เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยทำให้เช้านี้ขนมหวานตื่นสายกว่าทุกวัน รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็เกือบแปดนาฬิกา ร่างบางรีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงนอน แม้แต่ผ้าห่มก็ไม่ได้เก็บให้เรียบร้อยเป็นระเบียบอย่างที่เคยทำ พาร่างกายหายเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็วใช้เวลาอยู่ในนั้นไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ
รีบออกมาแต่งตัวหวีผม ทาครีมบำรุง ทาแป้งลวกๆ ฉวยกระเป๋าสะพายคู่ใจพร้อมด้วยหนังสือที่วางเตรียมไว้วิ่งมาที่ประตู แต่ก็ต้องวิ่งกลับไปที่โต๊ะอีกครั้งเมื่อลืมคว้าโทรศัพท์ติดมือมาด้วย
“ยิ่งรีบยิ่งช้านะขนม” บ่นให้ตัวเองเสียอย่างนั้น
ร่างบางวิ่งตึกๆ ลงมาจากบันได หากก้าวพลาดคงไม่ต้องบอกว่าเธอจะลงไปกองที่พื้นได้เร็วขนาดไหน
“สิบนาที” เสียงนรกผ่ากลางหน้า คนที่วิ่งมาด้วยความเร็วถึงกลับเบรกไม่ทัน เมื่อคนตัวสูงไม่รู้มาจากไหนอยู่ดีๆ ก็เดินมาขวางทางไว้
ปัก!
“โอ๊ย!”
ร่างบอบบางชนกับร่างหนาเต็มแรงๆ หนังสือที่อยู่ในมือร่วงลงพื้น ยังดีที่ร่างสูงตั้งหลักไว้ดีเพียงแค่เซไปเล็กน้อยเท่านั้น มิหนำซ้ำยังรั้งเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไปกองที่พื้น หากเขาตั้งหลักไม่มั่นคง ทั้งเธอและเขาคงได้ลงไปนอนซบพื้นกระเบื้องด้วยกันแน่ๆ และคงไม่ต้องบอกว่าเธอจะโดนอะไรต่อจากนั้น
“ทำไมซุ่มซ่าม สายตามีปัญหาหรือไงถึงไม่เห็นว่าฉันยืนอยู่” ขนมหวานสูดเอาลมเข้าแก้มจนป่อง อยากจะเถียงออกไปว่าเขานั่นแหละที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ จนเธอชนเข้า
นั่น...ยังจะมาทำแก้มป่องด่าเขาทางสายตาอีก ยัยเด็กคนนี้ มันน่าจับกดก่อนไปทำงานเสียจริง
“ขอโทษค่ะ ช่วยปล่อยด้วย ขนมสายแล้ว” ขืนตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแรงดั่งกรงเหล็ก แต่อชิระกลับไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ รั้งร่างบางเข้ามาใกล้จนแนบชิด
บดขยี้เรียวปากอิ่มที่เผยอรอลงไปรวดเร็วจนอีกคนไม่ทันตั้งตัว มือที่วางอยู่แผ่นอกกว้างกำเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มไว้แน่น อยากจะคัดค้านขัดขืนแต่เชื่อเถอะว่าใจเธอไม่แข็งพอ ได้แต่ยินยอมโอนอ่อนคล้อยตามอย่างง่ายดาย มิหนำซ้ำยังจูบตอบกลับไปเสียด้วยซ้ำ
จากที่แค่จะลงโทษคนสาย ตอนนี้อชิระกลับไม่อยากหยุดบทลงโทษนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งขนมหวานจูบตอบกลับมา ความหวานจากโพรงปากของหญิงสาวและเรียวลิ้นเล็กที่คอยหลบหลีกหยอกเย้า กลับทำให้เขาอยากอุ้มเธอขึ้นห้องทำให้ตัวเองและเธอสบายตัวก่อนไปทำงานเสียตอนนี้ แต่คงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือตัดใจและผละริมฝีปากออก
“เธอทำให้ฉันอยากกินขนมอีกแล้วนะ”
ความผิดเธอหรือไง เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน
อชิระบีบคางเล็กเบาๆ ให้ใบหน้าสวยเชิดขึ้นมองสบสายตากัน ยิ่งเห็นเรียวปากอิ่มมีร่องรอยความหวานติดอยู่ก็อยากจะทาบทับลงไปใหม่
“อย่าด่าฉันในใจ จำไว้ว่าแค่มองตาฉันก็รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เก็บหนังสือและตามฉันไปที่รถ” ปล่อยมือออกจากคางมน หมุนตัวเดินออกไป
“ค่ะ” กระแทกเสียงตามหลังไป รีบเก็บหนังสือที่ร่วงลงพื้นมาถือไว้ และเดินตามอชิระไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
“ขึ้นมาดิ เธอไม่ใช่เจ้าหญิงที่ฉันจะต้องเปิดประตูรถและอุ้มเธอขึ้นมาหรอกนะ” ก็รู้แหละว่าไม่ใช่เจ้าหญิง แต่ที่ยืนนิ่งเพราะมันแปลกใจ ปกติเคยให้เธอนั่งไปมหาวิทยาลัยด้วยเสียที่ไหน มีแต่ให้เธอเดินทางไปเองทุกวัน แต่วันนี้อยู่ดีๆ ทำไมถึงให้เธอไปด้วย
“ค่ะ” เปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างคนขับ ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดไว้ ก่อนรถยนต์คันหรูจะแล่นสู่ท้องถนนสายหลักมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัย
ระหว่างทางเกิดความเงียบงันจนขนมหวานเริ่มอึดอัด รู้สึกว่าการนั่งรถยนต์แบบนี้ทำให้เธอไม่สนุกเหมือนนั่งรถประจำทางเสียเท่าไหร่ เพราะเธอนั้นเกร็งไปหมด แม้กระทั่งหายใจยังค่อยๆ ผ่อนออกมา กลัวจะเสียงดังและสร้างความรำคาญให้คนด้านข้าง
“เป็นใบ้ขึ้นมาหรือไง ทำไมไม่พูด”
เอ้า! ความผิดเธอซะงั้น ขนมหวานค่อนขอดชายหนุ่มในใจ เหลือสายตามองอชิระเล็กน้อย
“ก็ขนมไม่รู้จะพูดอะไรนี่คะ ขืนพูดอะไรไม่เข้าหูคุณอชิเข้า ก็ถูกดุอีก”
“รู้ดี ยอกย้อน”
นั่นไง...ผิดไปจากที่พูดเสียเมื่อไหร่ พอพูดออกไปเขาก็ต่อว่าเธอกลับมา แล้วอย่างนี้ใครจะอยากพูดกันล่ะ
“วันนี้เลิกเรียนกี่โมง”
“บ่ายสองค่ะ”
“เรียนเสร็จไปหาฉันที่ห้องด้วย มีงานให้ช่วยหน่อย”
“จริงเหรอคะ มีงานให้ขนมทำเหรอคะ” หันมาถามด้วยความดีใจ เผลอยิ้มให้อชิระจนตาหยี
คนที่เห็นมาเห็นรอยยิ้มนี้เข้าถึงกับหัวใจเต้นสะดุดไป รีบหันหน้ามองถนนเบื้องหน้าตามเดิม ไม่รู้จะดีใจอะไรขนาดนั้น ให้ไปทำงานนะ ไม่ได้ให้ไปเล่นสนุกสักหน่อย ท่าจะเพี้ยนยัยเด็กนี่
“อืม”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเรียนเสร็จขนมจะรีบไปนะคะ” คนดีใจที่จะได้ช่วยงานอชิระบ้าง ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อชิระไม่เคยให้เธอแตะต้องงานที่มหาวิทยาลัยเลย มีหลายครั้งที่เธอใจกล้าขอเข้าไปช่วยงาน อยากแบ่งเบาภาระเขาบ้าง แต่ทุกครั้งเขากลับพูดใส่หน้าว่า...
นี่คืองานของครอบครัวฉัน ไม่จำเป็นต้องให้คนนอกอย่างเธอเข้ามายุ่ง
แต่วันนี้เขากลับอยากให้เธอเข้าไปยุ่งเสียนี่ ดีใจจัง
ทันทีที่เสียงอาจารย์ประจำวิชาสุดท้ายจบลง ขนมหวานก็กวาดอุปกรณ์ทุกอย่างลงกระเป๋าผ้าใบโปรดของตัวเองอย่างไม่รีรอ เก็บชีทเรียนและหนังสือรวบไว้แนบอก เตรียมจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่ใบบัวกลับคว้ามือไว้ก่อน
“เดี๋ยวขนม จะไปไหนเนี่ย ดูรีบๆ”
ไม่ใช่แค่เพิ่งรีบ แต่เพื่อนเธอรีบตั้งแต่เช้า และวันนี้ก็ดูจะมีความสุขมากเป็นพิเศษด้วยซ้ำ หรือว่าจะเป็นเพราะเมื่อเช้ามากับท่านอธิการบดี ที่เธอบังเอิญเห็นเข้า
“ไปหาคุณอชิ เขาบอกว่าเลิกเรียนให้ไปช่วยทำงานหน่อย”
“ขุนพระ! นี่ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหม พี่ชายสุดที่ร้ายของแกเนี่ยนะ ให้แกไปช่วยงาน”
นั่นไง แม้แต่ใบบัวก็ยังไม่เชื่อเห็นไหม แต่เชื่อเถอะเพราะมันคือเรื่องจริง
“ใช่ เมื่อเช้าเขาบอกฉัน ว่าให้ฉันไปช่วยทำงาน ฉันต้องไปแล้วอะบัว ไปก่อนนะ”
“เออๆ” ใบบัวที่เห็นท่าทางรีบร้อนและแววตาดีใจของเพื่อนก็ไม่อยากรั้งไว้ พยักหน้ารับปล่อยเพื่อนไป
ขนมหวานรีบเดินลงจากตึกเรียนมายังตึกอำนวยการ ที่บนชั้นสามของตึกคือห้องทำงานของอธิการบดีหนุ่ม มือบางเคาะประตูขออนุญาตไปสองสามครั้ง เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตดังมาจากด้านในจึงเปิดประตูเข้าไป และก็เห็นว่าอชิระกำลังนั่งทำงานอยู่โต๊ะตัวใหญ่ในชุดสูทเรียบหรูสีกรมท่า ใบหน้าสวมแว่นสายตา ก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสาร
“ขนมมาแล้วค่ะ”
“ตาฉันไม่ได้บอดถึงจะไม่เห็นว่าเธอมาแล้ว” คนถูกด่าเผลอย่นจมูกใส่ เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานชายหนุ่ม
“วางของลงและมายืนข้างหลังฉัน” รีบทำตามที่อชิระบอกอย่างไม่อิดออด เดินเข้ามายืนอยู่หลังเก้าอี้ทำงาน
“นวดให้ฉันที”
“หา!” เผลออุทานออกมาอย่างลืมตัว จนอชิระต้องหันมาดุทางสายตา และหันหน้ากลับไปตามเดิม พร้อมพูดย้ำออกมาอีกครั้ง
“นวดให้ฉัน”
“แล้วงานที่ว่าจะให้ขนมช่วย นี่อย่าบอกนะ...”
“คิดว่าฉันจะให้เธอมายุ่งกับงานเอกสารพวกนี้เหรอ หน้าที่เธอมีอยู่อย่างเดียวคือทำให้ฉันผ่อนคลายหายเครียด หรือว่าเธอทำไม่ได้ จริงสิ ฉันก็ลืมไปว่าเธออาจจะไม่ถนัดงานแบบนี้ งานที่เธอถนัดคงมีแค่งานบนเตียงแค่นั้นสินะ”
ขนมหวานหายใจฟึดฟัด สองมือบางบีบลงบนบ่าหนาเต็มแรง พร้อมทั้งจิกเล็บลงไปในเวลาเดียวกัน จนคนถูกบีบร้องโอดโอยออกมา
“โอ๊ย! นี่เธอ ทำให้มันเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
“ขอโทษค่ะ พอดีขนมไม่ถนัดงานแบบนี้อย่างที่คุณอชิว่า ก็เลยไม่รู้ว่าต้องลงน้ำหนักมือขนาดไหน” อชิระตวัดสายตาดุมองคนยอกย้อนตาขวาง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าขนมหวานตั้งใจ จงใจบีบเขาแรงเพื่อให้เขาเจ็บ
“อย่าคิดสู้ฉันนะขนม เพราะฉันไม่ใช่คนใจดี”
“จ้ะเอ๋ อชิขา เรียกมัดหมี่มาหามีอะไรเหรอคะ” เสียงหวานสดใสพร้อมกับรอยยิ้มของหญิงสาวที่เปิดประตูพรวดพราดเข้ามา เรียกให้คิ้วเรียวของขนมหวานขมวดเข้าหาเป็นปม
“อ้าว! นี่อชิมีแขกเหรอ ขอโทษนะคะ ที่มัดหมี่ไม่ได้เคาะประตูก่อน”
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่แขกอะไรหรอก ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นด้วย”
“อุ้ย! นี่มันเด็กที่เข้ามานั่งดูเราวันนั้นนี่คะ นี่อย่าบอกนะคะว่าวันนี้เราก็จะทำกันต่อหน้าเด็กคนนี้อีก มัดหมี่ยังตื่นเต้นไม่หายเลยนะ” มัดหมี่เดินเข้ามาหย่อนบั้นท้ายลงบนตักแกร่ง สองมือโอบกอดเอวสอบชายหนุ่มไว้ โดยที่อชิระก็กอดตอบกลับไปเช่นกัน
ส่วนขนมหวานนั้นถึงกับน้ำตาตกในพูดอะไรไม่ออก มองดูคนที่เธอรักโอบกอดผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตา
“ทำไมล่ะ เราก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้คือตอไม้ก็ได้นี่น่า ไม่เห็นต้องให้ความสำคัญอะไรเลยด้วยซ้ำ” พูดจูบอชิระก็ฉกริมฝีปากลงบนกลีบปากสีแดงที่เคลือบลิปสติกไว้ บดจูบแลกลิ้นกันต่อหน้าต่อตาขนมหวานที่ยืนตกใจกับภาพที่เห็น
อชิระปรายตามองคนที่ยืนหน้าซีดไม่พูดไม่จา ยิ่งเห็นว่านัยน์ตาคู่นั้นเอ่อคลอด้วยน้ำตาก็ยิ่งบดจูบแรงขึ้นจนเกิดเสียงดังหยาบโลน มือหนาบีบเคล้นทรวงอกใหญ่จนมัดหมี่ร้องครางอื้ออึงในลำคอออกมา
“ทุเรศ! สมสู่อย่างกับสัตว์” โพล่งออกมาอย่างสุดจะทน จับศีรษะอชิระและผู้หญิงคนนั้นชนกัน จากนั้นก็รีบวิ่งไปคว้าของที่ตัวเองวางไว้บนโต๊ะออกจากห้องไปด้วยความเร็ว กระแทกประตูห้องปิดเสียงดัง
อชิระมองประตูห้องที่ปิดไปด้วยความโมโห ที่อีกคนด่าตัวเองออกมาอย่างไม่ไว้หน้าต่อหน้าคนอื่น และยังทำร้ายร่างกายเขาอีก ร่างสูงจับมัดหมี่ออกจากตักอย่างอารมณ์เสีย
“ผมไม่มีอารมณ์ ขอตัว” ว่าแล้วก็รีบเร่งฝีเท้าก้าวยาวๆ ตามขนมหวานออกมา คิดว่าด่าเสร็จแล้วจะเดินหนีไปง่ายๆ อย่างนั้นได้หรือ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาด่าว่าเขาเยี่ยงสัตว์ มันจะมากเกินไปแล้วนะขนมหวาน
แต่ไม่รู้ว่าขนมหวานหายตัวได้หรือไง เมื่อเดินออกมากลับไม่พบหญิงสาวเสียแล้ว มองซ้ายมองขวากวาดสายตาไปทั่วบริเวณกลับไม่พบ อย่าคิดนะว่าจะหนีเขาพ้น ไปรอที่บ้านก็ดี จะได้ลงโทษให้หนักๆ ให้สมกับที่กล้าว่าเขาต่อหน้าคนอื่น