลักล้านสีดำขลับที่จอดเด่นรออยู่หน้าโรงเรียน สาวน้อยเห็นแบบนั้นก็กลัวเหลือเกินว่าความซุ่มซ่ามของเธอจะทำรถเป็นรอยขีดข่วน
"โห...เจ้านายคงรวยมากสินะคะ ถึงเอารถแพง ๆ มาเหมยรับแบบนี้" เหมยพึมพำ พลางเปิดประตูเข้าไปนั่งด้วยอาการเกร็ง ๆ เพราะเกิดมายังไม่เคยนั่งรถแพงมาก่อน
"รถคันนี้ราคาถูกสุดในไร่แล้วล่ะครับ คุณหนูเหมยทำตัวตามสบายเถอะครับ" ทว่าคำตอบของลุงสิงห์เหมือนไม้หน้าสามที่ฟาดลงมากระแทกหน้าเธอจัง ๆ
"ถึงเหมยจะจน แต่ก็รู้ว่านี่มันรถเฟอร์รารี่นะคะลุงสิงห์" เหมยว่า ถ้านี่คือรถที่ราคาต่ำสุดในไร่ แล้วไอ้รถที่แพงที่สุดนี่ราคาเท่าไหร่กัน เจ้านายคงไม่ได้ทำงานผิดกฎหมายใช่ไหมเนี่ย
"ครับ! ผมพอจะทราบว่าคุณหนูเรียนเก่ง ท่าทางของคุณหนูต้องช่วยงานเจ้านายได้ดีแน่ ๆ" ลุงสิงห์ตอบ เขาเรียกสาวน้อยว่า 'คุณหนู' ทุกคำจนเหมยชักจะเกร็ง ๆ เสียแล้ว
"ลุงสิงห์ไม่ต้องเรียกเหมยว่าคุณหนูก็ได้นะคะ ฟังแล้วไม่ชินเลยค่ะ" สาวน้อยบอก ฟังแล้วมันไม่รื่นหูเท่าไหร่ที่เหมือนโดนยกระดับ ทั้ง ๆ ที่ชีวิตเธอยังเหมือนเดิม
"คำสั่งเจ้านายน่ะครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น" ลุงสิงห์ตอบ คลี่ยิ้มจางให้เหมยผ่านกระจกมองหลัง เป็นเชิงว่าให้สาวน้อยยอมรับเสียเถอะ
“ก็ได้ค่ะ” เหมยยังไม่อยากต่อคำกับลุงสิงห์ จึงได้แต่เออออไปก่อน
รถยนต์คันหรูแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วสูงชนิดที่เหมยคิดว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในรถของทอเรตโต้ในหนังแอคชั่นแข่งรถชื่อดังที่มีหลายภาคนั่นเสียอีก ลุงสิงห์คงไม่ได้เป็นนักแข่งเก่าใช่ไหมเนี่ย
"ละ...ลุงสิงห์คะ เหมยว่าร้อยห้าสิบมันเกินกำหนดความเร็วไปเยอะนะคะ อาจจะโดนใบสั่งก็ได้ค่ะ" เหมยละล่ำละลักบอก เมื่อชะโงกหน้าไปเห็นเลขไมล์ที่มีแต่เพิ่มขึ้นไม่หยุด ลุงสิงห์จะซิ่งแหกนรกโดยมีเธอที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ โดยสารไปด้วยไม่ได้นะ
“ไว้ใจผมได้ครับ ไม่มีเฉี่ยวชนแน่ครับ” ลุงสิงห์ตอบกลับมาราวกับว่าแค่นี้ยังช้าไป
‘ไม่ใช่แล้ว...พ่อจ๋าแม่จ๋าคุ้มครองเหมยด้วยนะคะ’
จากที่เหมยคิดว่าสามชั่วโมงถึงต่างจังหวัด และอาจจะใช้เวลาอีกสักหน่อยเพื่อมายังบ้านไร่ของเจ้านาย ลุงสิงห์ก็สามารถพาเธอมาถึงจุดหมายที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่ห่างไกลตัวเมืองภายในไม่ถึงสองชั่วโมง ทำเอาสาวน้อยแทบจะหัวใจวายตายกับความเร็วทะลุนรกของลุงสิงห์
"บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอคะ กว้างมากเลย" เหมยพึมพำ อย่าเรียกว่าบ้านต้องเรียกคฤหาสน์มากกว่า
"ครับ! ห้องของคุณหนูเหมยจะอยู่ชั้นสองประตูแรกทางซ้ายมือนะครับ ผมจะยกของไปไว้ให้ คุณหนูจะเดินชมรอบ ๆ บ้านก่อนก็ได้ครับ เพราะเจ้านายคงยังไม่กลับจากไร่" ลุงสิงห์ว่า รับกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอไปถือไว้
"ขอบคุณนะคะ" สาวน้อยตอบ มองดูลุงสิงห์ยกข้าวของเข้าไปด้านใน เธอจึงเดินชมรอบ ๆ ตามที่ชายวัยกลางคนแนะนำ
พื้นที่บ้านไร่ของเจ้านายกินพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ตอนที่รถแล่นผ่านป้ายหินอ่อนขนาดใหญ่ที่มีอักษรสลักไว้ว่า 'ไร่เพลิงพนา' เข้ามา เหมยก็มองเห็นสวนส้ม ไร่องุ่น และยังมีเหมือนคอกเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ รวมถึงบ้านพักสไตล์คันทรี่มีชาวไร่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่หลายคน แต่พอเข้าเขตบ้านของเจ้านาย บริเวณนี้นอกจากคฤหาสน์ที่มีต้นไม้ใหญ่ และพุ่มดอกไม้รายรอบแล้ว เหมยก็ไม่เห็นใครอีกเลย
"ใหญ่โตขนาดนี้ต้องมีคนรับใช้เป็นสิบถึงจะดูแลทั่วถึง ทำไมถึงไม่เห็นใครเลยล่ะ" สาวน้อยพึมพำ
ขณะเหมยเดินย่ำไปบนพื้นหญ้าเขียวขจี โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ร่างบอบบางของเธอเงียบ ๆ อสรพิษสีดำขลับขนาดใหญ่เลื้อยผ่านพื้นหญ้าด้านหลังสาวน้อยไปอย่างเงียบเชียบ ทว่าตอนที่มันกำลังจะเลื้อยพ้นมุมตรงกระถางต้นไม้ไป เหมยกลับหันมาเห็นท่อนหางของมัน สาวน้อยถึงกับยืนตัวแข็งทื่ออย่างไม่เชื่อสายตา
"นั่น...หางงูรึเปล่า มีงูกำลังเลื้อยไปข้างบ้านใช่ไหม" เหมยพึมพำน้ำเสียงสั่นกลัว ยกมือกุมกันแน่น ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างระมัดระวังและเงียบเชียบที่สุด สายตาสาวน้อยยังจับจ้องไปที่มุมกระถางต้นไม้ ในใจครุ่นคิดว่าแค่ท่อนหางยังใหญ่เกือบเท่าข้อมือเธอ ถ้ามันเลื้อยกลับมาเธอคงได้เป็นอาหารเย็นมันแน่ เธอต้องรีบบอกคนในบ้านให้รู้
ใช่! เธอต้องรีบบอกลุงสิงห์
ปึก!
แผ่นหลังเล็ก ๆ กระแทกเข้ากับบางอย่าง ทำให้เหมยตกใจจนร้องกรี๊ดออกมา เพียงพริบตาเสียงเธอก็เงียบลง เพราะมือใหญ่ของชายคนหนึ่งยกขึ้นมาปิดปากเธอไว้แน่น
"ชู่ว์...กรี๊ดดังขนาดนี้เดี๋ยวใครก็คิดว่าฉันกำลังจะขืนใจเธอหรอก"
น้ำเสียงทุ้มต่ำทว่าทรงอำนาจพูดขึ้น นัยน์ตาคมกริบดำสนิทจับจ้องใบหน้าสาวน้อยที่ยังมีสีหน้าตื่นตระหนกไม่หาย
"อื้อ ๆ อ่อย-เอ๋ย-อ๊ะ" บอกไม่เป็นภาษาพลางแกะมือเขาออก
"เงียบด้วยล่ะ" ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อคมคร้ามกร้าวใจสไตล์หนุ่มมาเฟีย โดดเด่นที่ความสูงไม่ต่ำกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ทำให้เหมยที่สูงเพียงร้อยหกสิบดูตัวเล็กไปเลยทีเดียวยามที่ยืนอยู่ข้างเขา
"คุณอยู่ที่นี่เหรอคะ ดีเลยค่ะเมื่อกี้เหมยเห็นงูตัวใหญ่มาก มันเลื้อยไปตรงกระถางต้นไม้ค่ะ" เมื่อเจอผู้พักอาศัย สาวน้อยก็รีบเล่าด้วยสีหน้าวิตกกังวลปนหวาดระแวง พลางชี้ไปทางกระถางต้นไม้ที่ว่านั่น
"เธอเห็นมันทั้งตัวเลยงั้นเหรอ" ชายหนุ่มถามย้ำ ทำสีหน้าใคร่รู้